ตำรวจปัตตานีสั่งภาคทัณฑ์ ‘หมู่ยิว’ ส.ต.ต. หวานใจ ‘เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น’ ปมไลฟ์สดร่วมกันแล้วอ้างไม่ไปทำงานเพราะ ‘เวิร์ก ฟรอมโฮม’ หลังคณะกรรมการชุดที่ผบก.ภ.จว.ปัตตานีตั้งขึ้น สอบข้อเท็จจริงพบผิดวินัยไม่ร้ายแรง แค่ใช้คําพูดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ขาดการยั้งคิดไตร่ตรอง จนเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ

จากกรณีดราม่าสนั่นโลกออนไลน์ ขณะ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” น.ส.รัชนก สุวรรณเกตุ กับหวานใจตำรวจหนุ่มหล่อ ส.ต.ต. ฉัตรมงคล หรือยิว สมแก้ว ไลฟ์สดร่วมกัน และมีแฟนคลับเข้ามาถามหนุ่มยิวว่าไม่ได้ไปทำงานหรือ อีกฝ่ายตอบกลับว่าอยู่ระหว่าง เวิร์ก ฟรอมโฮม สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นตำรวจทำไมจึง เวิร์ก ฟรอมโฮม ได้ ต่อมา พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี สั่งให้ ส.ต.ต.ฉัตรมงคล ช่วยราชการฝ่ายอำนวยการ บก.ภ.จว.ปัตตานี กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในสังกัดคือตำแหน่ง ผบ.หมู่งาน ป. สภ.มายอ พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมในการใช้สื่อสังคมออนไลน์

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดําเนินการเสร็จสิ้นแล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่า การกระทําของ ส.ต.ต.ฉัตรมงคล ใช้สื่อสังคมออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ รัชนก สุวรรณเกตุ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. และกล่าวถึงในประเด็นคําพูด “เวิร์กฟรอมโฮม” เป็นการใช้คําพูดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดการยั้งคิดไตร่ตรอง และไม่อธิบายให้บุคคลทั่วไปที่ติดตามทางสื่อสังคมออนไลน์ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ทําให้ประชาชนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ ส่งผลทําให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานและสํานักงานตํารวจแห่งชาติ

ดังนั้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพิจารณาเห็นว่า การกระทําของ ส.ต.ต. ฉัตรมงคล เป็นการกระทําที่ขาดความรอบคอบในการคิดวิเคราะห์การใช้ถ้อยคํา เพื่อสื่อสารกับคนทั่วไป ไม่ระมัดระวัง ขาดการไตร่ตรอง ทําให้ถ้อยคําที่สื่อความหมายออกไปแล้วเกิดความเคลือบแคลงสงสัยจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากบุคคลทั่วไปเป็นจํานวน มาก ทําให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ และเกิดความเสียหายต่อข้าราชการตํารวจโดยส่วนรวม

ประกอบกับ ส.ต.ต.ฉัตรมงคล ยอมรับว่าเป็นความผิด ซึ่งผู้บังคับบัญชาสั่งการและกําชับแล้ว ถือได้ว่าพฤติการณ์การกระทําของ ส.ต.ต.ฉัตรมงคลเป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 7 กล่าวคือต้องปฏิบัติตามคําสั่งของ ผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบของทางราชการ โดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงต้องไม่ใช้กิริยาวาจา หรือประพฤติตนในลักษณะที่ไม่สมควร และต้องไม่กระทําหรือละเว้นการกระทําใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการหรือให้เสียระเบียบแบบแผนวินัยตํารวจในการนี้ ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งลงโทษ “ภาคทัณฑ์” ส.ต.ต. ฉัตรมงคล สมแก้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน