ก็ไม่เห็นรอดไปได้สักราย กับบรรดาโจรป้ายแดง ที่เมื่อคิดว่าอับจนหนทางแล้วก็เห็นร้านขายทองเป็นตู้เอทีเอ็ม หนุ่มปทุมฯ รายนี้ก็เช่นกัน

ย้อนไปเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 ต.ค. 2565 พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รองผบช.ภาค 1 พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.ท.ยุทธภูมิ โพธิ์อุดม รอง ผกก.สส.สภ.ธัญบุรี พ.ต.ท.เดชา แสนหว้า สว.สส.สภ.ธัญบุรี พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.ธัญบุรี ตำรวจสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานี ตำรวจสืบสวนภาค 1 ร่วมกันสอบปากคำ นายนภฎ แจ้งแสงทอง อายุ 26 ปี ชาว ต.ลำไทร อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

ผู้ต้องหาก่อเหตุควงปืนบีบีกันบุกชิงทองร้านขายทองเยาวราช กรุงเทพ สาขาคลองสี่ ในห้างเทสโก้โลตัส คลองสี่ หมู่ 4 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ชักปืนขู่พนักงานสาว กวาดทองน้ำหนักรวม 36 บาท เหตุเกิดเวลา 19.00 น. วันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามหมายจับของศาลอาญาจังหวัดธัญบุรี เลขที่ 548/2565 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2565

ข้อหา “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการ กระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม” หลังสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ท่าเรือนำเที่ยวในจังหวัดพังงา ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผลค้นหาของกลางที่สภ.ธัญบุรี เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหามีประวัติครอบครองยาเสพติดถูกจับมาแล้ว 2 ครั้ง

คุมตัวทำแผนฯ

คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 28 ก.ย. พ.ต.ท.บุญเรือง พันธนู สว.สอบสวน สภ.ธัญบุรี รับแจ้งมีเหตุคนร้ายก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำ เหตุเกิดที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขาคลองสี่ ธัญบุรี ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.ท.ยุทธภูมิ โพธิ์อุดม รองผกก.สอบสวน สภ.ธัญบุรี กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 1

พนักงานสาวของร้านทองให้ข้อมูลว่า ขณะเกิดเหตุร้านปิดแล้ว พนักงานกำลังช่วยกันทยอยเก็บสร้อยทองเข้าตู้เซฟ มีคนร้ายใส่โม่งสวมหมวกกันน็อก ใส่แว่น ตรงรี่มาที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ทุกคน จึงเข้าไปหลบอยู่หลังร้าน ก่อนที่คนร้ายจะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปหยิบเอาทองในตู้โชว์ แล้วหลบหนีโดยการเดินย้อนลงบันไดทางขึ้นข้างร้านลงไป ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

แสดงท่าโดดบันไดเลื่อน








Advertisement

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนบีบีกันตกอยู่ซอกบันไดเลื่อน คาดว่าคนร้ายทำหล่นขณะหลบหนีจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นพบว่าทองรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปเป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท จำนวน 18 เส้น รวมน้ำหนัก 36 บาท

ตำรวจเช็กกล้องวงจรปิดพบรถจยย.คนร้ายเลี้ยวไปทางเลียบ ถนนมอเตอร์เวย์ ก่อนจะหายไปช่วงถนนคลองหลวงอย่างน่าสงสัย เมื่อเช็กกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดก็พบคนร้ายนำรถกระบะตู้ทึบมาจอดทิ้งไว้ จากนั้นได้ยกรถจยย.คันที่ใช้ก่อเหตุชิงทองขึ้นใส่กระบะตู้ทึบแล้วขับหลบหนีไป

 

พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รองผบช.ภาค 1 ตรวจที่เกิดเหตุ

พล.ต.ต.พีระพงศ์เผยหลังสอบปากคำว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นหนี้ซื้อรถจักรยานยนต์มือสองและสร้างที่อยู่อาศัยจนเกินตัว ทำให้เงินหมด นอกจากนี้ ได้ไปทำทริปตกปลา และรับเงินผู้ซื้อทริปตกปลามาแล้ว แต่เอาเงินไปใช้จนหมด ไม่มีเงินไปจ่ายค่าเรือ จึงตัดสินใจก่อเหตุนำทองมาขายไปจ่ายค่าเรือตกปลา

ผู้ต้องหาอ้างว่าได้สร้อยทองไปจำนวน 9 เส้น โดยขายไปหมดแล้ว บางส่วนทำตกหล่นระหว่างหนีกระโดดลงบันไดเลื่อนพร้อมปืน ไม่รู้ว่าใครเก็บไปหรือไม่ หลังก่อเหตุวันรุ่งขึ้นได้เอาทอง 2 เส้นไปหลอมที่บ้านพักแล้วให้เพื่อนนำไปขายที่คลองสิบสอง ได้เงิน 50,000 บาท ถัดมาอีกวันเอาทอง 4 เส้นหนัก 8 บาทหลอมแล้วให้เพื่อนขายที่ร้านเดิม แต่ครั้งนี้ร้านทองไม่กล้ารับซื้อ จึงไปขายให้เพื่อนอีกคนได้เงิน 22,000 บาท ก่อนโอนไปจ่ายค่าเรือตกปลาที่จองเอาไว้

คุมตัวสอบปากคำ

จากนั้นวันที่ 2 ต.ค.เอาทอง 3 เส้น หนัก 2 บาท ไปขายและแลกร้านทองคลองสี่ ได้แหวนทอง 1 วง ก่อนเอาไปขายต่อได้เงิน 27,400 บาท และเอาทองอีก 1 เส้นให้เมียเอาไปขายได้เงิน 52,0000 บาท จากนั้นหนีไปถึงชุมพรเอาทองไปขายได้เงินอีก 50,000 บาท นำเงินทั้งหมดไปซื้ออุปกรณ์ตกปลา ก่อนไปลงเรือตกปลาที่จังหวัดพังงา พาก๊วนที่จองเอาไว้ออกไปตกปลากลางทะเลอันดามันนาน 3 คืน พอกลับเข้าฝั่งก็เจอตำรวจมารอจับอยู่แล้ว

“คดีนี้ที่ตำรวจตามจับได้ช้า เพราะหลังจากรู้ตัวผู้ต้องหา แต่พบว่าเจ้าตัวออกไปอยู่กลางทะเลอันดามัน 3 คืน จึงประสานตำรวจภาค 8 ร่วมติดตามจนเรือเข้าเทียบท่าจึงเข้าจับกุม” พล.ต.ต.พีระพงศ์กล่าว

ใครกำลังคิดก่อเหตุให้ดูไว้เป็นตัวอย่าง กลับใจตอนนี้ยังทัน

นพรัตน์ คุ้มศรี
วสันต์ ทิพย์ประโภชน์ เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน