คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

โดย…มันฯ มือเสือ

ตัวเลขฉีดวัคซีน ต้องนับที่เข็มสอง

ที่ประชุม ศบค.ใหญ่ซึ่งมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเป็นประธาน

เห็นชอบให้เลื่อน “ปลดล็อก” ธุรกิจผับบาร์ คาราโอเกะ ออกไปจากแผนคาดไว้เดิม 1 ธ.ค. เป็นหลัง 15 ม.ค.ปีหน้า

น่าเห็นใจบรรดาเจ้าของสถานบันเทิงถูกสั่งปิดเป็นกลุ่มแรกๆ หลัง โควิดเริ่มระบาด เงินช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐก็ไม่เคยได้

แต่กลับได้รับอนุญาตให้เปิดได้หลังสุดคือ จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้เปิด

แล้วก็ไม่แน่ว่าหลัง 15 ม.ค.65 จะได้เปิดหรือไม่ เพราะศบค.บอกว่าถึงเวลานั้นก็ต้องมาประเมินอีกที

สรุปสถานบันเทิงถูกลอยแพต่อไป ทั้งที่รัฐบาลและศบค.เดินหน้ามาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศตั้งแต่ 1 พ.ย.เป็นต้นมา ท่ามกลางข้อทักท้วงหลายประการ แต่รัฐบาลยืนยันไทยพร้อมแล้ว

ปลายสัปดาห์ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อย่างน้อย 2 ครั้ง เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด มั่นใจว่าภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ ไทยจะฉีดได้ครบ 100 ล้านโดส เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ 1 เดือน

จริงอยู่ในช่วง 1-2 เดือนมานี้ การฉีดวัคซีนให้พลเมืองไทยอยู่ในระดับน่าพอใจ อัตราเร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย. ถือว่าเร็วกว่าหลายเท่าตัว

แต่ที่ต้องอธิบายให้ชัดคือตัวเลขวัคซีน 100 ล้านโดสที่พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงนั้น เป็นการพูดแบบเหมารวมจำนวนวัคซีนเข็มแรกไปจนถึงเข็ม 2 และ 3

ทั้งที่ตามหลักการแพทย์ การจะเปิดประเทศให้ปลอดภัยจากโควิด จำเป็นต้องฉีดวัคซีนครบโดส หรือ 2 เข็ม ครอบ คลุมประชากร 70% หรือ 50 ล้านคนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

หากดูข้อมูลในหมอพร้อม สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ประมาณ 37 ล้านคน เข็ม 3 อีกราว 2.7 ล้านคน รวม 39.7 ล้านคน ถามว่าเยอะมั้ย เยอะ แต่ยังไม่พอสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพราะขาดอีก 10 ล้านคน/เข็ม

เมื่อฉีดวัคซีนไม่พอสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ก็เลยเปิดประเทศแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ รัฐบาลเองก็กล้าๆ กลัวๆ ไม่มั่นใจว่าสถานการณ์แบบนี้ โควิดจะกลับมาระบาดจนต้องล็อกดาวน์อีกหรือไม่

ผลคือทำให้ธุรกิจผับบาร์ต้องเลื่อนไปเปิดหลังเทศกาลฉลองปีใหม่

พลาดโอกาสกลับมาลืมตาอ้าปากไปอย่างน่าเสียดาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน