เป็นปฏิกิริยาที่น่าสนใจ สำหรับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แสดงออกหลังจากถูก ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างพิจารณาเรื่องวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี
นั่นก็คือการเดินหน้าทำงานในฐานะรมว.กลาโหม ด้วยการเข้าทำงานที่กระทรวง ปล่อยภาพเซ็นเอกสาร และสั่งงานรมช.กลาโหม พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล
ต่อด้วยการเดินทางร่วมนิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศ ชื่นชมอาวุธยุทโธปกรณ์ และเล็งปืนโชว์ให้สื่อได้เก็บภาพ
ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าพล.อ. ประยุทธ์ยังเดินหน้าสู้ต่อว่ายังอยู่ในวงจรของอำนาจ แม้ไม่ใช่นายกฯ แต่ก็ในฐานะรมว.กลาโหม
ทั้งที่จริงๆ แล้วตามมารยาท เมื่อศาลสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ หน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารอย่างการเป็นรัฐมนตรี ก็ควรจะยุติรอให้ศาลมีคำวินิจฉัย
ไม่ใช่ใช้การตีความแบบศรีธนญชัยว่าตำแหน่งรัฐมนตรีอื่น ไม่เกี่ยวกับการเป็นนายกฯ
แม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ก็ไม่ใช่ตัวอย่างอันดีนัก ยิ่งกับบุคคลที่อ้างว่าเคารพกฎหมาย และไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย และไม่ยึดติดกับอำนาจใดๆ
แถมยังทำให้คนที่รักษาการทำหน้าที่ต่อไปอย่างยากลำบาก
แต่เมื่อเลือกปฏิบัติเช่นนี้ ก็คงไม่สามารถก้าวล่วง และเชื่อว่าจะเห็นภาพพล.อ.ประยุทธ์พยายามออกงานให้เห็นว่ายังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อ อย่างน้อยก็จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเรื่องดังกล่าว
กลายเป็นคำถามต่อไปอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเชื่อมั่นใช่ไหมว่ายังสามารถดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้ต่อไป แม้จะเป็นมาแล้ว 8 ปี ตั้งแต่วันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อ 24 ส.ค. 2557
แล้วพล.อ.ประยุทธ์ คิดว่าตัวเองจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ และควรนับตั้งแต่ตรงไหน
การนิ่งเงียบ ไม่ทำให้ชัดเจน ล้วนไม่ก่อให้เกิดผลดี แถมยังอาจเกิดความเข้าใจผิดในการเคลื่อนไหวกดดันกันในทางลับ
อย่างน้อยก็ได้ให้ประชาชนได้รับทราบว่าจุดยืนนั้นเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ หรือเป็นประโยชน์ของใครเป็นที่ตั้ง
สำคัญอยู่ที่ว่ากล้าชี้แจงหรือไม่เท่านั้น!!!
รุก กลางกระดาน