คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

โดย…รุก กลางกระดาน

ต้องใช้ความรู้รับมือปัญหา

น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับอาการหงุดหงิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ใช้เวลาในงาน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาระบายออกต่อสังคม

โดยเฉพาะเรื่องของการปลูกผักชีในค่ายทหาร และการใช้รถบรรทุกทหารขนส่งสินค้า

อ้างว่าถูกบิดเบือน และยืนยันในเจตนาที่ต้องการช่วยชาวบ้านที่ เดือดร้อน

ซึ่งแน่นอนแล้วคงไม่มีใครไปสงสัยเรื่องความตั้งใจจะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อน

แต่ก็ต้องแยกกันให้ชัดว่าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่ใช่เรื่องของเจตนา แต่เป็นเรื่องประสิทธิภาพ วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหามากกว่า

อย่างกรณีผักชี ที่ให้ปลูกในค่ายทหาร ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่เรื่องของน้ำท่วม การบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบ

การผันน้ำลงแม่น้ำ การกักน้ำลงทุ่ง ก่อนระบายอย่างเป็นจังหวะที่เหมาะสม ถูกต้อง ไม่ให้พื้นที่บ้านเรือนประชาชน หรือพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ

ซึ่งก็เห็นอยู่ว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรไม่ได้ ฝนหยุดตกเข้าสู่หน้าหนาว หลายพื้นที่ยังน้ำท่วมนานเป็นเดือน

ส่งผลให้เกิดผักแพง ไม่ใช่เฉพาะผักชี

มิหนำซ้ำการแก้ปัญหาด้วยการให้ทหารปลูกผัก สุดท้ายแล้วแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง สรุปแล้วปลูกผักได้กี่ตัน เอาไปวางขายที่ไหน ราคาเท่าไหร่ ชาวบ้านได้ซื้อไหม และช่วยเหลือกันได้กี่มากน้อย!??

ในฐานะผู้สั่งการ ก็ต้องติดตามดูตัวชี้วัดความสำเร็จ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนเรื่องรถบรรทุกนัดหยุดงาน ต้นตอปัญหาก็มาจากราคาน้ำมันที่แพง กระทบค่าขนส่ง และจะกระทบต่อราคาสินค้า และกระทบต่อประชาชน

จึงต้องตอบให้ได้ว่าการใช้รถทหารขนสินค้า จะแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่ อย่างไร

นี่คือคำถามง่ายๆ ที่ต้องหาคำตอบก่อนจะสั่งการอะไรออกไป เพื่อสะท้อนถึงความเข้าใจปัญหา และวิสัยทัศน์ของผู้มีหน้าที่บริหารบ้านเมือง

รวมทั้งการรับฟังข้อโต้แย้งอย่างไม่มีอคติ เพราะยิ่งคิดหาทางออกเองไม่เป็น ยิ่งต้องรับฟังให้มาก

ทำงานโดยใช้องค์ความรู้ ประชาชนก็จะได้เดือดร้อนน้อยลง!!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน