พลิกจากตำแหน่งรัฐมนตรีโลกไม่จำ มาเป็นผู้มีชื่อเสียงได้เพียงข้ามคืน

สำหรับหมอธี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ที่ดำรงตำแหน่งมาปีกว่า

หลังจากโชว์ฟอร์มประดุจกินดีหมีหัวใจมังกร วิพากษ์วิจารณ์ปมนาฬิกาหรู 25 เรือน ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ไว้อย่าง ดุเด็ดเผ็ดมัน ระหว่างร่วมงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

โดยเฉพาะประโยคเด็ด อาทิ ‘เมืองไทยอย่างหนาตราช้าง’ และ ‘เรื่องนาฬิกา ถ้าผมถูก exposed (เปิดโปง) เรือนแรก ผมก็ออกแล้ว’

จนกระทั่งกระแสที่ดูจะเบาบางลง ถูกโหมประโคมขึ้นมาอีกครั้ง

เซ็งแซ่ด้วยเสียงยกย่องหมอธี รวมถึง จี้ถามถึงจริยธรรมของ พล.อ.ประวิตร ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าความกล้าหาญในการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะไปสูดอากาศที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพ

แต่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองไทย ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร ถึงขนาดที่กองเชียร์ที่ชูป้ายไฟสนับสนุนกลับอารมณ์ไม่ทัน

ไล่ตั้งแต่โทรศัพท์ลาประชุมครม. ก่อนย่องเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ที่ทำเนียบรัฐบาล

ก่อนออกมาแถลงข่าวเสียงอ่อย ขอโทษพล.อ.ประวิตร อย่างรวดเร็ว พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่ลอนดอน ว่าเป็นการพูดคุยกับนักข่าวโดยไม่รู้ว่าถูกบันทึกเทป และไม่คิดว่าเป็นการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ

แต่พูดจริงตามที่เป็นข่าวทุกคำ

ยอมรับตัวเองเสียมารยาทกับเพื่อน ร่วมครม.

ยืนยันเสียงดังฟังชัด ไม่ลาออก ทำงานร่วมกันได้ ตราบใดที่นายกฯ ยังไว้ใจ

ทิ้งไว้แค่คลิปเสียงที่ถูกบันทึกไว้

ไม่ว่าจะเป็น ‘ลาออกตั้งแต่เรือนแรก’ รวมทั้ง ‘สงสัยว่าทำไมคนไม่กล้าพูด ทำไม พูดแล้วใครจะไล่ออกเหรอ’

รวมทั้งคำถามว่าทำไมคนต้องคิดเหมือนกัน หรือกระทั่งหลัก ‘เผ่ากู’

ให้ลอยไปตามอากาศ เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่คอยตามหลอกหลอน

แล้วก็ก้มหน้าก้มตาร่วมรัฐบาลทหารต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน