คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…เภรี กุลาธรรม
จุฬาฯปรับ-มธ.ก็ขยับ
หลังองค์การบริหารนิสิตจุฬาฯ ที่มี นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นนายก มีมติเป็นเอกฉันท์ 29 ต่อ 0
เสนอปรับเปลี่ยนขบวนอัญเชิญ พระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีเสียใหม่
ยกเลิกใช้นิสิตแบกหาม เพราะมองว่าเป็นภาพสะท้อนของการเห็นคนไม่เท่ากัน
ทำให้นิสิตเก่าจุฬาฯ ครูบาอาจารย์บางกลุ่ม ออกมาแสดงความไม่พอใจ
แปลความหมายถึงเลยเถิดขั้นว่าให้ยกเลิกพระเกี้ยวไปเลย
เหาะเกินลงกาเป็นแถว!!
ขณะที่สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ หรือสนจ. ก็ออกประกาศสวนทาง ยืนยันจะสืบสานพิธีการที่ดำเนินมาแบบเดิมต่อไป
ล่าสุดสำนักกิจการนิสิตจุฬาฯ ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย ถึงกับออกประกาศข่มขู่ว่าจะดำเนินการสอบสวนทางวินัย เอาผิดกับนิสิตที่ออกแถลงการณ์ดังกล่าว
แต่เนื้อหากลับขัดกันและย้อนแย้งในตัวเอง
ศ.ดร.โสรัจจ์ หงส์ลดารมภ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ มองว่าใช้อารมณ์มากไป ไม่เป็นมืออาชีพ ออกทำนองขู่นิสิต ซึ่งไม่เป็นผลดีแก่ฝ่ายไหนทั้งสิ้น หน้าที่ของกิจการนิสิต คือดูแลให้บริการนิสิต จัดการชีวิตของเขาให้ดีขึ้นทุกด้าน ไม่ใช่ขู่ มหาลัยในโลกยุคใหม่ เขาไม่ทำกันแบบนี้
ขณะที่เพจนิสิต รีคอร์ดเดอร์ ซึ่งเป็นของกลุ่มนิสิตจุฬาฯ ชี้ว่าเป็นอีกหนึ่งภาคต่อจากมหากาพย์การยกเลิกกิจกรรม ขบวนผู้อัญเชิญพระเกี้ยว และการโต้ตอบระหว่างมหาวิทยาลัยและองค์กรนิสิต
พร้อมกับตั้งคำถามว่า “การกระทำที่ ไม่เหมาะสม” ในการจัดกิจกรรมของจุฬาฯ คืออะไร และการออกประกาศเช่นนี้ ถือเป็นการลิดรอนเสรีภาพทางความคิด รวมถึงเป็นการควบคุมและคุกคามการทำงานขององค์กรนิสิตหรือไม่?
ขณะเดียวกัน องค์การบริหารนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เริ่มขยับ เชิญชาวเหลืองแดงร่วมแสดงความคิดเห็นต่ออนาคตงานฟุตบอลประเพณีว่าควรมีต่อหรือพอแค่นี้?
ชี้ว่าเมื่อสังคมขยับ วัฒนธรรมปรับ คนต้องเปลี่ยน ถ้ายังมีต่อควรจะเป็นไปในรูปแบบเดิมหรือเปลี่ยนแปลง
รวมถึงใช้วิธีอื่นแทนคนแบกเสลี่ยงในขบวนเชิญธรรมจักรตรามหาวิทยาลัยหรือไม่
พื้นที่การแสดงออกทางการเมืองในขบวนพาเหรดและการแปรอักษรควรเพิ่มขึ้น และเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออกอย่างอิสระหรือไม่
รวมถึงนักศึกษาปัจจุบันต้องมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางการจัดงานมากกว่าสมาคมนิสิตเก่า-สมาคมศิษย์เก่าหรือไม่
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ น่าติดตาม!