น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับถ้อยคำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ระบุในการแนะนำตัว พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระหว่างลงพื้นที่ตรวจปัญหาน้ำท่วมภาคใต้
ว่า “โฆษกไก่อู โดนด่าทุกวัน ยิ่งพูดยิ่งโดน วันนี้พูดอะไรไม่ได้ ผิดไปหมด จึงต้องมาทบทวนกันใหม่ว่า เราจะทำงานกันอย่างไร”
ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นคืออะไรกันแน่
เพราะจริงๆ แล้วโฆษกไก่อู ก็เป็นคนที่นายกฯ ตั้งขึ้นมาเอง แถมทำงาน ต่อเนื่องมาถึง 3 ปี
ต้องการปรับการทำงานจริงๆ หรือ แค่บรรเทาบรรยากาศคุกรุ่นจากคนภาคใต้เท่านั้น
เนื่องจากเมื่อไม่นาน ก็โฆษกไก่อู นี่แหละ ที่พร่ำอธิบายถึงพฤติกรรม กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
ซัดม็อบเริ่มก่อความรุนแรงจนเจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังจับกุมคุมขัง
เปรียบเทียบแกนนำม็อบอีกคนที่หายตัวไป ว่าอาจเหมือนกรณีคนที่ไปเที่ยวกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว
สร้างความเจ็บแค้นให้คนในพื้นที่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น
ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรก!??
ในอดีตโฆษกไก่อูนี่แหละ ที่ออกมาการันตีประสิทธิภาพอันเอกอุของเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ที่รัฐบาลและกองทัพทุ่มเทงบประมาณมหาศาลจัดซื้อ
แต่ที่ไหนได้ ประสิทธิภาพแท้จริง ไม่หนีจากไม้ล้างป่าช้า
จนบริษัทผู้ขายที่อังกฤษ ถูกดำเนินคดีฉ้อโกงกันกราวรูด แต่ในฝั่งประเทศไทย ทั้งคนจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งคนอนุมัติก็เงียบกริบ กันไปหมด
โชว์ฟอร์มอีกครั้งก็ผังล้มเจ้า เมื่อปี 2553 จนถูกฟ้องดำเนินคดี ก็ยอมรับกลางศาลว่าเป็นเรื่องที่เขียนเองเออเอง
โยงมั่วใส่คนนั้นคนนี้!!
เป็นโฆษกรัฐบาลคสช. นอกจากตอบโต้ทางการเมืองตามความถนัด ที่มี ก็ยังใช้ฝีปากคมกริบ กรณีชาวนา ที่บางมูลนาก ผูกคอตายหนีปัญหา หนี้สิน เนื่องจากราคาข้าวตกต่ำ
ยันว่าคนตายมีอาชีพเป็นช่างแอร์ ไม่ใช่ชาวนา
จนครอบครัวต้องหลั่งน้ำตาด้วยความคับแค้น และอดสงสารไม่ได้ ว่าวิญญาณที่สูญเสียหากรับรู้ก็ตายตาไม่หลับ
นี่แค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
สุดท้ายแล้วนายกฯ จะปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่ ก็คงจะสุดแล้วแต่
เพราะประชาชนเขาก็ชินและทำใจกันได้แล้วระดับหนึ่ง
