กระแสข่าวว่าจะมีการปรับ ครม. ในช่วงเวลาอันใกล้ น่าจะมีสาเหตุจาก 2-3 ประเด็นการเมือง

อย่างแรก การที่กรมราชทัณฑ์ยอมรับว่านายทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี มีคุณสมบัติเข้าข่ายได้รับการพักโทษ เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังอายุเกิน 70 ปี มีอาการเจ็บป่วย

รวมถึงรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หรือ 4 เดือน ครบกำหนดเดือนหน้า

การได้รับพักโทษของ “ทักษิณ” ทำให้หลายคนเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งในรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ บางคนไปไกลถึงขั้นว่าจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จาก “เศรษฐา ทวีสิน” มาเป็น “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร

อย่างไรก็ตาม วงในใกล้ชิดทั้ง 3 คนปฏิเสธ ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริง

ถัดมา กรณีพรรคภูมิใจไทย จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ความเป็นรัฐมนตรีของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” สิ้นสุดลง จากปมถือหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่เสี่ยงต่อการถูกนำไปขยายผล ลามถึง “ยุบพรรค”

แม้เป็นเรื่องอีกไกล แต่ก็ทำให้ภาพพรรคหม่นหมอง พลังต่อรองหดหายแต่จะถึงขั้นถูกริบคืนเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใหญ่หรือไม่ เปอร์เซ็นต์ถือว่าน้อย

เพราะถึงอย่างไรภูมิใจไทยก็เป็นพรรคแรกที่เปิดตัวแถลงจับมือกับเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลผสมสูตรไม่มีก้าวไกล ที่กลายมาเป็นรัฐบาล “แกงส้มผลักรวม” ทุกวันนี้








Advertisement

“ผมยืนยันมาตลอดเวลาว่า เรายังทำงานร่วมกันดีอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีทุกคนก็ทำงานหนักมากตรงนี้ขอให้ฟังจากผมคนเดียว ถึงเวลาเมื่อไรจะบอกเองก็แล้วกัน” นายกฯ เศรษฐา กล่าวถึงกระแสปรับ ครม.

ประเด็นท้ายสุด การที่ สว.ชุดปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดวาระ 5 ปีเดือนพ.ค.นี้ ที่หลายคนเชื่อว่าอาจเป็นการ “ปลดล็อก” องค์ประกอบรัฐบาลและพรรคการเมือง ก็ต้องรอดูว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่

การปรับ ครม.ถือเป็นเรื่องปกติ หากปรับแล้วได้คนเก่งมาช่วยรัฐบาลทำงานดีขึ้น ภายใต้เงื่อนไขผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่ผลประโยชน์ต่อรองทางการเมือง หรือพรรคการเมืองในแบบสมบัติผลัดกันชม

ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่ความวุ่นวายแตกแยก ประชาชนเสื่อมศรัทธาในที่สุด

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน