คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

โดย…มันฯ มือเสือ

ใหญ่ขนาดไหน คนก็ไม่เอาอยู่ดี

หลังจากรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้

ระบบการเลือกตั้งไทยจะเปลี่ยนเป็นใช้บัตร 2 ใบสำหรับเลือกส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เพื่อให้เจตนารมณ์ประชาชนในการเลือกผู้แทนเข้าไปบริหารประเทศมีความคมชัด มากขึ้น

ไม่ถูกนำไปบิดเบือนเพื่อสืบทอดอำนาจเหมือนในการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562

สำหรับกระบวนการขั้นต่อไปคือ การยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.ป.ว่าด้วยการ เลือกตั้ง หรือที่เรียกกันว่ากฎหมายลูก เพื่อให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม

เบื้องต้นร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับที่ต้องเสนอต่อสภา

จากการประมวลตามหน้าสื่อ มีที่มาจาก 4 ทางเป็นอย่างน้อยคือ ร่างรัฐบาลโดยการจัดทำของ กกต., ร่างของพรรคร่วมรัฐบาล, ร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของพรรคก้าวไกล

ในส่วนฝ่ายค้านที่แยกกันเสนอ เนื่องจากบางประเด็นมีเนื้อหารายละเอียดแตกต่างกัน เช่น เรื่องของสูตรนับคะแนนส.ส.บัญชี รายชื่อ

พรรคเพื่อไทยเสนอนับแบบคู่ขนานเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 ขณะที่พรรคก้าวไกลเสนอนำระบบคำนวณแบบจัดสรร ปันส่วนผสม (MMP) มาใช้กับระบบบัตร เลือกตั้งสองใบ

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่นักการเมือง และพรรคการเมืองส่วนใหญ่ทั้งซีกรัฐบาล และฝ่ายค้านเห็นตรงกันก็คือ การกำหนดหมายเลขผู้สมัครเลือกตั้งส.ส. ให้เป็นแบบพรรคเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศ เพื่อลดความสับสนของประชาชนผู้ใช้สิทธิ์

ยังมีเรื่องการจัดทำไพรมารีโหวต หรือการเลือกตั้งขั้นต้นภายในพรรคเพื่อ คัดเลือกผู้สมัครส.ส. ที่ต้องกำหนด รายละเอียดว่าจะทำด้วยวิธีไหน อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นภาระอุปสรรคของพรรคการเมืองจนเกินไป

การเลือกตั้งบัตร 2 ใบนี้ถูกวิจารณ์มาก ว่าสร้างความได้เปรียบให้พรรคขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันก็ทำให้พรรคขนาดกลางและเล็กเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คาดคะเนล่วงหน้า ยังไม่ใช่ ข้อสรุปที่แท้จริง

เพราะต่อให้เป็นพรรคใหญ่เคยเป็นแกนนำรัฐบาลหรือร่วมรัฐบาลมาก่อน

แต่หากไร้ผลงาน ไร้วิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศ ขาดการนำเสนอนโยบายใหม่ๆ ที่ตอบสนองคนส่วนใหญ่ บุคลากรในพรรคไร้คุณภาพ เก่งข่มขู่ คุกคาม ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน

ใหญ่ขนาดไหน จะบัตรเลือกตั้งกี่ใบ สุดท้ายคนเขาก็ไม่เลือกอยู่ดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน