‘บิ๊กตู่’ ยันเองบรรดาผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลเรื่องหาเงินมาใช้คืนหลวงหรือจะต้องขึ้นศาล กรณีถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แจงสั่งมท.และอปท.ให้ระงับไว้ก่อน พร้อมเร่งหามาตรการแก้ปัญหาที่เหมาะสม ผู้ว่าฯโคราชส่งจนท.เข้าดูแล 610 ผู้สูงอายุที่เข้าข่าย ย้ำไม่ต้องกังวล ให้ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงไม่ต้องคิดมาก ขอให้สบายใจได้

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ก.พ. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความคืบหน้าหลังเกิดปัญหาเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุถูกเรียกคืนว่า เรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ ทางกระทรวงมหาดไทย (มท.) แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน และให้ชะลอการเรียกคืนหรือฟ้องร้องเอาไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบและแก้ไขความคลาดเคลื่อนของข้อมูลต่างๆ กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการพัฒนาสังคมฯที่ดูแลเรื่องผู้สูงอายุ อปท.ที่เป็นคนจ่ายเงิน และกรมบัญชีกลางที่ดูเรื่องการเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทุกฝ่ายกำลังคุยกันว่าจะมีทางออกอย่างไร

“ขอให้คุณตาคุณยายไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับปากจะดูแลให้ ผมเข้าใจความรู้สึกของท่านดี ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด ทางเจ้าหน้าที่ก็ทำตามระเบียบ อย่างไรก็ดี ทางออกมีอยู่แล้วโดยไม่มีใครต้องเดือดร้อน รอสักหน่อย และไม่ต้องกังวลว่าจะต้องไปหาเงินมาใช้คืนหลวงหรือจะต้องขึ้นศาล ผมจะจัดการให้ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายกฯ ระบุ

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า อย่าเพิ่งตื่นตระหนก มท.ให้ อปท.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อนแล้ว และให้ระงับการเรียกเงินคืนไว้ก่อน เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา ดังนั้นขออย่าตื่นตระหนกกัน ก็เห็นใจอยู่เหมือนกัน

ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงการหาแนวทางการแก้ปัญหาการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำกับสิทธิ์อื่นว่า วันนี้จะรายงานแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ที่ประชุมครม.รับทราบ จะเป็นการบูรณาการของหลายหน่วยงาน แนวทางที่เสนอไปจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

ต่อมา นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง มท., พม., อปท. พิจารณาเรื่องระเบียบที่มีอยู่ หากไม่ดำเนินตามระเบียบที่มีก็จะเป็นประเด็น โดยในที่ประชุมครม.ไม่ได้หารือในประเด็นดังกล่าว เพราะพม.กำลังกลับไปพิจารณารายละเอียดเรื่องข้อกฎหมายและตรวจสอบเพื่อให้เกิดความรอบคอบในหลายๆ ส่วน เพื่อหาข้อสรุปและหาทางออกให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ก่อนจะนำมาเข้าสู่ที่ประชุมครม.ต่อไป ขอให้คลายความกังวล เพราะรัฐบาลคงไม่ถึงขนาดให้ผู้เฒ่า ผู้แก่แต่ละคนไม่สบายใจ และทราบว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ขอให้รออีกนิด

เมื่อถามว่ารัฐบาลต้องการให้ผู้สูงอายุคลายความกังวลใจว่า จะไม่มีการดำเนินคดีทางกฎหมายใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า เป็นเรื่องของข้อกฎหมายในแต่ละส่วนแต่ละหน่วยงาน ต้องมาคุยกันว่าการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานหนึ่งจะต้องไม่กระทบกับอีกหน่วยงาน ยกตัวอย่าง เรียกเก็บเงินคืนก็ต้องไปดูว่า หากแก้ไขระเบียบของหน่วยงานหนึ่ง จะต้องไม่ส่งผลในภาพรวม โดยนายกฯ ได้รับทราบปัญหาและความกังวลของประชาชน อย่ากังวลเรื่องนี้มากเพราะมีเรื่องอื่นๆ ให้กังวลเยอะ ทั้งเรื่องโควิด-19 เรื่องปากท้อง ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องเทคนิคที่ต้องหาทางออกให้เร็วที่สุด

วันเดียวกัน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือ ผู้สูงอายุทั้ง 610 ราย ภายหลังจากหารือถึงข้อกฎหมายร่วมกับอัยการจังหวัด ยุติธรรมจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด คลังจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า หลังการหารือตาม ระเบียบมท. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุปี 2552 และย้อนไปถึงระเบียบการจ่ายเงินปี 2548 พบว่า ในระเบียบได้บอกถึงบทเฉพาะกาล ถ้าในกรณีที่ผู้ได้รับสิทธิ์มาก่อน ปี 2552 จะไม่กระทบสิทธิ์กับ ผู้ที่ได้รับนั้น

เพราะฉะนั้น จึงนำบทเฉพาะกาลนี้มาตีความและจะทำหนังสือหารือไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มท. ว่ากรณีที่ได้รับสิทธิ์มาก่อนและมีบทเฉพาะกาลว่าไม่กระทบสิทธิ์ ย่อมแสดงว่าประชาชนจะได้รับสิทธิ์นั้นต่อไปใช่หรือไม่ หากมีการชี้แจงบทเฉพาะกาลข้อนี้ออกมาจะทำให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น การหารือในครั้งนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาให้กับผู้สูงอายุในระยะยาว

“ส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น สั่งการให้พม.จังหวัด ร่วมกับอำเภอลงพื้นที่ไปดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุทุกครอบครัว และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว อยากฝากไปถึงผู้สูงอายุทุกรายว่า ทางจังหวัดติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และจะหาทางออกที่ดีที่สุด ผู้สูงอายุไม่ต้องกังวล สิ่งที่ทำได้ ตอนนี้คือดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้แข็งแรง ไม่ต้องคิดมากขอให้สบายใจได้” ผวจ.นครราชสีมากล่าว

ด้านนายสุวโรจน์ คงสงวนวงษ์ ปลัดเทศบาล ตำบลจอหอ (ทต.จอหอ) อ.เมือง จ.นครราช สีมา รรท.นายกเทศมนตรีทต.จอหอ เผยว่า เตรียมที่จะลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับผู้สูงอายุที่ถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืนย้อนหลัง ซึ่งในพื้นที่ ต.จอหอ มีผู้สูงอายุที่ถูกเรียกเงินคืนย้อนหลังทั้งหมด 13 ราย แยกออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 มี 6 ราย ทำสัญญารับสภาพหนี้ และผ่อนชำระหนี้คืนมาแล้วจนเหลืออยู่เพียง 2 งวดสุดท้าย กลุ่มที่ 2 มี 3 ราย ที่ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพแล้ว แต่ทราบภายหลังว่าไม่มีสิทธิ์จึงขอสละสิทธิ์ไม่รับเงินเบี้ยยังชีพตั้งแต่แรก และกลุ่มที่ 3 มี 4 ราย ไม่ประสงค์จะทำสัญญารับสภาพหนี้ และขอให้เทศบาลส่งฟ้องศาลแขวงนครราชสีมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้จังหวัดแจ้งมาถึงอปท.ทุกแห่ง พิจารณาดำเนินการ 2 ข้อ คือ 1.ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนผู้สูงอายุว่าทุกฝ่ายอยู่ระหว่างการหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ 2.กรณีที่ยังไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมาย ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชะลอดำเนินคดีไว้ก่อน

“ผมจะได้ลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้สูงอายุที่ได้รับความเดือดร้อน โดยผู้สูงอายุ 6 ราย ที่ผ่อนชำระเงินเบี้ยยังชีพ ขณะนี้เหลืออยู่เพียงแค่ 2 งวดนั้น มีกำหนดชำระในวันที่ 8 ก.พ.นี้ อาจต้องรอฟังความชัดเจน จากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก่อนว่า ถ้าชะลอการผ่อนชำระไว้ก่อนจะผิดสัญญาที่ทำไว้หรือไม่ ถ้าไม่ผิดสัญญาทต.จอหอ พร้อมที่จะชะลอออกไปให้ได้เลย ส่วนอีก 4 รายที่ส่งฟ้องศาลไปแล้วนั้น ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร ทั้งนี้ทต.จอหอ ยืนยันว่าจะดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุได้รับความเดือดร้อน ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยต่อไป” ปลัดทต. จอหอ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน