แพทย์ชนบทจุก
หั่นสาธารณสุข
ยังเน้นซื้ออาวุธ

แพทย์ชนบทจุกอก เห็นพ.ร.บ.งบฯ ปี 65 ปรับลดงบฯ สาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ สิ่งแวดล้อม ลงแบบฮวบฮาบ แต่งบฯซื้อรถถังเรือดำน้ำลดแค่จิ๊บจ๊อย ซัดนายกฯ เอาแต่ พวกพ้อง สอบไม่ผ่าน กลาโหมออกตัวอย่าเปรียบเทียบ แต่ละกระทรวงภารกิจต่างกัน อ้างเหล่าทัพปรับลดงบฯต่อเนื่องตั้งแต่ปี 63 ยันพร้อมชี้แจงสภา ‘ชวน’ เดินหน้าเปิดประชุม 27 พ.ค. เข้มมาตรการป้องกันโควิด ไม่ให้สภาเป็นแหล่งแพร่เชื้อ เพื่อไทยซัดรัฐการ์ดตกเสียเอง ทำโควิดระบาดหนักในเรือนจำ ก้าวไกลเย้ยครบ 20 วัน นายกฯรวบอำนาจ แต่ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตเพิ่มขึ้น จี้นายกฯรับผิดชอบลาออก

กห.ยันปรับลดงบฯหลังโควิด

วันที่ 17 พ.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวกรณีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ให้ข้อสังเกตถึงงบประมาณประจำปี 2565 ที่กลาโหมได้รับการจัดสรรมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงกลาโหมพร้อมให้ข้อมูลถึงเหตุผลความจำเป็นตามกระบวนพิจารณาของรัฐสภาที่จะมีขึ้นในมิ.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมมีภารกิจหลักในการป้องกันประเทศและการช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องที่ผ่านมา โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคระบาดร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และเป็นความท้าทายร่วมกันของทุกฝ่ายที่ต้องหันหน้าช่วยเหลือกัน ซึ่งกลาโหมโดยทุกเหล่าทัพตระหนักถึงภาระงบประมาณของรัฐบาล ที่จำเป็นต้องนำไปแก้ไขปัญหาต่างๆ และเยียวยาช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้น

กระทรวงกลาโหมมีส่วนร่วมพิจารณาปรับลดงบฯในภาพรวมของทุกเหล่าทัพลงกว่า 18,000 ล้านบาทในปี 2563 และปี 2564 กลาโหมได้รับจัดสรรงบฯลดลงกว่าปี 2563 กว่า 17,200 ล้านบาท ต่อเนื่องมาถึงปี 2565 แต่ละกระทรวงมีภารกิจที่แตกต่างกัน กลาโหม ขอยืนยันความพร้อมในทุกภารกิจเพื่อประชาชน จึงไม่อยากให้นำงบฯของแต่ละกระทรวงไปเปรียบเทียบกัน

ชมรมแพทย์ชนบทสับงบ 65

เพจเฟซบุ๊ก ชมรมแพทย์ชนบท ภาพตารางเปรียบเทียบงบประมาณรายจ่ายจำแนกตามลักษณะงานด้านบริหารต่างๆ ของประเทศในปี 2564 กับ 2565 พร้อมข้อความวิจารณ์การจัดสรรงบประมาณในปี 2565 ระบุ “งบ 2565 ออกมาแล้วเห็นแล้วจุกอก” งบประมาณประเทศ ปี 2565 ลดลง น้อยกว่าปี 2564 เป็นธรรมดาเพราะภาวะเศรษฐกิจซบเซา การเก็บภาษีได้น้อย เงินกู้ก็กู้จนชนทะลุเพดาน งบ 2565 จึงลดลงเหลือ 3.1 ล้านล้านบาท จากปีงบ 2564 ที่มีงบประมาณ 3.285 ล้านล้านบาท คือลดลง 5.7 เปอร์เซ็นต์

แต่พอมาแจกแจงงบรายประเภทงบประมาณ พบว่า งบด้านสาธารณสุขลดลง 10.8 เปอร์เซ็นต์ งบด้านสังคมสงเคราะห์ลดลง 19.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนงบด้านสิ่งแวดล้อมลดลงมากที่สุดถึง 47.1 เปอร์เซ็นต์ งบด้านสังคมลดลงมากกว่าค่าเฉลี่ยงบภาพรวมที่ลดลง ส่วนงบด้านการป้องกันประเทศ ลดลงไปเพียง 4.9 เปอร์เซ็นต์ คือลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของงบทั้งประเทศ ช่างลำเอียงอย่างที่สุด

ตู่สอบไม่ผ่านแก้โควิด

ภัยของประเทศในปี 2565 ยังเป็นภัยจากโควิด ไม่ใช่สงคราม แต่ลดงบสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ สิ่งแวดล้อมลงอย่างมาก ในขณะงบรถถังเรือดำน้ำลดลงเล็กน้อย แบบนี้ นายกฯสอบไม่ผ่าน วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองไม่เป็น ไม่แยกแยะจัดลำดับความสำคัญเพื่อประชาชนและประเทศชาติ เอาแต่ประโยชน์ พวกพ้อง จ้องซื้อแต่อาวุธ นี่ขนาดมีภัยจากโควิด นายกฯ ยังคิดไม่ได้ บอกตรงๆ ว่า เห็นงบแบบนี้ มันจุกอกมาก

ขณะเดียวกัน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัวด้วยเช่นกัน

ชวนเข้ม-ไม่ให้สภาแพร่เชื้อ

ที่จ.ตรัง นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ผู้แทนราษฎร กล่าวถึงนายกฯ ให้อำนาจประธานสภาพิจารณาให้ส.ส.ถอดหน้ากากอนามัยในการประชุมสภาหรือไม่ ว่า ยืนยันว่าส.ส.และเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่เข้ามาในอาคารรัฐสภาและ ที่ประชุม แต่ตอนอภิปรายหากสมาชิกไม่สะดวก จะขอถอดหน้ากากต้องหารือกันอีกครั้ง คิดว่าไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงมากนัก เพราะคนที่อภิปรายไม่ใช่ผู้ติดเชื้อแต่ต้องป้องกันโดย เข้มงวด ที่ผ่านมา ที่มีปัญหาคือเวลาอภิปรายแล้วเพื่อนมานั่งข้างๆ เพราะมีการถ่ายทอดทางทีวี เที่ยวนี้คงไม่มี

ขอดูกฎเกณฑ์ระเบียบว่าถ้าจำเป็นตอนอภิปรายจะขอถอดหน้ากากได้หรือไม่ ถ้าอนุญาตให้ประธานใช้ดุลพินิจได้ก็ถือเป็น การดี ประชุมครั้งที่แล้วเวลาอภิปรายถอดหน้ากากได้ แต่เที่ยวนี้อาจเคร่งครัดมากกว่าเดิมเพราะมีการติดเชื้อมาก ในสภาจะพยายามทำให้ไม่เป็นแหล่งกระจายเชื้อใหม่ ถ้าใครอภิปรายโดยไม่ต้องถอดหน้ากากได้ก็ดี แต่ใคร ที่บอกว่าจำเป็นต้องถอดหน้ากากอภิปราย จะพิจารณาความเหมาะสมอีกที ก่อนประชุมก็จะหารือกันก่อน ส่วนผู้ไม่อภิปรายต้องสวมหน้ากากตามที่กำหนด

เดินหน้าประชุมสภา

ส่วนที่มีส.ส.บางคนยังไม่ฉีดวัคซีน นายชวนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาสภาทุกคนต้องฉีดวัคซีน หรือมีใบรับรองจากแพทย์ว่าเป็นผู้ไม่มีเชื้อ ส่วนส.ส.คงบังคับไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่เข้าใจว่าฉีดวัคซีนแล้ว และมาถึงสภาต้องตรวจวัดอุณหภูมิโดยเข้มข้น เชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาสภารู้ตัวว่าเสี่ยงหรือไม่ หากส.ส. คนใดไม่แน่ใจ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ไม่ใช่กลายมาเป็นคนปล่อยเชื้อ

ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่เป็นห่วงและกังวลแต่จะให้ถึงขั้นเลื่อนประชุมก็เห็นว่าสภาต้องรับผิดชอบงานของตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะถูกตำหนิได้ โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ซึ่งรัฐบาลส่งมาถึงสภาวันนี้ ต้องเริ่มนับหนึ่งในกรอบ 105 วัน หลังจากนี้จะแจกจ่ายร่างให้สมาชิกเอาไปศึกษา เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา การประชุม 4 ฝ่าย ตนแจ้งกับรัฐมนตรีซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลว่าหากรัฐบาลเห็นว่าการประชุมสภาจะเสี่ยงและเป็นอันตราย จะขอให้งดก็ขอให้แจ้งมาได้เลยสภายินดีร่วมมือ แต่หากไม่ถึงขั้นนั้นก็ต้องเดินหน้าประชุม รองนายกฯ รัฐมนตรี และสำนักงบประมาณก็ยืนยันตามนี้ สำนักงบฯอยากให้ประชุมวันที่ 27 พ.ค.ด้วยซ้ำ แต่มีพ.ร.ก.ที่ต้องพิจารณาก่อน

จำกัดผู้ติดตาม-คนขับรถสส.

เวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภา แถลงว่า จากการประชุม วิป 4 ฝ่าย สรุปจะประชุมสภา 27 พ.ค. พิจารณา พ.ร.ก. 2 ฉบับ หากไม่เสร็จจะพิจารณาต่อ 28 พ.ค. ส่วนวันที่ 31 พ.ค. ถึงวันที่ 2 มิ.ย. จะพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ส่วนที่มีส.ส.ขอเลื่อนการประชุมนั้น เมื่อกำหนดวันประชุมแล้วต้องเดินหน้าต่อไป สภาได้เตรียมมาตรการต่างๆ รองรับไว้ทุกด้านแล้ว หลายเรื่องต้องอาศัยความร่วมมือจากส.ส. เช่น การฉีดวัคซีน สภาได้ประสานกระทรวงสาธารณสุขให้ ส.ส.ได้ฉีดวัคซีนในพื้นที่ตนเอง อยากให้ส.ส.ฉีดก่อนเปิดประชุม 27 พ.ค. รวมทั้งข้าราชการสภาให้ไปฉีดวัคซีนแล้ว และขอความร่วมมือส.ส.ให้มีผู้ติดตามไม่เกิน 1 คน คนขับรถ 1 คน ขอให้ดูแลให้แน่ใจว่าคนติดตามปลอดเชื้อแน่นอน

ทุกคนที่เข้าสภาและนั่งอยู่ในห้องประชุมต้องสวมหน้ากากอนามัยแต่การอภิปรายหากสวมหน้ากากอนามัยแล้วไม่มีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ ขอให้สวมหน้ากากอนามัยคนใด ที่มีปัญหาหรือไม่สะดวกให้ขออนุญาตประธาน และให้เป็นดุลพินิจของประธาน และขอความร่วมมือส.ส.ไม่ให้นั่งใกล้ๆ ผู้ที่กำลังอภิปราย

พท.ชี้คลัสเตอร์คุก-รัฐการ์ดตก

เวลา 10.40 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค แถลงว่า เป็นห่วงกรณีโควิด-19 ระบาดในเรือนจำหลายแห่งทั่วประเทศ 9 แห่งมีผู้ต้องขังติดเชื้อรวมกว่า 9,783 คน คาดว่าวันนี้ผู้ติดเชื้อในเรือนจำทั้ง 9 แห่ง จะเกินหมื่นคน แต่จนถึงขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการประกาศ มาตรการพิเศษเป็นการเฉพาะในการป้องกันการระบาดไม่ให้ลุกลามในพื้นที่เรือนจำได้ น่าสังเกตนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เรือนจำหลายแห่งไม่เปิดให้ญาติหรือบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังตามขั้นตอนปกติ โดยปรับมาใช้วิดีโอคอลมาระยะหนึ่งแล้ว หรือหากมีผู้ต้องขังรายใหม่เข้าเรือนจำต้องกักตัว 14 วัน ขอตั้งคำถามว่าการระบาดในคลัสเตอร์เรือนจำรัฐเป็นฝ่ายการ์ดตกอีกครั้งหรือไม่

เพื่อลดการระบาดในเรือนจำ 1.แยกกลุ่มนักโทษผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย ติดกำไลอีเอ็มแล้วปล่อยตัวชั่วคราวโดยยังคงทัณฑ์บน แบบที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลียใช้เมื่อปีที่ผ่านมา 2.สร้างโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ต้องขัง ในพื้นที่ทหารที่มีการดูแลเข้มงวด 3.ชดเชยความเสียหายอย่างเท่าเทียมหากมีผู้ต้องขัง เสียชีวิตจากโควิดในเรือนจำ การระบาดเกิดขึ้น พร้อมกันและในเวลาใกล้เคียงกันจนกลายเป็น คลัสเตอร์ดาวกระจาย แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมา รัฐบาลปล่อยปละละเลย รัฐต้องเปลี่ยนวิธีบริหาร ศบค.ต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา และประเทศต้องเปลี่ยนนายกฯ เท่านั้น เราจึงจะแก้ปัญหาโรคระบาดได้

ก.ก.ซัดตู่รวบอำนาจ-ติดเชื้อพุ่ง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก้าวไกล กล่าวถึงการบริหารงานภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ว่า เป็นเวลา 20 วันเต็มแล้วที่เราอยู่ภายใต้การบริหารแบบรวบอำนาจของนายกฯ ที่รวบอำนาจหน้าที่ 31 พ.ร.บ. จากรัฐมนตรีคนอื่นมาไว้ในมือ เป็นการรวบอำนาจที่มีเจตนาเพื่อแก้ไขวิกฤตโควิดแบบวันแมนโชว์ รวบการตัดสินใจแทบทุกอย่างไว้ที่คนคนเดียว นั่นคือพล.อ.ประยุทธ์

เมื่อรวบอำนาจไว้ที่ตนเอง ขอตัดสินใจ ทุกอย่างเป็นเวลา 20 วัน ผลที่เกิดขึ้นในรอบ 20 วันนี้คือ ผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 100,000 รายในวันนี้เป็นวันแรก ยอดรวมอยู่ที่ 101,447 ราย เพิ่มขึ้น 43,939 ราย ภายใน 20 วันของการรวบอำนาจ เฉลี่ยติดเชื้อเพิ่มวันละ 2,197 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมในรอบ 20 วันแห่งการรวบอำนาจ อยู่ที่ 436 ราย เพิ่มขึ้น 295% เมื่อเทียบกับยอดผู้เสียชีวิตสะสมช่วงก่อนหน้านี้ที่สะสม มา 400 กว่าวัน อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 0.58% หมายถึงความเสี่ยงในการเสียชีวิตเมื่อตรวจพบเชื้อ เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 2.2 เท่า ภายใน 20 วัน

จี้รับผิดชอบด้วยการลาออก

ภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ คงมีแต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น นอกนั้นมีแต่ลดลง ทั้งเงินในกระเป๋าประชาชน เตียงผู้ป่วยหนัก งบประมาณ ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นต่อวัคซีนที่รัฐจัดหาให้ ทุกวันนี้แนวโน้มวิกฤตโควิดมีแต่จะแย่ลง เศรษฐกิจของประเทศถอยหลัง ชีวิตของประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เหมือนทำงานแค่ตามเวลาราชการ กว่าจะตัดสินใจอะไรวิกฤตก็รุนแรงเสียแล้ว ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า ได้แต่แก้ปัญหาแบบผักชีโรยหน้าไปวันๆ แบบนี้ไม่รู้ว่าจะมี นายกฯ ไว้ทำไม

เมื่อผลลัพธ์ของการรวบอำนาจไปที่ผู้นำแบบ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาเป็นเช่นนี้ การแก้ไขวิกฤตครั้งใหญ่ของประเทศแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ขาดอำนาจ แต่ขาดความสามารถ ลองฟัง คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกน้องรอบตัวดูบ้าง จะได้พิจารณา ตัวเองเสียทีว่าไร้ความสามารถและความพร้อมรับผิดชอบชีวิตคนไทย ควรยอมรับความจริงข้อนี้และลาออกให้เร็วที่สุด

ดีอีเอสขู่เอาผิดเพจดัง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวกรณีเพจดังแชร์ข้อมูลเรื่องงบประมาณจัดทำ ร.พ.สนามบุษราคัม ใช้งบฯ 239,280,000 บาท รองรับได้ 1,092 เตียง งบเตียงละ 220,000 บาท เปรียบเทียบร.พ.สนามของพิมรี่พายใช้งบ 170,000 บาท แต่ได้ถึง 50 เตียง งบเตียงละ 3,400 บาท จนเกิดเสียงวิจารณ์กว้างขวาง ว่า ดีอีเอสตรวจสอบ พบว่ามีความพยายามเชื่อมโยงให้เกิดความเข้าใจผิด บิดเบือนเพื่อให้เกิดความแตกแยก ขัดแย้ง ส่วนพิมรี่พายนำเงินส่วนตัวมาสร้างร.พ.สนามเป็นสิ่งดีที่เสียสละ รัฐบาลต้องขอบคุณความตั้งใจดี ส่วนร.พ.สนามบุษราคัม จัดตั้งในลักษณะถาวร มีมาตรฐานทางการแพทย์ มีอุปกรณ์เครื่องมือดูแลผู้ติดเชื้อ มีระบบการดูแลความปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุขสามารถชี้แจงรายละเอียด หรืองบได้ทั้งหมด อีกทั้งภาพที่แชร์เปรียบเทียบ ก็เป็นภาพเก่าก่อนปรับปรุงให้ได้มาตรฐานในภายหลัง

ช่วงที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกลับมีผู้ไม่ประสงค์ดี สร้างความสับสน ทางดีอีเอส ติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้มาตลอด ขอให้ผู้เป็นต้นตอหรือมีส่วนนำเสนอข้อมูลดังกล่าวลบโพสต์โดยด่วน และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สังคมรับทราบ มิเช่นนั้นดีอีเอส อาจต้องดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่มีเจตนา ไม่บริสุทธิ์ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน