ถูกตั้งคำถามอย่างมากถึงการแก้ไขปัญหาและการสื่อสารข้อมูลต่อประชาชน สำหรับกรณีวัตถุกัมมันตรังสี ซีเซียม 137 สูญหายไปจากโรงไฟฟ้า จ.ปราจีนบุรี

รายงานระบุว่ามีการสูญหายไปตั้งแต่เดือนก.พ. 2566 แต่กว่าจะเป็นข่าว ก็ล่วงมาวันที่ 10 มี.ค.

จนกระทั่งเมื่อค่ำวันที่ 19 มี.ค. ถึงจะมีรายงานว่า พบสารซีเซียม 137 จากการตรวจสอบโรงหลอมโลหะในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรีพบเป็นการปนเปื้อนในฝุ่นโลหะที่ได้จากการผลิตโลหะ

เท่ากับว่าวัตถุดังกล่าวถูกหลอม และมีโอกาสจะฟุ้งกระจาย!!!

ท่ามกลางความสับสนอลหม่านทั้งจากข้อมูลบริหารจัดการภาครัฐ ผู้ว่าฯ ปราจีนฯ ก็แถลงชี้แจง ระบุว่าพบว่ามี การหลอมโลหะบรรจุซีเซียม 137 จริง พบระเหยเป็นไอกระจายในเตาหลอม ยืนยันว่ากระบวนการผลิตเป็นระบบปิด ทำให้ไม่ฟุ้งกระจายไปภายนอก และขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะควบคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว

แต่คำชี้แจงดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะแถบปราจีนบุรี และใกล้เคียงสบายใจขึ้นแม้แต่น้อย

แถมยังตั้งคำถามว่าควบคุมได้จริง หรือไม่??

อีกทั้งการสืบสวนว่าหายไปได้อย่างไร ใครลักขโมย เอาไปขายที่โรงหลอมเหล็กได้อย่างไร

ก็ไม่มีข้อมูลออกมา

ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะซีเซียม 137 ที่มีโอกาสตกลงสู่แหล่งน้ำและดินโดยรอบ สามารถกระจายไปไกลได้ถึง 1,000 กิโลเมตร

อาจปนเปื้อนสู่วงจรอาหาร ผัก ผลไม้ น้ำ และบางส่วนอาจหายใจเข้าไป ซึ่งหากเป็นเวลานานก็อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ และหากจัดเก็บไม่ดีก็เกิดการปนเปื้อนได้อีกเช่นกัน

การย่อยสลายตามธรรมชาติ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 100 ปี อันจะส่งผลกระทบต่อประชาชนให้ตายผ่อนส่ง

จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง!!!

และน่าเสียดายที่เราไม่เห็นความกระตือรือร้นจากรัฐบาล เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้ กลับเป็นระดับภูมิภาค เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์

ทั้งที่เหตุการณ์อาจรุนแรงบานปลายเกินกว่าที่ระดับข้าราชการประจำจะรับมือไหว

น่าสงสัยว่ารัฐบาลเองให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร หรือมัวแต่ลงพื้นที่หาเสียง โดยละเลยปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้น

สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวในการจัดการของรัฐอย่างสมบูรณ์!!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน