แนะขอ‘เจ้าสัว’
ช่วยเจรจาด้วย
หอการค้าจัดเอง
ให้พนง.15ล.โดส
ชี้6คนที่แพ้ยา
ไม่ใช่‘อัมพฤกษ์’
คล้ายอัมพฤกษ์

‘ตู่’ ปัดตอบ ‘พี่โทนี่’ อาสาช่วยเจรจา ‘ปูติน’ ผู้นำรัสเซียเร่งหาวัคซีนเพิ่ม ระบุไม่รู้จักคนไม่อยู่ในไทย เสียใจคนฉีดวัคซีนแล้วแพ้ ขณะที่ Tony Woodsome สนทนาคลับเฮาส์ แนะนายกฯรุ่นน้อง ถก ‘เจ้าสัวธนินท์ ซีพี ช่วยคุยกับจีน เจ้าสัวเจริญ เบียร์ช้าง คุยกับสิงคโปร์’ ส่วนตัวเองพร้อมคุยกับปูตินช่วยหาวัคซีน ‘อนุทิน’ เผย นายกฯ บอก เจรจาขอความช่วยเหลือจาก 3 ผู้นำโลก ทั้งสหรัฐ รัสเซีย และจีน สั่งคุยไฟเซอร์ ซื้ออีก 10 ล้านโดส ฉีดให้เด็ก 12 ปีขึ้น ด้านศบค.แจง 6 คนฉีดวัคซีนโควิดแค่อ่อนแรง-ชา ไม่ถึงขั้นป่วยอัมพฤกษ์ ส่วนโพลพระปกเกล้า ระบุ 76% ไม่รู้จักแอพฯ ‘หมอพร้อม’ ลงชื่อรับวัคซีน

โต้ฉีดวัคซีนแล้วอัมพฤกษ์

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า กรณีที่ปรากฏข่าวหลังการฉีดวัคซีน พบว่ามีคนไทย 6 คนมีอาการอัมพฤกษ์ ในข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการรายงานเคสที่มีผลตามมาจากการฉีดวัคซีนแล้ว และมีคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อายุรแพทย์โรคสมอง โดยเบื้องต้นพบว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เรียกว่าโรคอัมพฤกษ์ แต่ใช้คำว่ามีอาการคล้ายอัมพฤกษ์ หรือสโตรก เป็นเรื่องของกล้ามเนื้ออ่อนแรง รู้สึกชาหรือประสาทสัมผัสไม่รู้สึก และเช้าวันนี้ทุกคนที่มีอาการฟื้นตัวดีขึ้น

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ขอให้ติดตามการรายงานของสธ. ส่วนการบริโภคข่าว ขอให้ตั้งคำถามเสมอ เพราะทุกข่าวที่ปรากฏและมีการแชร์ไปในโลกโซเชี่ยลอาจจะไม่ใช่ข่าวจริง บางท่านอาจจะเป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์ เป็นคุณหมอที่เราเคารพนับถือ แต่ขอให้ตรวจสอบ และอยากให้ฟังรายงานรอบด้าน เพราะ สธ. มีการสอบสวน และนำข้อมูลข้อเท็จจริงมาเป็นหลักฐานมายืนยัน

‘ก้าวไกล’ไม่ให้ตื่นกลัว

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีพบผู้รับวัคซีน 6 ราย มีอาการไม่พึงประสงค์ (AEFI) ในลักษณะคล้ายอัมพฤกษ์ หลังได้รับวัคซีนซิโนแวคว่า การฉีดวัคซีนไม่ว่าชนิดใด การเกิดผลข้างเคียงขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ยิ่งสะท้อนถึงความสำคัญถึงการ กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน หากรัฐบาลมีการสำรองวัคซีนไว้อย่างหลากหลาย สมดุล หากเกิดอุบัติการณ์ใดขึ้นกับวัคซีนตัวใด รัฐบาลก็จะยังคงดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ระงับการฉีดวัคซีนที่อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงไว้เป็นการชั่วคราวก่อนได้

เปิดโลก – ภาพจากโลกโซเชี่ยล ขณะพ่อค้าน้ำปั่น-กาแฟ ร้านตั้งอยู่ริมถนน ในกรุงเทพฯ เปิดคลับเฮาส์ ฟังอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร หรือ พี่โทนี่ พูดคุยเรื่อง ‘ฝ่าวิกฤตโควิด กับ Tony Woodsome’ ที่กลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย จัดขึ้น

‘ทักษิณ’พร้อมช่วยคุย‘ปูติน’

ก่อนหน้านี้ เวลา 20.00 น. วันที่ 20 เม.ย. นายทักษิณ ชินวัตร หรือ Tony Woodsome หรือพี่โทนี่ มาพูดคุยในคลับเฮาส์ จัดโดยกลุ่ม แคร์ คิด เคลื่อน ไทย โดยระบุตอนหนึ่งว่า ต้องใช้โมเดล เสรีวัคซีน ที่ให้เอกชนร่วมนำเข้า โดยรัฐเปิดช่องทางสนับสนุน ซึ่งเรื่องวัคซีนต้องไปร่วมกับหลายประเทศ นักธุรกิจหลายคนมีขีดความสามารถไปเจรจากับบริษัทผลิตวัคซีน เช่น จีน สิงคโปร์ และรัสเซีย อย่างตะวันออกกลางใช้ซิโนฟาร์มเยอะมาก นักธุรกิจชั้นนำของไทยมีคอนเน็กชั่นมากมาย ขอให้แต่ละคนช่วยกันเจรจา เช่น นายธนินท์ เจียรวนนท์ (ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์) ขอให้ท่านไปช่วยเจรจากับประเทศจีน นายเจริญ สิริวัฒนภักดี (ประธานกรรมการบริษัทไทยเบฟเวอเรจ) ไปเจรจากับสิงคโปร์ หรือจะให้ตนไปช่วยคุยกับ ปูติน(วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย) รัสเซียก็ได้

สรุป คือรัฐบาลเองจะต้องตื่นตัวมากกว่านี้ พอได้มา ก็รีบกระจายวัคซีน ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่เดียว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหารต้องฉีดก่อน

‘ตู่’หาวัคซีนอีก 35 ล้านโดส

เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 21 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า คณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบด้วย คณะแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) องค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน นำโดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ได้รายงานว่า จากการหารือทุกฝ่าย ได้ข้อยุติว่า ประเทศไทยจะจัดหาวัคซีนอีก 2-3 ยี่ห้อเพิ่มเติมอีกประมาณ 35 ล้านโดส นอกเหนือจากที่ดำเนินการไว้แล้ว 65 ล้านโดส ในจำนวน 35 ล้านโดส ภาคเอกชน นำโดยสภาหอการค้าไทย จะช่วยรัฐบาลจัดหาให้กับพนักงานลูกจ้างเองด้วย ประมาณ 10-15 ล้านโดส ซึ่งจะช่วยลด งบประมาณของรัฐบาลลงไปอีก สำหรับกระบวนการต่อไปให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร่งด่วน และเป็นไปตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้วางแผนการกระจายและฉีดวัคซีนที่จัดหามาทั้งหมด ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธ.ค.นี้

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปดูความพร้อมของ ร.พ.สนามที่ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก (ร.พ. เอราวัณ 2) ซึ่งเป็นร.พ.สนามแห่งที่ 4 ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) รองรับผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ได้ 400 เตียง แบ่งเป็น ชาย 150 เตียง แและหญิง 250 เตียง เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา

เสียใจคนฉีดวัคซีนแล้วแพ้

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีมีผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วเกิดอาการแพ้ 6 รายว่า ก็บอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า มีความเสี่ยงอยู่ ก็ต้องดูแลรักษาถ้ามันรุนแรง ก็ว่าไปตามขั้นตอนและมาตรการทางการแพทย์ซึ่งสธ.จะชี้แจงเอง ตนเห็นข่าวดังกล่าวแล้วก็เสียใจ

ไม่ตอบ‘แม้ว’อาสาถก‘ปูติน’

นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องของวัคซีนก็มีความเป็นห่วงว่าจะชอร์ตหรือไม่ชอร์ต แต่ยืนยันว่าวันนี้ยังนำเข้าได้อยู่ หลายประเทศเริ่มมีปัญหาแล้ว เพราะแย่งกัน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดเยอะกว่าไทย

ผู้สื่อข่าวถามกรณีนายทักษิณ ออกมาเสนอตัวประสานเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนโควิดกับนาย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ถาม ไม่ตอบ อย่ามาถามถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย อย่ามาถาม ผมไม่รู้จัก ผมไม่รู้เรื่องเขา”

ซื้อเพิ่มวัคซีนอีกหลายยี่ห้อ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณี พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าให้ สธ.จัดหาวัคซีนจากไฟเซอร์ 5-10 ล้านโดสว่า นายกฯ สนับสนุน สธ.ในการจัดหาวัคซีน โควิด-19 ทุกชนิดที่มีความปลอดภัย ไม่ได้ระบุยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง ท่านก็มีความกังวล โดยบอกว่าต่อให้ในทางทฤษฎี สธ.จะระบุว่าการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 60% ของจำนวนประชากรก็ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ แต่นายกฯ ย้ำว่าให้เผื่อเอาไว้เป็น 70% เลย ดังนั้น สธ.จึงพยายามหาวัคซีนให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตาม

เมื่อถามว่ามีข้อจำกัดเรื่องราคาวัคซีนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนของไฟเซอร์ ตอนนี้มีเหตุผลแล้ว เพราะในระยะหลังสามารถฉีดในกลุ่มที่อายุ 12 ปี ขึ้นไปได้ โดยวันที่ 22 เม.ย. จะมีการเจรจากับตัวแทนวัคซีนอีก 2-3 ราย

‘ตู่’เล่าถก 3 ผู้นำโลกช่วย

“ท่านนายกฯ ก็หาวัคซีนมาช่วยอีกแรง ท่านใช้กลไกกระทรวงต่างประเทศ กลไกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า ได้เจรจาผู้นำประเทศขอให้ช่วย ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย อเมริกา หรือจีน เป็นต้น ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน” นายอนุทินกล่าว

เพื่อไทยยื่นจม.ถึงนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทย (พท.) ทำจดหมายเปิดผนึกเรื่อง การแก้ไขปัญหาวิกฤตการระบาดของโควิด-19 และฟื้นความเชื่อมั่นให้ประชาชน ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. ระบุว่า

จัดแผนหาวัคซีนหลากหลาย

1.ขอให้รัฐบาลให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ครอบคลุมและเพียงพอ เพื่อลดความตระหนก และควรลดการสื่อสารที่มุ่งมิติทางการเมือง เพื่อปกป้องตัวเองหรือโยนความผิดให้ประชาชน รัฐบาลควรมีความชัดเจนในแผนการจัดหาวัคซีนที่มีความหลากหลายและเพียงพอ และมีแผนกระจายวัคซีนที่รวดเร็ว ทั่วถึงมากที่สุด พร้อมกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด 2.เปิดให้มีการเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ลดการบริหารงานในลักษณะรวมศูนย์

3.ภาครัฐจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยบันทึกและรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ได้ทันท่วงที พท.และสมาชิกพท.ที่มีอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ยินดีให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน มุ่งแก้ไขปัญหา แสวงหาทางออกที่ดีที่สุด รวดเร็วที่สุด ลดผลกระทบต่อประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ คืนชีวิตและอนาคตที่ดีให้กับคนไทยอีกครั้ง

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลต่อการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อต่างๆ ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และขอให้เร่งฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง เพื่อแก้ปัญหาของโควิด-19 ที่กระทบต่อการดำเนินการทุกภาคส่วน

‘หน่อย’ถาม 1.4 ล้านโดสอยู่ไหน

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงคำถามที่ประชาชนต้องการคำตอบจาก “ผู้นำประเทศ” คือวัคซีนที่เข้าไทยมา 2 ล้านโดสไปไหน ทำไมถึงไม่เร่งฉีดให้พี่น้องประชาชน ทำไมรัฐบาลจึงกระจายวัคซีนช้ามาก ทั้งที่มีวัคซีนเข้ามาแล้ว 2 ล้านโดส โดยมีคนที่ฉีดครบ 2 เข็ม มีเพียง 94,000 กว่าราย อีก 571,000 ราย เพิ่งฉีดเข็มแรก วัคซีนที่เหลืออีก 1.4 ล้านโดส อยู่ที่ไหน? ทำไมไม่รีบฉีดให้ประชาชน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดแผนการฉีดวัคซีนเป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อให้ประชาชนอย่างน้อย 50 ล้านคนได้รับวัคซีนเพียงพอที่จะสร้างให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในระยะเวลาที่รวดเร็วก่อนสิ้นปีนี้

ชี้ 76%ไม่รู้จักแอพฯหมอพร้อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจความคิดเห็นต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปี 2560 โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 22,830 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย.ที่ผ่านมา ถึงการรับรู้เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ที่รัฐบาลจะเปิดให้ใช้จองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 พบว่า ร้อยละ 19.7 บอกว่ารู้จักและใช้แอพฯ หมอพร้อม ร้อยละ 4.3 บอกว่า รู้จักแต่ไม่ใช้ ร้อยละ 76 บอกว่าไม่รู้จักแอพฯนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน