งานเข้าไม่หยุดสำหรับพรรคประชาธิปัตย์
กรณีคดีซื้อบริการทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์และผู้ใช้บริการซื้อประเวณีเด็กรวมแล้วนับสิบราย มีทั้งครู นายแพทย์ ทหาร และลูกนักการเมือง
ต่อมาข่าวระบุ ลูกนักการเมืองที่ว่าคือลูกอดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ พรรคเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.
ไม่เท่านั้น เบื้องหลังยังมีข้าราชการระดับรองอธิบดีสังกัดกระทรวง พม. เข้าไปพัวพันในคดีด้วยการโทร.สั่งการเจ้าหน้าที่
ให้ข่มขู่เกลี้ยกล่อมเหยื่อเยาวชนผู้ถูกบังคับค้าประเวณีเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ซื้อบริการ
ทั้งสองประเด็นถูกนำมาเชื่อมโยงเข้าหาพรรคประชาธิปัตย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
แม้ล่าสุดจะมีคำสั่งย้ายรองอธิบดีคนดังกล่าวมาประจำกระทรวง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้วก็ตาม
แต่กระแสเรียกร้องสังคมมากกว่านั้น นอกจากต้องการให้ออกจากราชการไว้ก่อนเพราะถือเป็นข้อกล่าวหาความผิดร้ายแรง
ยังเรียกร้องให้ พม.ตั้งคนกลางที่เป็นคนภายนอกกระทรวงเข้าไปเป็นกรรมการร่วมสอบข้อเท็จจริง ในสัดส่วนจำนวนมากกว่ากรรมการจากข้าราชการกระทรวงเดียวกันเอง
เพื่อให้ผลสอบสวนที่ออกมาสร้างความมั่นใจให้สังคม ว่าจะเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา
ไม่บิดเบือนเพื่อช่วยเหลือกันเองไม่ว่าในแง่ตัวบุคคลหรือหน่วยงาน
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์กำกับดูแลกระทรวง พม. หน่วยงานหลักที่ควรทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเยียวยาช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์
จึงควรสร้างความกระจ่างให้กับสังคมโดยเร็ว ประสานร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งนำตัวกลุ่มผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
อย่าเอาแต่อ้างว่าเป็นเรื่องเปราะบาง ต้องแก้ไขอย่างเงียบๆ ไม่ให้สังคมรับรู้ อ้างว่าเพื่อปกป้องสิทธิของเหยื่อ
หรืออ้างเป็นเกมการเมืองของฝ่ายตรงข้ามจ้องขยายผลโจมตีพรรค
เพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้สังคมในช่วงที่กำลังจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ส.ก. และเลือกตั้งซ่อมส.ส.ราชบุรี
อ้างไปอ้างมา ฟังไม่ขึ้น ระวังจะเหมือนคดีอดีตรองหัวหน้าพรรค
โดนกระแสสังคมตีกลับ ถูกประชาชนลงโทษเสียเอง
มันฯ มือเสือ