โต้ปม‘ธรรมนัส’
ปชป.ไม่ถอนตัว

ก้าวไกลพร้อมสู้คดี ไม่หวั่น ‘บิ๊กตู่’ แจ้งจับข้อหาหมิ่น เตือนระวังผลข้างเคียงเมื่อหมดอำนาจ แย้งป.ป.ช. ยันพฤติกรรม ‘ธรรมนัส’ ปกปิดคุณสมบัติเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ทั้งขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ปชป.ไม่สนข้อเรียกร้อง ‘อันวาร์’ ยันไม่ถอนตัวจากรัฐบาล ไม่ติดใจคุณสมบัติ รมช.เกษตรฯ อ้างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ‘พนิต’ ชี้ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย จี้รัฐบาลรับผิดชอบ กมธ.แนะรัฐบาลจัดทำงบปี 65 ตอบโจทย์แก้โควิด-เร่งจัดหาวัคซีน ชะลองบฯทหาร

ก้าวไกลไม่หวั่นตู่ฟ้องหมิ่น

วันที่ 8 พ.ค. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ฟ้องดำเนินคดีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. และแอดมินเพจพรรค ข้อหาหมิ่นประมาท กรณีโพสต์ภาพนายกฯและ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ พร้อมขึ้นข้อความโจรอุ้มโจร ว่า เมื่อแจ้งความมา พรรคก็ต่อสู้คดีกลับ แต่บุคคลสาธารณะระดับนายกฯ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐไม่ควรเปราะบาง ต้องฟังความเห็นต่างด้วย การวิพากษ์วิจารณ์โดยหลักการควรเกิดได้ตามปกติในรัฐเสรีประชาธิปไตย

พรรคทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 และ 330 ด้วยความสุจริต และถูกต้องตามครรลองครองธรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หากมีการกลั่นแกล้งกันเพื่อจะใช้อำนาจทางกฎหมายและอำนาจทางอาวุธเหมือนที่ใช้กับนักเรียนนักศึกษาและกลุ่มคนที่เห็นต่าง เมื่อถึงคราวที่หมดอำนาจจริงๆ ก็ระวังไว้ด้วย เพราะไม่มีใครยืนอยู่ค้ำฟ้าได้ตลอด และการใช้อำนาจทุกครั้งก็จะมีผลข้างเคียงเสมอ ก็ระวังไว้

แย้งปปช.ปม‘ธรรมนัส’

ส่วนที่โฆษกป.ป.ช.ระบุ ร.อ.ธรรมนัส อาจไม่เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง เพราะการติดคุกที่ออสเตรเลียเกิดขึ้นก่อนมาเป็นส.ส.หรือรัฐมนตรี นั้น นายธีรัจชัย ในฐานะโฆษกกมธ.ปปช. สภาผู้แทนฯ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ความผิดเกี่ยวกับจริยธรรมเป็นความผิดที่เกิดขึ้นขณะดำรงตำแหน่ง แต่อย่าลืมว่า หลังจาก ร.อ.ธรรมนัสได้เป็น ส.ส.แล้ว ก็ยืนยันและรับรองคุณสมบัติตัวเองตอนจะเข้าเป็นรัฐมนตรีต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งปกปิดไม่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกในต่างประเทศ จึงถือว่าเกิดขึ้นในขณะดำรงตำแหน่ง ในส่วนของรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) ระบุว่า จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ (5) ระบุว่า ไม่มีพฤติกรรมอันเป็น การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ประเด็นหลักคือ 1.การที่ร.อ.ธรรมนัส รับรองคุณสมบัติของตัวเองโดยที่ปกปิดข้อมูลแบบนี้จะถือว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์หรือไม่ หากสุจริตจริงต้อง ไม่ปกปิดว่าเคยต้องคำพิพากษาจำคุกในออสเตรเลีย 2.ขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งต้องกรอกแบบฟอร์มรับรองคุณสมบัติของตัวเอง แบบนี้จะถือว่าฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ 3.ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อกมธ.ปปช. วันที่ 12 ธ.ค.2562 ว่าถูกจำคุกเพียง 8 เดือนถือว่า เป็นการให้การอย่างตรงไปตรงมาและสุจริตหรือไม่ ประเด็นเหล่านี้รองเลขาฯ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบหรือยัง

ติงรัฐบาลกั๊กข้อมูล

สิ่งที่ตนกังวลอย่างหนึ่งคือสำนักเลขา ธิการคณะรัฐมนตรี ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ แจ้งกมธ.ปปช.กลับว่า ข้อมูลที่ ร.อ.ธรรมนัส ยื่นนั้นเป็นข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้เจ้าตัวยินยอมก่อนจึงจะเปิดเผยได้ หาก เป็นบุคคลทั่วไปไม่ยอมให้เปิดเผยข้อมูล คงไม่เป็นไร แต่ร.อ.ธรรมนัส เป็นบุคคลสาธารณะที่มาเป็นรัฐมนตรี จึงเป็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย การขอตรวจสอบข้อมูลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทำไมยากเย็นแสนเข็ญ อย่างไรก็ตามกมธ.ปปช.จะขอข้อมูลจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา

หากสามารถรวบรวมข้อมูลมาได้เรียบร้อยแล้วก็จะยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.กรณีผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และยื่นต่อสภาผู้แทนฯ รัฐบาลควรจะทำเรื่องนี้ให้เปิดเผยและโปร่งใส ส่วนป.ป.ช. หรือตุลาการก็วินิจฉัยไป แต่ก็ต้องยืนอยู่บนหลักถูกต้องชอบธรรม

ปชป.ไม่ติดใจคุณสมบัติธรรมนัส

เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ให้สัมภาษณ์กรณีนายอันวาร์ สาและ ส.ส. ปัตตานี และรองเลขาธิการปชป. ทำหนังสือถึงกก.บห.พรรคและสมาชิกพรรคทั่วประเทศ เสนอให้ปชป.ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล สืบเนื่องจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ไม่พ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีและ ส.ส. ว่าหลังจากที่นายอันวาร์ส่งหนังสือดังกล่าวถึงกก.บห.พรรคและสมาชิกพรรค เราไม่ได้นิ่งนอนใจในการทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรค ที่จริงมีการพูดคุยกับสมาชิกพรรคมาตลอด ตน เชื่อว่าสมาชิกเข้าใจการทำงานของพรรคในการร่วมรัฐบาล เราไม่ได้ต้องการเข้าไปเป็นรัฐมนตรี แต่ได้ยื่นเงื่อนไข 3 ข้อ อีกทั้งการเข้าร่วมรัฐบาลไม่ได้พิจารณาโดยคนเดียวแต่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ให้ที่ประชุม ส.ส.กับกก.บห.พรรคลงมติ รวมถึงการพิจารณาว่าควรจะถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งเป็นกระบวนการประชาธิปไตยของพรรค

ขณะนี้พรรคยังไม่ได้หารือหนังสือของนายอันวาร์ ยืนยันว่าพรรคไม่ได้หนักใจในสิ่งที่นายอันวาร์ทำครั้งนี้ เพราะนายอันวาร์ทำหนังสือลักษณะนี้ออกมาหลายครั้งแล้ว เชื่อว่ายังสามารถทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคได้ว่าเรากำลังมุ่งผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เมื่อถามว่าปชป.ไม่ได้สนใจกับข้อเรียกร้องของนายอันวาร์ แต่ใช้วิธีทำความเข้าใจกับประชาชนแทน โฆษกปชป. กล่าวว่า ถูกต้อง เรามุ่งทำความเข้าใจกับประชาชนและสมาชิกพรรค แต่อาจมีการถามว่าประเด็นที่นายอันวาร์หยิบยกกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส มาอ้าง ตรงนั้นชัดเจนที่สุดว่าได้เข้าสู่กระบวน การยุติธรรมแล้ว และถูกนำไปพูดกันในที่ประชุมสภาหลายครั้งแล้ว แต่การจะนำมาผูกรวมกับการร่วมรัฐบาลหรือถอนตัวจากรัฐบาล คิดว่าไม่ควรนำมาผูกรวมกัน

ยันไม่ถอนตัวจากรัฐบาล

เมื่อถามว่าการกระทำของนายอันวาร์มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ เพราะสร้างความปั่นป่วนในพรรคหลายครั้ง และเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ลงส.ส.หรือไม่ โฆษก ปชป.กล่าวว่า ความเห็นต่างในพรรคต้องดูเรื่องกฎระเบียบและแนวปฏิบัติของพรรคด้วย ส่วนแนวคิดของนายอันวาร์บางคนอาจบอกว่าปั่นป่วน หรือไม่เป็นเอกภาพของพรรคก็คงไม่ได้ จะเอาปัญหาของคนคนเดียวแล้วบอกว่าไม่เป็นเอกภาพในพรรค คงไม่ได้ ที่หลายคนในพรรคไม่ค่อยสนใจกับเรื่องนี้เพราะไม่ใช่ครั้งแรกแต่มีมาหลายครั้ง ส่วนการส่งผู้สมัครส.ส. ขึ้นอยู่กับกระบวนการสรรหาผู้สมัครของพรรคและข้อบังคับพรรค และในเขตเลือกตั้งของนายอันวาร์ก็เป็นเรื่องของนายอันวาร์และกก.บห.พรรค พิจารณา ถ้าจะนำความเห็นต่างของนายอันวาร์มาพิจารณา จะไม่เป็นธรรมกับนายอันวาร์

เมื่อถามว่าทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ได้พูดคุยกับนายอันวาร์อีกครั้งแล้วหรือไม่ นายราเมศกล่าวว่า เมื่อเกิดปัญหาทุกครั้ง เลขาฯ ในฐานะที่เป็นแม่บ้านพรรค ต้องทำความเข้าใจกับนายอันวาร์ เพราะเขาอาจไม่ทราบว่ารัฐมนตรีของพรรคเดินหน้าทำงานเรื่องใดบ้าง และที่พรรคผลักดันนโยบายต่างๆ ก็ประสบผลความสำเร็จ ทุกกระทรวง จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล สิ่งสำคัญช่วงนี้ทุกฝ่ายและพรรคต้องมุ่งแก้โควิด ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันไม่มีฝ่ายค้านและรัฐบาล

พนิตจี้รัฐบาลรับผิดชอบ

นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบ การได้รับการพิพากษาถึงที่สุด (ติดคุก) ในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของคนคนหนึ่ง ซึ่งจากการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงอำนาจอธิปไตยของรัฐในแต่ละประเทศ ตนเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและเข้าใจเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือจริยธรรมของการทำผิด

“ผมเห็นด้วยกับการให้โอกาสคนกลับตัวแล้วเริ่มต้นใหม่ แต่การมารับใช้ประเทศนั้นมีอะไรมากกว่านั้น ผมอยากฝากให้รัฐบาลคิด!! ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ประชาชนและสังคมจะเป็นคนให้โอกาสเราเอง #ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย #ประชาชนเป็นใหญ่” นายพนิตระบุ

กมธ.งบเตือนรบ.จัดทำงบ 65

นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ประธานกมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ กล่าวว่า การจัดงบประมาณของปี 2565 แสดงถึงความทรุดโทรมของประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด มีการลดงบลงถึง 1.85 แสนล้านบาทจากปี 2564 ทั้งที่ประเทศต้องการเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมาก อีกทั้งมีการกู้เงินเกินการลงทุนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขนาดทีดีอาร์ไอยังต้องตำหนิ เพราะกู้มาใช้จ่ายไม่ได้นำไปลงทุนให้เกิดดอกผล อนาคตจะหารายได้ที่ไหนมาคืน สาเหตุมาจากรัฐบาลล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจมาตลอด ทำให้เก็บภาษีได้ไม่ตรงเป้าต้องมาตัดงบประมาณ ขณะที่ทั่วโลกเพิ่มเงินอัดฉีดเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ประเทศจะยิ่งเสียโอกาสในการพัฒนา

ขอเตือนรัฐบาลถึงการจัดทำงบปี 2565 ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาช่วงเปิดสมัยประชุม ต้องตอบโจทย์ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ซึ่งขณะนี้ไทยเผชิญหน้ากับปัญหามหันตภัยโควิด รัฐบาลมีเวลาเตรียมตัวสำหรับการจัดทำงบ 2565 ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องจากงบประมาณปีที่ผ่านมา การจัดทำงบฯ รัฐบาลต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหา โดยเฉพาะรายจ่ายที่ไม่มีความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น งบประมาณด้านความมั่นคง ด้านการทหาร

เย้ยตู่แก้ไม่ไหวอย่าฝืน

ตนอยากเห็นการจัดงบ 2565 นำไปสู่การแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจกลับมาโดยเร็ว ตลอดจนจัดหาวัคซีนให้ทันท่วงทีและหลากหลายทางเลือกเพื่อกระจายวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็ว หลายประเทศสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แล้วแต่พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เข้าใจ ความรวดเร็วและทั่วถึงอย่างเพียงพอของวัคซีน ตลอดจนอุปกรณ์ทางด้านการแพทย์มีความจำเป็นเร่งด่วนกว่าเรื่องใดๆ เพราะถ้าวัคซีนมาเร็วหมายถึงไทยจะเปิดประเทศได้และเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาเร็วเช่นกัน

งบที่ยังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้สามารถชะลอไปก่อนได้ เช่น งบด้านความมั่นคง ด้านการทหาร การเร่งฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบมีความจำเป็นเร่งด่วนในสถานการณ์ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสามารถพัฒนาและคิดให้ได้ครบทุกกรอบ เรียงลำดับความสำคัญได้ อย่าทำได้แค่ทีละเรื่องเหมือนที่ผ่านมา เพราะจะแก้ปัญหาไม่ได้และจะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ หากรู้ตัวว่าไม่ไหวหรือรู้ตัวว่าสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ เกินความสามารถตนเองอย่าฝืน เพราะประเทศจะยิ่งเสียหาย ประชาชนจะยิ่งลำบาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน