พุทธศาสนิกชนชาวไทยและประเทศใกล้เคียง จักได้กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกครั้ง
ระหว่างวันที่ 5 ธ.ค.2567 ไปจนถึงวันที่ 14 ก.พ.2568 รวมระยะเวลา 73 วัน
รัฐบาลจะเปิดให้คนไทยเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ “พระเขี้ยวแก้ว” จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยรัฐบาลจีนอนุญาตให้อัญเชิญมาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
อีกทั้ง เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี พ.ศ.2568
กำหนดตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. ทุกวัน โดยได้จัดเตรียมรถเมล์ ขสมก. และเรือ รับ-ส่ง และเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมดอกไม้สักการะและโปสการ์ด พร้อมบทสวดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ไว้ให้ ไม่ต้องนำมาเอง
นอกจากนี้ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ยังจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รวม 5 โซน
ประกอบด้วย โซนที่ 1 “ดับขันธปรินิพพาน มกุฎพันธนเจดียสถาน” โซนที่ 2 “พุทธะบารมีพระสรีระธาตุ” โซนที่ 3 “พระเขี้ยวแก้ว” โซนที่ 4 “ใต้ร่มเศวตฉัตร ทศมรัช พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” และโซนที่ 5 “ความสัมพันธ์ไทย-จีน”
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยได้อัญเชิญ “พระบรมสารีริกธาตุ” และ “พระอรหันตธาตุ” ของ “พระสารีบุตร” และ “พระโมคคัลลานะ” ที่เป็นองค์ดั้งเดิม จากประเทศสาธารณรัฐอินเดีย
อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และอัญเชิญไปประดิษฐานยังภูมิภาค ระหว่างวันที่ 24 ก.พ.-19 มี.ค.2567 ใน 4 จังหวัด
เริ่มที่มณฑปท้องสนามหลวง และอัญเชิญไปประดิษฐานในอีก 3 จังหวัดในภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยเช่นกัน
ยอดจำนวนผู้เข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งสิ้น 4,127,590 คน
ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีและเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งในชีวิต ที่จะได้ไหว้สักการะพระอนุสรณีย์ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่!!
เภรี กุลาธรรม