กลายเป็นคู่ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เนื่องจากทั้งคู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน แต่กลับแยกทางกันเดิน โดย พล.อ.ประยุทธ์ไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ปักหลักอยู่กับพลังประชารัฐ

แม้จะเดินกันคนละทาง แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ซึ่งด้วยรากฐานที่มาเดียวกันนี้

ทั้งฐานเสียงจากกลุ่มประชาชนที่นิยมชมชอบในแนวทางอนุรักษนิยม และกลุ่มส.ว.ที่จะมีบทบาทอย่างสูงในการเลือกตัวนายกฯ

จึงเชื่อว่าทั้งคู่จะต้องขับเคี่ยวกันเพื่อแย่งชิงเสียงสนับสนุน และแน่นอนว่าผู้ชนะมีได้เพียงคนเดียว

ทุกอากัปกิริยา ของทั้งคู่จึงถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ เปรียบเทียบ ตั้งแต่การลงพื้นที่ ทั้งตรวจราชการ หาเสียง ที่คล้ายกับจะปาดหน้ากันไปมา

การแสดงออกต่อสาธารณะที่ล่าสุดก็นำท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ต่อการเปิดตัวของนายเศรษฐา ทวีสิน เข้าสู่สนามการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ไปเปรียบเทียบกับการแสดงออกของพล.อ.ประวิตร

วิเคราะห์ทั้งเรื่องการควบคุมอารมณ์และวุฒิภาวะกันอย่างลึกซึ้ง!!!

ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับท่าทีพล.อ.ประวิตร ที่ประกาศก้าวข้ามความขัดแย้ง ออกจดหมายเปิดผนึก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เขียนเอง แต่ยืนยันอ่านตรวจทานทุกตัวอักษร และรับผิดชอบทุกถ้อยคำ

แสดงออกถึงที่มาที่ไปของอุดมการณ์อนุรักษนิยมที่บ่มเพาะมา และจุดเปลี่ยนการก้าวเข้าสู่เสรีประชาธิปไตย

สรุปได้ในทำนองว่าหันกลับมาเชื่อมั่นในเสียงของประชาชนแล้ว

ถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นจากผู้นำที่มาจากกองทัพ และมีอำนาจในช่วงการรัฐประหาร จะแสดงออกให้สังคมรับรู้

อย่างไรก็ดีความเข้าใจเหล่านี้ จะเหมาะสมหรือไม่ หากเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ที่มีคนถูกจับกุมคุมขังเพราะคิดต่าง การอุ้มหายบุคคล การคุกคามต่างๆ ทั้งในและนอกกฎหมาย

แถมในปัจจุบันก็ยังไม่มีแนวทางใดๆ ที่จะขจัดความขัดแย้งให้หมดไป หรือเอาแค่ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างเหมาะสม

ประชาชนจะให้คำตอบในวันเลือกตั้งเอง!!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน