ผ่าน 1 เดือนเต็ม หลังครม.อนุมัติหลักการร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
กำหนดกรอบ 50 วัน นำไปปรับแก้ให้สอดคล้องนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งเน้นสร้างแมนเมด เดสติเนชั่น (Man-made Destination) หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา
ล่าสุด นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันความคืบหน้าพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ว่า น่าจะเสร็จสิ้นช่วงต้นเดือนมี.ค. ตามกรอบ 50 วัน
1 เดือนที่ผ่านมา กฤษฎีกาพิจารณากรอบหลักการร่างพ.ร.บ. โดยปรับให้ชัดขึ้น ก่อนเข้าสู่วาระสอง พิจารณาในรายละเอียด ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนมากพอควร แต่สาระสำคัญยังคงเดิม หรือคล้ายเดิม
สำหรับสัดส่วน “กาสิโน” จะต้องกำหนดไว้ในตัวร่าง กินพื้นที่กี่เปอร์เซ็นต์ตัวเลขยังไม่นิ่ง แต่โดยหลักต้องไม่เกิน 10% อาจจะ 5% หรือ 8% แล้วแต่สถานการณ์
ซึ่งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรจะเป็นผู้พิจารณาประเด็นนี้ในแง่การลงทุน ที่ระบุไว้ว่าการลงทุนต้อง 100,000 ล้านบาท และค่าใบอนุญาตอีก 5,000 ล้านบาท
“เรื่องนี้เราทำตามนโยบายรัฐบาล เราเป็นฝ่ายข้าราชการประจำ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องแล้วแต่นโยบายรัฐบาล ไม่เช่นนั้นเท่ากับฝ่ายข้าราชการประจำทำตัวเป็นฝ่ายบริหารเสียเอง ซึ่งมันจะผิดหลัก—”
“—เข้าใจดีถึงความสนใจในเรื่องนี้ของทุกภาคส่วน รวมถึงความห่วงใย แต่ก็ต้องเข้าใจเรื่องระบบในการทำงานด้วย ว่าฝ่ายข้าราชการประจำจะไปทำตัวเป็นฝ่ายบริหารเสียเอง มันไม่ถูกเรื่อง” เลขาฯ กฤษฎีกา ระบุ
ขั้นตอนหลังพ้นมือกฤษฎีกา รัฐบาลจะเสนอร่างเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระ 1 เพื่อรับหลักการ วาระ 2 การแปรญัตติและตั้งกรรมาธิการพิจารณารายมาตรา และเข้าสู่วาระ 3 เพื่อลงมติ ก่อนส่งต่อไปยังวุฒิสภาพิจารณาอีกครั้ง
น่าจะอภิปรายกันหนักทั้งสองสภา แต่ก็ไม่นับเป็นด่านหิน เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายรัฐบาล พรรคร่วมเห็นชอบด้วยกันมาตั้งแต่แรกเมื่อครั้งแถลงต่อรัฐสภา
รวมถึงสว.กลุ่มใหญ่ภายใต้อาณัติสัญญาณพรรคสีน้ำเงิน อาจจะมีที่ออกแนวป่วนอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเชื่อว่าทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ ตอกเสาเข็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แห่งแรกก่อนปี 2570
มันฯ มือเสือ