กทม. – เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่สำนักงาน บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) นายธงทอง จันทรางศุ ประธาน กรรมการเคที เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหารเคที หลังจากมีการอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ในคดีพิพาทระหว่าง บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ผู้ฟ้องคดี และกทม.จำเลยที่ 1, เคที และจำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้ง 2 ต้องร่วมรับผิดชอบจำนวนเงินที่มีการฟ้องร้องกันกว่า 12,600 ล้านบาท กรณีผิดสัญญาชำระค่าตอบแทนการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2

นายธงทองกล่าวว่า กรรมการมีความเห็นพ้องว่าจะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน และจะขอพิจารณาคดีใหม่ ในประเด็นวิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคดีนี้ มีสูตรการคำนวณอย่างไร อะไรที่เป็นปัจจัยในการคำนวณ

นายธงทองกล่าวต่อว่า เรายอมรับข้อเท็จจริง กรณีหนี้เป็นหนี้ผูกพันระหว่าง บีทีเอสซี กทม. และเคที แต่จำนวนมากน้อยเพียงใด และมีความชัดเจนในข้อกฎหมายอย่างไร จะใช้คำพิพากษาเป็นแนวทาง และจะศึกษาโดยรอบคอบ รวมถึงว่าจ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว และหารือร่วมกับ กทม.อย่างใกล้ชิด ในฐานะเป็นจำเลยร่วม หากตัวเลขไหนที่เห็นตรงกันว่านิ่งแล้ว จะมีการพูดคุยกับ บีทีเอสซีเกี่ยวกับเรื่องการชำระหนี้ ว่าจะจ่ายเป็นงวดหรือจะชำระในรูปแบบใด ซึ่งตัวเลขหนี้ของส่วนต่อขยายที่ 1 ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ในส่วนต่อขยายที่ 2 กทม.กับเคที ยังมีความเห็นต่างกัน ว่าเป็นหนี้ของใคร

เมื่อถามว่า หลายคนกังวลว่ายิ่งเวลาผ่านไป ดอกเบี้ยของหนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้น เงินที่นำมาจ่ายก็เป็นส่วนหนึ่งของภาษีประชาชน กทม.กับเคทีจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร นายธงทองกล่าวว่า อย่าไปดูตัวเลขทั้งจำนวน ต้องดูทีละรายการ ตอนนี้ที่ทำอยู่คือความรอบคอบและความเป็นธรรม

เมื่อถามถึงกรณี รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ไม่มีสัญญาว่าจ้างเคที เหมือนส่วนต่อขยายที่ 1 เป็นเพียงการมอบหมายงานจากกทม. รวมถึงไม่ผ่าน สภากทม.ด้วยนั้น ทางเคทีกังวลหรือไม่ว่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในส่วนนี้เอง นายธงทองกล่าวว่า ไม่กังวล เพราะมั่นใจในการทำงานของผู้บริหารที่พิจารณาเรื่องนี้ เมื่อเป็นหนี้ต้องรับผิดชอบจ่ายร่วมกันจนหมด ไม่เกี่ยงว่ากทม. หรือ เคที ต้องเป็นฝ่ายจ่ายมาก หรือจ่ายน้อย เพียงใด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน