คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…เภรี กุลาธรรม
ระวังซ้ำรอยยุวสงฆ์
ในที่สุดก็บานปลายจริงๆ
กรณีมหาเถรสมาคม มีมติรับทราบการถอดถอนพระสังฆาธิการ ระดับเจ้าคณะจังหวัดรวม 3 รูป คือ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ฉะเชิงเทรา และกาฬสินธุ์
แบ่งเป็นฝ่ายมหานิกาย 2 รูป ประกอบด้วย พระธรรมรัตนาภรณ์ วัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี และพระราชปริยัติสุนทร วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา
ฝ่ายธรรมยุตจำนวน 1 รูป ได้แก่ พระเทพสารเมธี วัดประชานิยม จ.กาฬสินธุ์
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการแต่งตั้ง เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชรูปใหม่ ฝ่ายมหานิกาย
Advertisement
ทั้งๆ ที่ พระราชปริยัติเวที วัดมุมป้อม ยังอยู่ในตำแหน่ง ทำให้เกิดความสับสนว่าจังหวัดนี้มีเจ้าคณะจังหวัดนิกายเดียวกันถึง 2 รูปหรือไม่
จริงๆ แล้ว มติมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2564 มีวาระแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดทั้งฝ่ายมหานิกายและ ธรรมยุตรวม 30 ตำแหน่ง และแต่งตั้งแทนเจ้าคณะจังหวัดที่ถูกถอดถอนอีก 3 ตำแหน่ง
หลังจากเป็นข่าว ทำให้ชาวพุทธ ศิษยา นุศิษย์ ตลอดจนพระสงฆ์ทั่วประเทศสงสัยอย่างมาก
เพราะเจ้าคณะจังหวัดทั้ง 3 รูป ไม่ปรากฏว่ามีความผิดอะไร ไม่เคยถูกร้องเรียนด้วยอธิกรณ์ใดๆ ทั้งยังไม่เคยถูกตั้งคณะกรรมการชำระ
ทำให้พระสังฆาธิการฝ่ายธรรมยุต ตั้งแต่ระดับเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล และเจ้าคณะอำเภอในกาฬสินธุ์ แสดงพลังไปร่วมชุมนุมพร้อมหน้าโดยไม่ได้นัดหมาย
ตามมาด้วยศิษยานุศิษย์ร่วมกันระดมลงชื่อให้ได้ 1 แสนเพื่อถวายฎีกา
ขณะที่ คณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพระสังฆาธิการตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจพระธรรมรัตนา ภรณ์
ล่าสุด มีการยื่นร้องต่อคณะกรรมา ธิการของสภาผู้แทนราษฎรรวม 2 คณะให้ตรวจสอบ
น่าสนใจมาก ก็คือการประชุมมส.ในครั้งนั้น กรรมการมหาเถรฯ หลายรูป ไม่ทราบก่อนว่าจะมีวาระดังกล่าวเข้าพิจารณา
อีกทั้ง สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธฯ ซึ่งเป็นเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และกรรมการมส.ด้วย ก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้เสนอเรื่องนี้
คนที่จะต้องตอบคือ “ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” ในฐานะ “เลขาธิการมหาเถรสมาคม” ซึ่งเป็น ผู้จัดทำวาระการประชุม
ถ้ายังอึมครึมต่อไป ระวังจะมีเหตุ การณ์ซ้ำรอยการชุมนุมใหญ่เมื่อปี 2518 ของยุวสงฆ์ที่ลานอโศก วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์