ระบบพร้อมรับ
5ล้านคน-16ธค.

กรุงไทยมั่นใจ ‘คนละครึ่งเฟส 2’ ระบบไม่ล่ม 5 ล้านสิทธิ์ทำรายการได้นาทีละ 5 แสนรายถ้ากดมาพร้อมกันลงทะเบียนจบใน 10 นาที เตรียมเปิดลงทะเบียน 16 ธ.ค.นี้ เริ่มตั้งแต่ 06.00-23.00 น. คลังแจงคนถูกตัดสิทธิ์รอบแรก 5 แสนคน สามารถลงทะเบียนใหม่รอบนี้ได้ จะได้เงินอุดหนุนสิทธิละ 3,500 บาท เฟสแรกให้อีกคนละ 500 บาท แต่ต้องกดปุ่มรับสิทธิด้วย ใครไม่ตอบรับอดหมด กระทรวงแรงงานชงครม. แจกของขวัญปีใหม่ เพิ่มเงินดูแลลูกจาก 600 เป็น 800 ปีหน้าลดเงินสมทบอีก เหลือเก็บแค่ 3 %

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 2 อีก 5 ล้านคน เพื่อรับเงินอุดหนุน จำนวน 3.5 พันบาท ในวันที่ 16 ธ.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง ยืนยันว่าระบบมีความพร้อม ไม่ล่มแน่นอน โดยกรุงไทยได้เพิ่มปริมาณการรองรับการลงทะเบียนเป็น 2 เท่า สูงสุดที่ 5 แสนรายการต่อนาที ซึ่งหากมีประชาชนสนใจลงทะเบียนมาก ระบบก็จะสามารถรองรับได้ครบ 5 ล้านสิทธิ์ ภายใน 10 นาที

นายผยงกล่างวต่อว่า นอกจากนี้ ประชาชนที่กังวลปัญหาการส่งโอทีพี (OTP) ล่าช้านั้น ยืนยันว่าการลงทะเบียนในรอบนี้กรุงไทยได้มีการพัฒนาระบบให้ดีขึ้น โดยสามารถส่งเลขโอทีพีได้ 8-9 พันรายการต่อวินาที ซึ่งทั้งหมดเป็นการพัฒนาระบบเพื่อนักลงทะเบียนมือไฟที่กดลงทะเบียนซ้ำๆ เพราะกังวลว่าจะไม่ได้สิทธิ์ โดยนักลงทะเบียนจะได้สิทธิ์ครบทุกรายหากทำตามเงื่อนไข

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันที่ 16 ธ.ค. นี้ สำหรับโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้ลงทะเบียนใหม่ จำนวน 5 ล้านคน จะสามารถลงทะเบียนได้ผ่าน www.คนละครึ่ง.com ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. หากลงทะเบียนครบถ้วนให้รอรับเอสเอ็มเอส (SMS) เพื่อยืนยันสิทธิ์ และเริ่มใช้สิทธิ์เงินอุดหนุนจากรัฐบาลได้ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2564

“กลุ่มคนที่ลงทะเบียนใหม่ต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป มีบัตรประชาชนและไม่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะรวมกลุ่มที่ถูกตัดสิทธิ์จากการลงทะเบียนในรอบแรก 5 แสนคนด้วย ให้สามารถมาลงทะเบียนในรอบนี้” น.ส.กุลยากล่าว

น.ส.กุลยากล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็น กลุ่มที่ได้รับสิทธิ์คนละครึ่งเฟสแรก ซึ่งมีการใช้สิทธิ์แล้ว 9.5 ล้านคน จะต้องกดปุ่มยอมรับเงื่อนไขและรับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งเฟส 2 เพื่อรับเงินเพิ่มอีก 500 บาท ในแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งจะไม่มีการกำหนดเวลา แต่หากไม่กดปุ่มดังกล่าวก็จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มเติม

สำหรับการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการนี้มีขั้นตอนเช่นเดียวกับโครงการคนละครึ่งระยะแรก คือ 1.ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com โดยกรอกข้อมูลชื่อ-สกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด และเบอร์โทรศัพท์ที่จะติดตั้งแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง 2.รอรับเอสเอ็มเอสแจ้งผลการลงทะเบียน

และ 3.ติดตั้งแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง และยืนยันตัวตน และเมื่อดำเนินการครบก็สามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่นถุงเงินที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อรับสิทธิ์เงินร่วมจ่ายจากรัฐ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,500 บาท ซึ่งผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ตนได้รับเอสเอ็มเอสแจ้งรับสิทธิ์หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์และไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก

น.ส.กุลยากล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าผู้ใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งระยะแรกและระยะที่ 2 จะไม่สามารถใช้สิทธิ์มาตรการช้อปดีมีคืนได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่จำแนกกลุ่มเป้าหมายของโครงการและมาตรการต่างๆ ไว้อย่างชัดเจนไม่ให้ซ้ำซ้อนลักลั่นกัน สำหรับ ผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ที่ผ่านมาคลังได้ประสานกับตำรวจเพื่อดำเนินการตรวจสอบร้านค้าและประชาชนที่มีพฤติกรรมการทำธุรกรรมผิดปกติในโครงการคนละครึ่งเฟสแรกแล้วกว่า 700 เคส โดยทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 13 ธ.ค. 2563 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 9.7 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิ์แล้ว 9.5 ล้านคน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 4.33 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 2.21 หมื่นล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 2.11 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจนถึงสิ้นสุดโครงการในเฟสแรก คือ 31 ธ.ค. 2563 จะมีเงินหมุนเวียนเข้าระบบ 6 หมื่นล้านบาทตามเป้าเหมาย โดยจังหวัดที่ใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช

น.ส.กุลยากล่าวด้วยว่า ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้รับข้อเสนอ กรณีกลุ่มแท็กซี่ยื่นขอรัฐบาลให้เพิ่มสิทธิ์ในการชำระเงินคนละครึ่งผ่านบริการแท็กซี่ได้ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการนี้เป็นการสนับสนุนการซื้อสินค้าเท่านั้น ยังไม่รวมเรื่องบริการ

วันเดียวกัน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า เตรียมเสนอของขวัญปีใหม่ ปี 2564 เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 15 ธ.ค. โดยของขวัญปีใหม่ที่ให้ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39 ที่มีลูกอายุ 0-6 ขวบ มีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มจาก 200 บาทต่อเดือนเป็น 800 บาทต่อเดือน จากเดิมได้รับ 600 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน หรือจะใช้เงินประมาณ 3,400 ล้านบาทต่อปี และยังขออนุมัติให้เพิ่มเงินค่าคลอดบุตรจากเดิมได้รับ 13,000 บาท ปรับเพิ่มเป็น 15,000 บาท

นายสุชาติกล่าวต่อว่า ทั้งนี้เตรียมขอขยายลดเงินสมทบประกันสังคมฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากปกติฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 3% ของค่าจ้างผู้ประกันตน ระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งรวมวงเงินที่ไม่ต้องสมทบให้กองทุนประกันสังคมรวม 2.1 หมื่นล้านบาท ต่อเนื่องจากมาตรการการลดเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน หลังการระบาดของโรคโควิด-19 โดยลดการออกเงินสมทบ เข้ากองทุนประกันสังคมฝ่ายนายจ้างและฝ่าย ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากปกติฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตนสิ้นสุดเมื่อพ.ย.2563 เป็นเงินช่วยเหลือสภาพคล่องวงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท

“ของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงแรงงานจะมอบให้ผู้ประกันตน ทั้งเรื่องของมาตรการงบค่าเลี้ยงดูลูกผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น 200 บาทต่อคนเป็น 800 บาทต่อคน จากเดิม 600 บาทต่อคน ไปจนถึงลูกผู้ประกันตนอายุ 6 ขวบ เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกันตนที่มีลูก ส่วนการลดเงินสมทบหลังจากมาตรการโควิดสิ้นสุดลงเดือนพ.ย.2563 ผู้ประกันตนจะจ่ายเต็ม หรือ 750 บาทต่อเดือน ในเดือนธ.ค.นี้เดือนเดียว หลังจากนั้น ม.ค.-มี.ค.2564 ผู้ประกันตนจะจ่ายเงินสมทบเพียง 3% หรือประมาณ 450 บาท ถือว่า 300 บาทต่อเดือนที่ไม่ต้องจ่ายสมทบประกันสังคม ผู้ประกันตนจะได้นำไปซื้อข้าวสาร น้ำปลา พริก ของใช้ในครัวเรือน” นายสุชาติกล่าว

นายสุชาติกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการจ้างงานเด็กจบใหม่ดำเนินโครงการรัฐช่วยจ่าย เอกชนช่วยจ่าย จ่ายคนละครึ่ง โดยรัฐจะจ่ายโดยตรงเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยของเด็กจบใหม่ที่ได้งานทำในโครงการนี้ ตามที่มีการระบุไว้ในการลงทะเบียน ซึ่งกำหนดระยะเวลาโครงการไว้ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-30 ก.ย. 2564 เป้าหมาย 2.6 แสนอัตรา ขณะนี้จ้างงานเพียง 1 หมื่นอัตรา ดังนั้นเตรียมหารือกับสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อปรับปรุงระเบียบการจ้างงาน เพื่อยกเงินช่วยเหลือและสร้างงานให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน