เมื่อวันที่ 14 ก.ค. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีข่าวพบโควิด-19 สายพันธุ์ EG.5.1 แพร่เร็วกว่า XBB.1.16 ว่า EG.5.1 หรือ XBB.1.9.2.5.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน XBB.1.9.2.* มีตำแหน่งกลายพันธุ์เพิ่มเติมบนโปรตีนหนาม อัตราการแพร่เชื้อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาในภาพรวมทั่วโลก พบว่าสูงกว่าสายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16* ร้อยละ 45

นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า โดยสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชีย ระหว่างวันที่ 4 มิ.ย.-4 ก.ค.2566 พบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด คิดเป็น 13.71% รองลงมาคือ สายพันธุ์ XBB.1.9.1 คิดเป็น 8.68% และสายพันธุ์ EG.5.1 คิดเป็น 7.33% ส่วนสถานการณ์ของสายพันธุ์ EG.5.1 ทั่วโลก อ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ข้อมูลวันที่ 10 ก.ค.2566แบ่งตามภูมิภาค ดังนี้ เอเชีย 1,385 ราย ยุโรป 203 ราย โอเชียเนีย 35 ราย อเมริกาเหนือ360 ราย อเมริกากลาง 4 ราย และอเมริกาใต้ 1 ราย สายพันธุ์ EG.5.1 ในภูมิภาคเอเชียพบรายงาน จาก 11 ประเทศจากมากไปน้อย ดังนี้ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง อิสราเอล ลาว อินโดนีเซีย ไต้หวัน ไทย และอินเดีย สำหรับประเทศไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1 จำนวน 5 ราย รายงานครั้งแรกเมื่อ เม.ย.2566 จำนวน 1 ราย พ.ค. 3 ราย และ มิ.ย. 1 ราย ยังไม่พบข้อมูลเรื่องการเพิ่มความรุนแรง

“สถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันพบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดของไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 17-23 มิ.ย.2566 ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการติดตามโอมิครอน 8 สายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI) 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5* และ XBB.1.16* และสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ Variants under monitoring (VUM) 6 สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.75*, CH.1.1*, XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBB.2.3*” นพ.ศุภกิจกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน