“รุก กลางกระดาน”
ไม่ใช่คำพูดเล่นๆ เสียแล้ว สำหรับ วาทกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ที่ให้โอวาท เรื่องประชาธิปไตยไทยนิยม
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เพราะคิดว่าเป็นลักษณะของกลอนพาไป พูดไปตามสถานการณ์ต่อหน้าเด็กๆ
ที่สำคัญคนทั่วไปก็พอจะรู้ว่า ประชา ธิปไตยถือเป็นหลักการสากล การนำคำไทยนิยมไปพ่วงด้วย ย่อมทำให้ความหมายของประชาธิปไตยเสียไป
แต่เมื่อพล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำอีกครั้งภายในงานวันครู พร้อมอธิบายถึงความหมายว่าเป็นเรื่องการสร้างจิตสำนึกร่วมกัน มีอุดมการณ์เดียวกัน ทำให้ประเทศชาติมั่นคง แต่ไม่ทิ้งสาระสำคัญของประชาธิปไตยสากล
ตามด้วยการไปพูดกับประชาชน ระหว่างไปราชการที่จ.แม่ฮ่องสอน ระบุว่า เป็นการขับเคลื่อนจากบนลงล่าง
และจัดตั้งคณะทำงาน 8 พันคณะลงพื้นที่ทั่วประเทศ
ยิ่งทำให้รู้ว่าไม่ใช่แค่การพูดเล่นๆ แต่น่าจะเป็นคำที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้อธิบายความต่อสังคม
สร้างข้อสงสัยว่า หรือรัฐบาลจะเร่งหาเสียงในช่วงที่พรรคการเมืองอื่นถูกมัดมือมัดเท้าด้วยคำสั่งคสช.ที่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง?
แม้จะไม่เข้าใจว่าประชาธิปไทยไทย นิยม หรือประชาธิปไตยแบบไทยๆ ของพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นแบบไหนกันแน่
ที่สำคัญจะถูกจริต ถูกใจ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่
เป็นเรื่องในอนาคตที่จะต้องถูกพิสูจน์!
แต่พื้นฐานที่ต้องเอามาพิจารณาก็คือบทบาทในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล สร้างความนิยมให้คนส่วนใหญ่มากน้อยเพียงไหน
ไม่ว่าจะเป็นการปรับทัศนคติกลุ่มคนเห็นต่าง ดำเนินคดีทั้งพ.ร.บ.คอมพ์ กฎหมายอาญา มาตรา 116
จับกุมคุมขังโดยยังไม่ต้องตั้งข้อหา ใช้ม.44 กันจนนับไม่ถ้วน ตั้งแต่แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ จนกระทั่งเรื่องที่มีผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าเรื่องโรงไฟฟ้า หรือละเว้นกฎหมายผังเมือง
อนุมัติงบประมาณจัดซื้ออาวุธอย่างมโหฬาร การจัดการกับปัญหาคอร์รัปชั่นที่พรรคพวกเพื่อนฝูงถูกกล่าวหา
ยืนยันได้หรือไม่ว่าถ้ากลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วใครจะนิยม?