คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

โดย…มันฯ มือเสือ

ประเทศไทยใครอยากเที่ยว?

ประเทศไทยใครอยากเที่ยว? : ว่าด้วยการเดินหน้าเปิดประเทศ 1 พ.ย. ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงเองเออเอง ไม่ปรึกษาใคร

ทำเอา ศบค.ตาลีตาเหลือกจะคัดค้านก็ไม่ทัน ต้องจำใจรับหลักการเบื้องต้น ส่วนรายละเอียดมาตรการอะไรต่างๆ โยนเผือกร้อนให้ศปก.ศบค.ไปหารือแล้วนำกลับมาเสนอ ศบค.ชุดใหญ่อีกที

เปิดประเทศเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่ เรื่องง่าย

แค่ว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวประเทศใดบ้าง แค่นี้ก็ปวดหัว เพราะเกี่ยวพันโยงใยถึงความสัมพันธ์-การเมืองระหว่างประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์กำหนดไว้ 10 ประเทศ เอ่ยชื่อแค่ 5 คือ จีน สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน สิงคโปร์ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตเป็นประเทศบริจาควัคซีนให้ไทยทั้งสิ้น

อังกฤษเองก็เพิ่งถอนชื่อไทยออกจากบัญชีแดง ทั้งยังเป็นเจ้าตำรับวัคซีนแอส ตร้าเซนเนก้าที่มาเปิดสาขาผลิตในไทย

เมื่อเปิดรับจีนก็ต้องเปิดรับสหรัฐเพื่อถ่วงดุล ด้วยเหตุผลเดียวกันก็สมควรต้องเปิดรับญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ ไหนยังจะรัสเซีย พันกันไปพันกันมาต่อให้ขยายเป็น 20 ประเทศอย่างที่การท่องเที่ยวฯ เสนอก็ไม่พอ

ข้อสงสัยอีกเรื่อง ยกตัวอย่างอังกฤษ ที่คุมโควิดได้ดี จนเลิกบังคับพลเมืองให้ต้องใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ ใครดูถ่ายทอดบอลพรีเมียร์ ลีก จะเห็นไม่มีใครใส่หน้ากากสักคน แหกปากเชียร์กันกระจาย

สหรัฐก็เลิก เยอรมันก็เลิก แล้วจะให้พลเมืองเขาบินข้ามน้ำข้ามมหาสมุทรเพื่อมาใส่หน้ากากเที่ยวเมืองไทย คงตลกพิลึก

หรือรัฐบาลไทยจะยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ?

ผับบาร์เคยเป็นต้นตอโควิดระบาดระลอกใหญ่ จะเปิดให้ฝรั่งขาดื่มได้เมาปลิ้นขนาดไหน ยังไง? หรือจะให้เที่ยวแต่วัด พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน ศูนย์ศิลปาชีพ แบบรักษาระยะห่าง พกเจลแอลกอฮอล์

จีนยิ่งแล้วใหญ่ เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว ก.พ.65 ไม่อนุญาตให้คนต่างชาติเข้า ทั้งที่ปัจจุบันจีนติดเชื้อน้อยมาก ก็ยังปิดประเทศ คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า

ไม่กล้าบ้าบิ่นเหมือนพี่เบิ้มไทย ฉีดวัคซีนครบสองโดสแค่ 34% แต่เคลมว่าฉีดแล้ว 70% โดยบวกคนฉีดแค่เข็มแรกเข้าไปด้วย

ตกแต่งตัวเลขป่วยติดเชื้อให้สวยหรู แต่ก็ยังหลักหมื่น สูงอันดับ 10 ของโลก อันดับ 1 ของอาเซียน

เย้ายวนให้ต่างชาติมาเที่ยวมั้ยล่ะ แบบนี้?

ท่านผู้นำผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศช่วยตอบที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน