ชี้ชัดหละหลวม
ตั้งกก.สาง5ปม

‘บิ๊กตู่’เปิดแถลงคดีบอส กระทิงแดงวันที่ 1 ก.ย.นี้ หลัง ‘วิชา มหาคุณ’ส่งรายงานสรุปคดีมาให้แล้ว เผยบทสรุป 10 หน้า ชี้ชัดว่าใคร หน่วยงานไหนผิดอย่างไร ไม่มีกั๊ก มีทั้งชื่อ ตำแหน่ง ยันโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีลับลมคมใน นายกฯยอมรับคดีหละหลวม พบพิรุธเป็นมหากาพย์ เตรียมนำเข้าที่ประชุมครม. เล็งตั้งคณะกรรมการดำเนินการต่อ ด้านตร.ทองหล่อส่งสำนวนคดีบอสให้อัยการพิจารณา ‘อิทธิพร’หัวหน้าคณะทำงานขอตรวจสำนวนก่อนพิจารณาสั่งคดีเลยได้หรือไม่ ขณะที่‘ชาญชัย’เชื่อไม่เกินเดือนหน้ามีคำตอบคืบหน้าคดี

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ได้นำรายงานฉบับสมบูรณ์ในการค้นหาความจริงกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ยื่นต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง

นายวิชากล่าวว่า รายงานที่ส่งให้นายกฯ มีประมาณ 100 หน้า แต่ข้อสรุปจริงๆ มีประมาณ 10 หน้า ที่จะเป็นรายละเอียดเขียนไว้ชัดเจนว่า เกิดความบกพร่องที่ใคร หน่วยงานไหน ซึ่งนายกฯ นัดตนและคณะกรรมการเข้ารายงานข้อสรุป มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เข้าร่วมรับฟังด้วย และนายกฯ ได้รับฟังพร้อมจดบันทึกด้วยตัวเอง และบอกชัดเจนว่า วันที่ 1 ก.ย. จะนำเข้าครม. เพราะมีหลายเรื่องเป็นข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย หลายหน่วยงานที่จะต้องนำไปปฏิบัติต่อ ขอให้รอฟังนายกฯ แถลงในวันที่ 1 ก.ย.

นายวิชากล่าวต่อว่า นายกฯ ยังบอกด้วยว่าจะแจกข้อมูลสำคัญที่เป็นเอกสารให้กับสื่อนำไปเผยแพร่ เพราะถือว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการ ตรวจสอบโดยโปร่งใส ไม่มีลับลมคมใน และนายกฯ ต้องการนำเรื่องนี้ไปสู่การแก้ไขอย่างแท้จริง โดยเฉพาะข้อเสนอแนะของคณะกรรมการที่จะต้องนำไปทำอย่างจริงจัง ขอให้รอวันที่ 1 ก.ย. ซึ่งนายกฯ จะแถลงภายหลังการประชุมครม. และจากนั้นได้มอบให้ตน เปิดการแถลงข่าวที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

“ในเอกสารข้อสรุปที่นายกฯ จะนำมา เปิดเผย อ่านดูก็รู้ว่าใครผิด รายละเอียดจะอยู่ในนั้นทั้งหมด ขอให้พวกเราไปติดตามอ่านพรุ่งนี้ ในนั้นจะรู้หมดเลย เขียนชัดเจน ไม่มีกั๊ก มีทั้งชื่อ ทั้งตำแหน่ง ทั้งหน่วยงานอยู่ในนั้นทั้งหมด” นายวิชากล่าว

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่าเรื่องนี้มีคนผิดทั้งวินัย อาญา และจริยธรรม มั่นใจหรือนำไปดำเนินการถึงขั้นเอาผิดได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ในรายงานมีรายละเอียดทั้งหมด และนายกรัฐมนตรีตั้งใจอยู่แล้วว่า จะต้องส่งให้หน่วยงานที่จะรับผิดชอบต่อไป ขอให้รอฟังนายกรัฐมนตรีแถลง และพรุ่งนี้ตนก็จะแถลงรายละเอียดต่อทันที

เมื่อถามย้ำว่าก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร.นำหลักฐานมายืนยันว่าตนเองอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงเวลาที่พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน อ้างว่า พล.ต.อ.สมยศได้แนะนำให้รู้จักนักวิชาการ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถนายวรยุทธ นายวิชาตอบว่า “เอาเถอะ เราชัดเจนแล้ว ไปอ่านในสำนวนจะรู้เลยอยู่ในรายงาน ไม่มีแทงกั๊ก ในส่วนของคณะกรรมการมีความชัดเจน ให้ไปอ่านในรายงานดูก็จะรู้เลยว่าไม่มีแทงกั๊ก ทำอะไรเราต้องโปร่งใส เปิดเผย ตรวจสอบได้ ไม่มีแทงกั๊ก ไม่มีคลุมเครือ”

นายวิชากล่าวด้วยว่า หลังจากนี้คณะกรรมการยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่ออีก 30 วัน เพื่อนำไปสู่แนวทางการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมต่อไป

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ภายหลังวันนี้นายวิชา มหาคุณ เข้าทำเนียบเพื่อรายงานผลครบ 30 วัน ว่า คดีนี้มีความคืบหน้ามาโดยตลอด ตนได้พูดคุยกับนายวิชาที่เข้ามาชี้แจง 5 ประเด็น ซึ่งวันนี้มีปัญหาในข้อกฎหมายมาก ทั้งเรื่องของสำนวนและการเรียกพยานมาสอบปากคำ ซึ่งที่จริงควรจะจบไปตั้งนานแล้ว ทั้งนี้ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่อไป ให้เกิดความชัดเจน เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ต้องไปดูเรื่องของกฎหมาย ระเบียบ และการร้องให้ทำคดีใหม่ ส่วนตัวคิดว่ายังสามารถที่จะดำเนินคดีได้

เมื่อถามว่านายวิชาย้ำว่าพบพิรุธในคดีจนกลายเป็นมหากาพย์ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าจะพูดอย่างนั้น ก็พูดได้ ก็คงใช่ ถ้าไปโยงกันอย่างนั้น และถ้ามองในภาพใหญ่ คำว่ามหากาพย์คงไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องไปดูเรื่องของกฎหมายและระเบียบการ ซึ่งวันนี้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานอนุกรรมการชุดพิจารณาข้อกฎหมายคดีนี้ก็มาด้วย มารายงานขั้นตอนในคดีความ และการร้องเรียน

“มันมีอะไรที่หละหลวมอยู่พอสมควร เมื่อได้ความจริงมาแล้วก็จะต้องสั่งคณะกรรมการทำงานในส่วนนี้ทั้ง 5 ประเด็น เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้เสียกฎหมาย เพราะอย่าลืมว่า คดีนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายแสนคดี ที่เขาไม่มีปัญหาอะไร ก็ต้องเยอะแยะ ไม่ใช่ระบบเราล้มเหลวทั้งหมด ผมว่าบกพร่องด้วยคนนั่นแหละ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

วันเดียวกัน พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลือสัจจกุล ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจทานความเรียบร้อยสำนวนคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ก่อนส่งมอบสำนวนให้พนักงานอัยการในช่วงบ่ายวันนี้ เป็นประเด็นการสอบปากคำตัวแทนจากสภาวิศวกร ซึ่งต้องสอบสวนประกอบสำนวนเกี่ยวกับวิธีการคำนวณความเร็วรถ รวมถึงข้อหาเสพโคเคนก็ครบถ้วนแล้ว

“สำหรับข้อหาที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายวรยุทธ ประกอบด้วย 3 ข้อหา คือขับรถโดยประมาทเป็นให้เฉี่ยวชนรถอื่นเสียหายมีผู้ถึงแก่ความตาย, ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย และไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในทันที และข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับนาย วรยุทธ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา”

เมื่อเวลา 16.15 น. ที่ชั้น 3 สำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อนำแฟ้มเอกสารสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมประเด็นความเร็วรถ และแจ้งข้อหาเพิ่มฐานเสพยา เสพติด คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอสขับรถพุ่งชนตำรวจ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อดีตตำรวจจราจร สน.ทองหล่อเสียชีวิตเมื่อปี 2555 มาส่งมอบให้นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาหัวหน้าคณะทำงาน, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา รองหัวหน้าคณะทำงาน และนายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด คณะทำงานเเละเลขาฯ ซึ่งเป็นคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี สำนวน ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งที่ พิเศษ 1400 /2563 แต่งตั้งคณะทำงานเมื่อวันที่ 4 ส.ค.63 เเละคณะทำงานมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม

นายอิทธิพรกล่าวว่า หลังจากนี้จะขออ่านสำนวนที่พนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อส่งมาว่ามีการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนตามที่มีคำสั่งไปหรือไม่ ส่วนการมีคำสั่งขึ้นอยู่กับสำนวนที่ส่งมาว่าจะสามารถมีความเห็นทางคดีได้ หรือจะต้องสอบสวนเพิ่มอีกหรือไม่ โดยคณะทำงานจะพิจารณาอย่างละเอียด เเม้จะไม่มีกรอบระยะเวลา แต่คณะทำงานจะทำงานโดยเร็วและละเอียดรอบคอบ พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะที่อัยการสูงสุดไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ให้คณะทำงานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามป.วิอาญา ส่วนเรื่องฐานความผิดนั้น เนื่องจากตนยังไม่ได้เปิดเอกสารดู ก็จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตามที่สื่อมวลชนได้รายงานว่าขอศาลออกหมายจับข้อหาใดบ้าง หากคณะทำงานพิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้องก็จะต้องแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาล ส่วนประเด็นผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศก็ต้องไปดูกระบวนการว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งจะต้องให้อัยการสำนักงานต่างประเทศดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวมาดำเนินคดี ซึ่งมีกระบวนการขั้นตอนอยู่ แต่ขณะที่ขั้นตอนยังไม่ไปถึงจุดนั้น ตอนนี้ขอพิจารณาสำนวนเพิ่มเติมที่ได้มาก่อนว่าเป็นอย่างไร

ส่วนกรณีที่หากทนายความฝ่ายผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาที่พนักงานอัยการอีกนั้น นายอิทธิพรกล่าวว่า ก็เป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถทำได้

ด้านนายประยุทธกล่าวว่า หากมีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาว่าประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ที่ผ่านมาพนักงานอัยการให้โอกาสผู้ต้องหาตามสมควรแล้ว หากมีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีก เราจะพิจารณาโดยเคร่งครัดว่าเป็นการประวิงคดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าประเด็นนี้จะไม่ทำให้สังคมมีความคลางแคลงใจอย่างแน่นอน พนักงานอัยการจะเร่งทำงานอย่างเต็มที่

นายชาญชัยกล่าวว่า เรื่องนี้เราจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุด จะมีคำตอบให้กับประชาชนที่ติดตามคดีนี้อย่างแน่นอน เชื่อว่าหลังจากนี้ทั้งอัยการและตำรวจจะร่วมกันทำคดีนี้อย่างดีที่สุด เชื่อว่าเราจะมีคำตอบให้ได้ภายใน เดือนหน้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน