ทิ้งหมัดเข้ามุม - แก้พิพาทที่ดิน ประชาชนเป็นที่ตั้ง

ข้อพิพาทระหว่างสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรฯ กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรฯ

กรณีพื้นที่ทับซ้อนกันหรือไม่ กับบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ยังอยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์

บานปลายไปสู่การแจ้งความตำรวจดำเนินคดีเอาผิดต่อกัน

โดย ส.ป.ก.กล่าวโทษข้าราชการใหญ่กรมอุทยานฯ กับพวกร่วมกันถอนหลักหมุดส.ป.ก. ที่จำแนกเขตออกจากป่าไม้ถาวรเขาใหญ่ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของส.ป.ก.

ในการแจ้งความนั้น ส.ป.ก.ยังคงยืนกรานพื้นที่พิพาทอยู่ในอำนาจ และความรับผิดชอบนำไปปฏิรูปจัดสรรเพื่อเกษตรกรรม

เรื่องนี้คงต้องไปพิสูจน์ความถูกผิดทางคดีกันต่อไป

เพราะฝ่ายกรมอุทยานฯ เองก็ยังยืนยันเช่นกัน หมุด ส.ป.ก.รุกล้ำพื้นที่อุทยานฯ เขาใหญ่

จากการแจ้งความกล่าวหาระหว่าง 2 หน่วยงาน ทางปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ และปลัดกระทรวงเกษตรฯ พร้อมผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 กระทรวงมาร่วมประชุมหาทางออก และทำความเข้าใจต่อกัน

ด้วยการทำข้อตกลงร่วมกัน และจะนำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อกำหนดเป็นมาตรการทำงานร่วมกันในอนาคต

สาระสำคัญคือต่อไปนี้การออกที่ดินส.ป.ก. จะต้องมีคณะกรรมการประกอบด้วย 9 หน่วยงานมาช่วยกันพิจารณารับรองแนวเขตร่วมกัน และเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

9 หน่วยงานคือ ปฏิรูปที่ดินจังหวัด, หัวหน้าอุทยานฯ หรือหัวหน้าวนอุทยานฯ, สำนักงานป่าไม้จังหวัด, สภาพัฒนาที่ดินจังหวัด, สำนักงานที่ดินจังหวัด, สำนักงานธนารักษ์จังหวัด, สำนักงานส่งเสริมสหกรณ์จังหวัด, สำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัด และสำนักทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

แต่เป็นที่น่าเสียดายระหว่างการแถลงถึงข้อตกลงดังกล่าว กลับไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนเท่าที่ควร เพราะเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้เสียต่อปัญหาที่ดินทับซ้อน

ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ นายกฯ ได้ย้ำอีกครั้งถึงการแก้ปัญหาเรื่องนี้

นายกฯ ระบุว่า การทะเลาะกัน 2 หน่วยงานไม่ใช่เรื่องใหญ่

นอกจากยึดกฎหมายแล้ว ให้เอาเรื่องที่ดินทำกิน ความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง

เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนก็จะไม่มีสิทธิ์ในที่ดินทำกิน

ข้าวตอกแตก