‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ กินอาหารได้เป็นปกติ อารมณ์ดี หลับคืนแรกในแผ่นดินเกิดรอบ 22 ปี หลังกลับจากประเทศศรีลังกา กรมปศุสัตว์รอพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง- ปรับสภาพแวดล้อมใหม่ ก่อนรักษาอาการป่วย ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง จับตาสังเกตอาการอย่างน้อย 30 วัน ป้องกันโรคติดต่อ จัดไลฟ์สดให้ทางแฟนเพจศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย วันละ 2 ครั้งตั้งแต่บ่ายสองโมง รอประเมินร่างกายแข็งแรง บ่ายจึงเปิดให้เข้าเยี่ยมชม รมว.ทส.ยังไม่ตอบรักษาหายแล้วจะส่งกลับคืนศรีลังกา ด้านพี่นา- กัญจนาเผย สภาพน้องพลายทรุดโทรมมาก อาจต้องรักษาตัวอยู่ที่เมืองไทยยาวไปจนสิ้นอายุขัย ชี้แจงปมดราม่าถวายสีทอง 2.8 ตันทาองค์พระ ให้ศรีลังกา ไม่ใช่ทองคำอย่างที่วิจารณ์กัน

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รายงานความคืบหน้าพลายศักดิ์สุรินทร์ หลังเดินทางโดยเครื่องบินพาณิชย์จากประเทศศรีลังกากลับมาถึงประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ก่อนเดินทางไปที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 2 ก.ค. โดยระบุว่า พลายศักดิ์สุรินทร์นอนที่สถาบันคชบาล แห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง เป็นคืนแรก การนอนหลับตามปกติ ไม่มีอาการผิดปกติ อารมณ์ดี โดยขั้นตอนในการดูแลต่อจากนี้ จะมีการเฝ้าระวังและสังเกตอาการเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน ภายใต้ระเบียบการควบคุม โรคระบาดสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อบางชนิด และให้การรักษาควบคู่ไปด้วย เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ และสร้างความคุ้นเคยกับ สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยอีกครั้ง

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวถึง ความคืบหน้าการดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ว่า พลายศักดิ์สุรินทร์จะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งสัตวแพทย์และควาญช้าง เพื่อให้ช้างได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ภายหลังจากการเดินทาง และได้ใช้เวลา เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ตลอดจนได้มีโอกาสได้สร้าง ความคุ้นเคยกับควาญช้างไทย ภาษาไทย และได้ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่จากไปนานกว่า 20 ปี

นายวราวุธกล่าวว่า ในส่วนของประชาชน ที่ต้องการติดตามอาการพลายศักดิ์สุรินทร์นั้น ประชาชนติดตามได้ที่อาคารกัลยาณิวัฒนาการุณย์ สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง ผ่านกล้องวงจรปิด และช่วงที่ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง และสังเกตอาการ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ได้จัดให้มีการไลฟ์ผ่านทางแฟนเพจศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang (https://www.facebook.com/ elephantcenter/) โดยจะมีไลฟ์ทางเฟซบุ๊ก ของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ในช่วง เวลา 14.00-14.30 น. และเวลา 16.30-17.00 น. เหตุผลที่ไฟล์ในช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้า เป็นเวลาที่ทางสัตวแพทย์ทำการรักษาและครวญช้างทำความคุ้นเคยกับช้าง ขณะที่ช่วงเวลาที่ไลฟ์สดเป็นช่วงเวลาที่ช้างพักผ่อน นอกจากนี้จะจัดทำคลิปวิดีโอเพื่อนำเสนอเรื่องราวการดูแลรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ตลอดระยะเวลา 30 วันนี้

นายวราวุธกล่าวว่า ส่วนจะเปิดให้เข้า เยี่ยมชมได้เมื่อไหร่นั้น เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาการกักตัว พลายศักดิ์สุรินทร์จะได้พักผ่อนทำความคุ้นเคยกับที่อยู่ใหม่ ตลอดจนได้รับการ ดูแลรักษาจนมีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว จึงจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าเยี่ยมพลายศักดิ์สุรินทร์ โดยทางสถาบันคชบาลฯ จะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการตั้งคำถามกันมากว่า หลังจากรักษาเสร็จแล้วจะคืนพลายศักดิ์สุรินทร์ให้ศรีลังกาหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่าประเด็นนี้ขอยังไม่ตอบ เนื่องจาก ต้องดูอาการบาดเจ็บก่อนว่าเรื้อรังเพียงใด หรือสามารถรักษาให้หายได้ 100% อย่างไรหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องขึ้นอยู่กับทางทีมสัตวแพทย์ เป็นหลักก่อน ตอนนี้ต้องให้เวลาทีมสัตวแพทย์ เข้ารักษาอาการป่วยของพลายศักดิ์สุรินทร์ก่อน

ขณะที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา อดีตหัวหน้า พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตาม สถานการณ์ของพลายศักดิ์สุรินทร์ว่า เท่าที่ทราบ พลายศักดิ์สุรินทร์ นอนได้ กินได้ พ่อพลายเป็นช้างที่เชื่องมาก และอ่อนโยน เชื่อฟัง ปรับตัวได้เร็ว ซึ่งทางทีมสัตวแพทย์จะได้เริ่มตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เราก็ต้องให้เวลาและรอฟังผล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน มากว่าจะส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับศรีลังกาหรือไม่ น.ส.กัญจนากล่าวว่า ขอเรียนว่า เงื่อนไข ที่เจ้าอาวาสที่ได้กรุณาให้พลายศักดิ์สุรินทร์มารักษาตัว โดยท่านได้ใช้คำว่า “กระทั่ง แข็งแรงเต็มร้อย” ซึ่งคำๆ นี้ ก็วินิจฉัยยาก และเมื่อดูจากสภาพของพ่อพลายแล้วทรุดโทรม มาก น่าจะต้องรักษาตัวอยู่ที่เมืองไทยอีกยาวอาจจนสิ้นอายุขัยของเขา








Advertisement

เมื่อถามถึงกรณีวิพากษ์วิจารณ์ถึงเบื้องหลังการกลับของพลายศักดิ์สุรินทร์ ประเด็นที่ น.ส.กัญจนาได้ บริจาคเงินเป็นจำนวนมากและบริจาคทองคำจำนวนหลายกิโลกรัม น.ส.กัญจนากล่าวว่าเป็นเมตตาของเจ้าอาวาสที่กรุณาปล่อยให้เรานำพลายศักดิ์สุรินทร์ มารักษาตัวได้ เพราะถ้าท่านเจ้าอาวาสไม่เมตตา ปล่อยน้องเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็น กรรมสิทธิ์ของวัด เนื่องจากรัฐบาลไทยยกให้รัฐบาลศรีลังกาแล้ว และรัฐบาลศรีลังกามอบให้ กับวัด

“ด้วยเมตตาของเจ้าอาวาสก็เลยทำให้เรานำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาได้ กัญจนา จึงมีจิตศรัทธาที่อยากจะทำบุญ และได้ทราบว่า ท่านเจ้าอาวาสกำลังสร้างองค์พระใหญ่องค์หนึ่ง ที่วัด และขาดสีทองที่จะใช้ทาองค์พระ ซึ่งในศรีลังกาไม่มีจะต้องสั่งจากเมืองไทย ทั้งหมดจำนวน 2.8 ตัน กัญจนาจึงมีจิตศรัทธาที่จะขอถวายสีทองดังกล่าวให้กับเจ้าอาวาสเพราะท่านได้กรุณาเมตตาให้พลายศักดิ์สุรินทร์ออกมา รักษาตัว ขอย้ำว่า สีทอง ไม่ใช่ ทองคำ ไม่ใช่ เงื่อนไขอย่างที่นำไปวิพากษ์วิจารณ์กัน เป็นการ ที่กัญจนามีจิตต้องการทำบุญ เพราะพระเมตตา ให้เรานำน้องออกมาได้ การที่ถูกนำไปดราม่ากันก็อาจจะเป็นการรู้เลาๆ แล้วก็เลยเข้าใจกันผิด ก็ขอชี้แจง” น.ส.กัญจนากล่าว

น.ส.กัญจนากล่าวว่า ตนมีแผนว่าจะเดินทาง ไปเยี่ยมพลายศักดิ์สุรินทร์ที่ลำปางเมื่อเขาพ้นกักตัว 30 วันแล้ว และทางสถาบันคชบาลอนุญาตให้ประชาชนเข้าเยี่ยม ระหว่างนี้ตนและ เอฟซีของน้องก็ติดตามดูจากเพจของกรม อุทยานฯ และเพจของสถาบันคชบาลไปก่อน

อารมณ์ดี – ภาพล่าสุดของพลายศักดิ์สุรินทร์เข้าพักฟื้นที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง คืนแรกนอนหลับได้ ปรับตัวได้ดี ไม่มีอาการ ผิดปกติ และอารมณ์ดี ขั้นตอนต่อจากนี้เฝ้าระวังและสังเกตอาการต่อเนื่องระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน เมื่อวันที่ 3 ก.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์อนุรักษ์ ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang โพสต์ข้อความระบุว่า สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จ.ลำปาง ขอเรียนชี้แจงและทำความเข้าใจต่อสังคม จากกรณีมีการแชร์ข้อความ เชิญชวนเพื่อขอรับบริจาคเงินค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์นั้น

ทางสถาบันมิได้มีการเปิดรับบริจาคเงิน แต่อย่างใด หากมีผู้ใดหรือหน่วยงานใดมีการขอรับ บริจาคเงิน ถือว่าทางสถาบันมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

วันเดียวกัน นายสมโรจน์ คูกิตติเกษม พร้อมด้วย น.ส.พัชรพร คูกิตติเกษม ลูกสาว ให้สัมภาษณ์ที่บ้านในจ.สุรินทร์ เรื่องช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ และช้างพลายศรีณรงค์ ที่ทางครอบครัว “คูกิตติเกษ” ได้น้อมเกล้าฯ ถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2543 และต่อมาได้ส่งมอบให้ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2544 ในนามรัฐบาลไทยกับรัฐบาลศรีลังกา ซึ่งช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ และช้างพลายศรีณรงค์ รัฐบาลศรีลังกาจะใช้ในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในช่วงพิธีการต่างๆ จนขนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมาที่ประเทศไทย เนื่องจากมีอาการป่วยนั้น

นายสมโรจน์กล่าวว่า การน้อมเกล้าฯ ถวาย ช้างพลายทั้งสอง และเหตุที่ช้างมีชื่อนี้ เพื่อเป็นเกียรติประวัติของจ.สุรินทร์ และ เจ้าเมืองสุรินทร์คนแรกคือ พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) โดยการประสานงานกับกรมป่าไม้ โดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ในขณะนั้น จนบรรลุความสำเร็จ และได้ส่งมอบช้างทั้ง 2 เชือกให้ประเทศ ศรีลังกาเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการส่งมอบช้างทั้งสองเชือกนั้นครอบครัวคูกิตติเกษมได้ประกอบพิธีบวงสรวงที่ศาลปะกำช้าง ที่บ้านเลขที่ 67-71 ถนนปัทมานนท์ เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ เพื่อให้การเดินทางของช้างพลายทั้งสองเชือกให้เป็นไปด้วยความราบรื่น

นายสมโรจน์กล่าวต่อว่า ผ่านมา 22 ปี พลายศักดิ์สุรินทร์ได้เดินทางกลับคืนมาตุภูมิ โดยได้พักรักษาตัวอยู่ที่ปางช้าง จ.ลำปาง ตนและครอบครัวพร้อมทั้งพี่น้องชาวสุรินทร์ทุกคนล้วนดีใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มาประกอบพิธีบอกกล่าวเรียกขวัญพลายศักดิ์สุรินทร์ที่ศาลปะกำช้างประจำครอบครัวที่จ.สุรินทร์ เพื่อให้เกิดความสุขสวัสดีมีชัยปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ต่อไป ส่วนที่ จ.ลำปาง หลังพลายศักดิ์สุรินทร์ได้รับการรักษาตัวแล้วจะมีการประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ เรียกขวัญ พลายศักดิ์สุรินทร์อีกครั้ง โดยตนและครอบครัว พร้อมทั้งควาญช้างบางส่วนจะเดินทางไปร่วมในพิธีด้วย ส่วนพลายศรีณรงค์ทราบว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมีสุขภาพแข็งแรง รู้แค่นี้ตนก็ดีใจแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน