บรรดานักร้องเรียนหน้าเดิมคุ้นเคยกันดีของสังคม เคลื่อนไหวอย่างหนักต่อเนื่อง คัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท
นโยบายเรือธงรัฐบาลเศรษฐา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การจับจ่ายใช้สอยครั้งใหญ่ของประเทศ
รัฐบาลแถลงสรุปเงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ไปแล้ว เช่น คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ไม่ถึง 7 หมื่นบาทต่อเดือน หรือมีเงินฝากต่ำกว่า 5 แสนบาท
คาดมีประชาชนได้รับสิทธิ์ 50 ล้านคน เริ่มโครงการเดือนพ.ค.2567
ใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท จากการออกพ.ร.บ.เงินกู้ และออกพันธบัตรรัฐบาล หรือบอนด์
ล่าสุดนักร้องเรียนไปยื่นหนังสือต่อกกต.ให้ชี้แจง โดยอ้างถึงนโยบายไม่ตรงปกตามที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียง และส่งเอกสารชี้แจงต่อกกต.
ไม่ว่าจะเป็นเงินงบประมาณที่จะมาจากการกู้ หรือจำนวนคนที่จะได้รับแจก
อีกรายไปยื่นร้องผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้พิจารณาเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
Advertisement
โดยยกกรณีที่รัฐบาลจะตราพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้โครงการว่าอาจขัดแย้งรัฐธรรมนูญ 2560 และกฎหมายการเงินการคลังหรือไม่
นอกจากกลุ่มนักร้องเรียนแล้ว ยังมีพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ให้สัมภาษณ์รายวันแสดงเหตุผลไม่เห็นด้วย รวมถึงข้อติติงต่างๆ ซึ่งในทางการเมืองย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
โดยส่วนหนึ่งก็แสดงความเป็นห่วง มีเหตุผลน่ารับฟังไปปรับปรุงแก้ไข เพราะต้องใช้งบมหาศาล สุ่มเสี่ยงต่อวินัยการเงินการคลัง
แต่ความเห็นแย้งอีกส่วนหนึ่ง ก็มีร่องรอยความผิดหวังที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล หรือร่วมรัฐบาล
นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท โครงการที่รัฐบาลเศรษฐาประกาศจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังประสบวิกฤตปัญหาหลายปี ทั้งปัจจัยในประเทศ และนอกประเทศที่นอกเหนือการควบคุม
แต่ด้วยโครงการใหญ่ ต้องใช้งบมหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท จึงย่อม ถูกจับจ้องเป็นธรรมดา
ไม่ว่าจะทั้งนักวิชาการ นักการเงิน นักเศรษฐศาสตร์ พรรคฝ่ายค้าน ตลอดจนกลุ่มอนุรักษนิยมการเมือง ดังที่ปรากฏผ่านการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลจะต้องไม่ท้อถอย คือต้องหมั่นขยันอธิบายทำความเข้าใจต่อกลุ่มต่างๆ อย่างไม่หยุดหย่อน พร้อมนำข้อแนะนำไปปรับใช้ให้โครงการโปร่งใส รอบคอบ รัดกุมอย่างถึงที่สุด
เพราะกระแสตอบรับจากโครงการนี้ ประชาชนและผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างขานรับและรอคอย
ข้าวตอกแตก