ย้ำชัดมีคำตอบคลายปมปริศนา
ขอให้ติดตามเชื่อสังคมพอใจแน่
เตรียมแถลงคืบหน้าครบรอบปี
เด็กหญิง3ขวบเสียชวตบนเขาสูง

คดี ‘น้องชมพู่’ กระจ่างแน่นอนไม่เกินมิ.ย. ‘บิ๊กปั๊ด’ ลั่นเตรียมแถลงคลี่ปม ด.ญ.วัย 3 ขวบ ดับปริศนาบนภูเหล็กไฟมุกดาหาร คดีดังที่สร้างความกังขาให้ผู้คนมานานนับปีว่าหนูน้อยขึ้นไปเสียชีวิตบนภูเขาสูงได้อย่างไรและใครเป็นฆาตกร ย้ำมีคำตอบที่สังคมพอใจ ส่วนจะเป็นข่าวดีหรือไม่รอให้สังคมตัดสิน

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ หรือน้องชมพู่ วงศ์ศรีชา อายุ 3 ขวบ ที่หายไปจากบ้านพัก ในหมู่บ้านกกกอกต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2563 ต่อมาพบศพน้องชมพู่ บนภูเหล็กไฟ ท่ามกลางความสงสัยว่าน้องชมพู่เดินขึ้นไปเสียชีวิตเอง หรือใครเป็นคนพาไป

พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า สำหรับคดีน้องชมพู่มีคำตอบแน่ แต่วันไหนจะแถลงข่าวให้ชัดเจนอีกครั้ง มีคำตอบที่สังคมพอใจแน่ เชื่อว่าไม่เกินมิถุนายนนี้ได้รู้ ส่วนจะเป็นข่าวดีหรือไม่ ให้สังคมตัดสินแล้วกัน

สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2563 น้องชมพู่หายไปจากบ้านในช่วงสาย ครอบครัวประกาศตามหาโดยใช้ช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย หลายฝ่ายช่วยกันตามหา ต่อมาวันที่ 14 พ.ค.ปีเดียวกัน มีชาวบ้านขึ้นไปหาเห็ดป่าบนภูเหล็กไฟ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า พบรองเท้าเด็กตกอยู่จึงระดมกำลังทุกฝ่ายรวมถึงชาวบ้านปูพรมค้นหา กระทั่งพบศพน้องชมพู่ห่างจากจุดพบรองเท้าเล็กน้อย สภาพเปลือย ระยะทางห่างจากบ้านพักมากกว่า 1 กิโลเมตร

สำนักงานตำรวจแห่งชาติระดมชุดสืบสวนสอบสวนฝีมือดีลงพื้นที่สืบหาเบาะแส แต่ผ่านไปหลายเดือนคดียังไร้วี่แววคนร้าย หรือสาเหตุที่แท้จริงว่าน้องชมพู่ขึ้นไปเสียชีวิตบนเขาสูงได้อย่างไร คนในครอบครัว คนใกล้ชิด และชาวบ้านรอบข้าง ถูกสอบปากคำตกเป็นต้องสงสัยจำนวนมาก รวมถึงบางส่วนถูกนำเข้าเครื่อง จับเท็จ โดยเฉพาะนายไชย์พล หรือลุงพล วิภา และนางสมพร หรือป้าแต๋น หลาบโพธิ์ ลุงเขยและป้าของน้องชมพู่ ญาติใกล้ชิดที่ถูกเพ่งเล็งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ก่อนเกิดการสร้างกระแส “ลุงพลฟีเวอร์” ทำให้นายไชย์พลกลายเป็น ซูเปอร์สตาร์และเน็ตไอดอลในเวลาต่อมา

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่ขณะนั้นเป็นรองผบ.ตร. ทำคดีเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 2 ต.ค.หลังจากรับตำแหน่งผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์นำคณะชี้แจงความคืบหน้าของคดีหลังเก็บรวบรวมพยานหลักฐานนานถึง 4 เดือน โดยระบุว่า สอบปากคำบุคคล 384 ปาก นำเข้าสำนวน 124 ปาก ผู้เชี่ยวชาญ 13 ปาก วัตถุพยาน 154 ชิ้น สำนวนการสอบสวนการ 918 หน้า ยืนยัน 8 ข้อ คือ

1.เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถของน้องชมพู่ มีเนินชันมากกว่า 60 องศา ขวางกั้นในทุกเส้นทาง 2.พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่รับประทานไป ไม่เพียงพอต่อการเดินไปบนจุดพบศพ 3.ประสบการณ์ชาวบ้านยืนยันว่า เด็ก 3 ขวบ จะปีนป่ายไปถึงได้แค่ชั้นที่ 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น 4.กรณีศึกษาการหลงป่า ของ นางทิน เชื้อคมตา ชาวบ้านกกตูม ชาวบ้านสามารถหาได้เจอภายใน คืนเดียว

5.แพทย์ ผู้ชันสูตรและกุมารแพทย์ ยืนยืนว่า พัฒนาการของเด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้ 6.สภาพศพที่เปลือยกาย ซึ่งบิดาและมารดาของน้องชมพู ยืนยันว่า น้องชมพู่ไม่สามารถถอดเสื้อเองได้ 7.พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ที่ตรวจพบเส้นผมน้องชมพู่ถูกตัดด้วยมีด เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น 8.นิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่ กลัวที่สูง และกลัวป่า ที่ผ่านมาน้องชมพู่ไม่เคยไปในป่าหลังบ้านเลยสักครั้ง

ทั้งหมดยืนยันได้ว่า น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟซึ่งเป็นจุดพบศพได้ด้วยตนเอง จะต้องมีใครบางคนที่รู้จักกัน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เป็นผู้พาขึ้นไป โดยผู้ที่พาขึ้นไปจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จะต้องมีความผิดฐานพรากเด็กและกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และมีความผิดในข้อหา ซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลาย และอำพรางศพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน