โรคระบาดหมู ต้องมีคนรับผิดชอบ – ยังเป็นประเด็นที่สร้างผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปอย่างรุนแรง สำหรับปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพาเหรดกันขึ้นราคา
และเป็นบทพิสูจน์การทำงานของรัฐบาล ว่ามีความสามารถในการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่
หรือจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม คงจะต้องให้เวลาเป็นเรื่องพิสูจน์ว่าจะมีเซอร์ไพรส์หรือยึดมาตรฐาน 8 ปีอย่างที่เป็นมา
และต้องไม่ลืมว่าเหตุที่ฝีแตกครั้งนี้เกิดขึ้นจากราคาหมูที่พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว จนเป็นตัวฉุดสินค้าตัวอื่นให้ขึ้นอย่างพรวดพราด
แรกเริ่มเดิมทีก็ยังสงสัยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เมื่อตรวจสอบก็พบว่าปัจจัยสำคัญเกิดจากสุกรในประเทศมีจำนวนน้อย ทำให้ราคาพุ่งสูง
ซึ่งเกิดจากโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกรนั่นเอง แถมมีข้อมูลว่าระบาดมาตั้งแต่ปี 2562 ด้วยซ้ำ
จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เกิดความกระจ่างว่าเหตุใดข้อมูลดังกล่าวถึงไม่ถูกเผยแพร่ให้สาธารณะรับทราบ
ทั้งที่มีหลักฐานของบประมาณยกระดับเรื่องโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกานี้เป็นวาระแห่งชาติ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การออกมายืนกรานของอธิบดีกรมปศุสัตว์ว่าไม่พบการระบาด
สุดท้ายเมื่อจำนนต่อหลักฐาน เพิ่งออกมายอมรับว่าพบเจอแต่ในโรงฆ่าสัตว์แห่งเดียวในจ.นครปฐม
ค้านกับข้อมูลเอกสารและคำให้การของฟาร์มหมูเป็นอย่างมาก
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตอบคำถามให้ได้ว่าที่แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร เพราะการปกปิดข้อมูล ไม่เพียงกระทบต่อชีวิตประชาชนในประเทศ
ยังกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของโลก เพราะเท่ากับว่าไม่ได้แจ้งให้องค์การสุขภาพสัตว์โลก ที่ต้องรับทราบเวลามีโรคระบาดเกิดขึ้น
จึงเทียบเท่ากับการก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศ ซึ่งยังไม่นับว่าจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศในสายตาชาวโลกจะย่ำแย่ตกต่ำถึง เพียงไหน
หากไม่สามารถหาคนรับผิดชอบดำเนินการได้ ไม่ว่าจะเป็นระดับกรม กระทรวง รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ แล้วปล่อยให้เลือนหายไปในสายลม
ก็ต้องบอกให้พล.อ.ประยุทธ์ ส่องกระจกไว้ได้เลย และเตรียมใจว่าผล กระทบทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจว่าทุกอย่างจะประเดประดังถาโถมมาหาคนที่อยู่ตรงหน้า
เป็นวิบากกรรมที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียว