คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…เภรี กุลาธรรม
กอดอาวุธเผด็จการ สานต่อมรดกคสช.
สภาผู้แทนราษฎร ลงมติไม่รับหลักการ ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. … เสนอโดย จอน อึ๊งภากรณ์ และประชาชนที่ร่วมกันเข้าชื่อสนับสนุนมากกว่า 12,000 คน
โดยมีส.ส.ลงมติจำนวน 399 คน ออกเสียงเห็นด้วย 162 ไม่เห็นด้วย 234 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังลงมติ ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ.ศ. … เสนอโดย ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และอดีต ส.ส.อนาคตใหม่
โดยมีส.ส.ผู้ลงมติจำนวน 391 คน เห็นด้วย 156 ไม่เห็นด้วย 229 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 2
ทั้งที่ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้มี หลักการ คือยกเลิกบรรดาคำสั่งและประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มีเนื้อหาจำกัดสิทธิเสรีภาพ สิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมือง และสิทธิชุมชนของประชาชน และกำหนดสถานะทางกฎหมายของคดีความของบุคคลพลเรือนที่เคยพิจารณาโดยศาลทหาร
เพื่อสอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย และให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้รับการรับรอง และถูกจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามกฎหมายในสถานการณ์ปกติ
มีจำนวนทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 29 ฉบับ
ที่ไม่เพียงแต่ประชาชนคนทั่วไปเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่บรรดานักการเมืองทั้งหลาย ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต่างก็ถูกพันธนาการด้วยอาวุธและมรดกเผด็จการเช่นกัน
เป็นความสยบยอมของเสียงข้าง มากในสภาผู้แทนราษฎรต่ออำนาจรัฐประหาร
เป็นที่น่าสังเกตช่วงที่มีการพิจารณานั้น ปรากฏว่าแทบจะไม่มีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอภิปรายแสดงความคิดเห็นเลย
แต่พอวันลงมติก็ออกเสียงคว่ำ ตีตกเสียดื้อๆ ถือว่าน่าผิดหวังและอัปยศอดสูมาก
ดังนั้น ประชาชนต้องมาทบทวนใหม่ว่าครั้งหน้าจะเลือกส.ส.เหล่านี้เข้าไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงอีกหรือไม่
เพราะพวกเขาเลือกที่จะปกป้อง คุ้มครอง และเอื้อประโยชน์ให้คสช. แทนที่จะอยู่ข้างประชาชน
ปากกาอยู่ที่มือเรา อำนาจอยู่ที่การกากบาท!!!