โชว์ผลงาน60วันรัฐบาลเล็งดินเนอร์ทุกเดือนครั้งหน้า‘อนุทิน’เจ้าภาพสส.ก้าวไกลเชียงใหม่โต้ปลอมลายเซ็น-อมเงิน

‘เศรษฐา’แถลงใหญ่วันนี้ แจกเงิน 1 หมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ยันได้แน่ก.พ.67อย่างช้าไม่เกินพ.ค. ออกทีวีโชว์ผลงานครบ 2 เดือน ชี้อุปสรรคสำคัญคือเวลาไม่พอในการทำงาน เผยถอดหมวกนายกฯ ดินเนอร์พรรคร่วมชื่นมื่น แจง‘อิ๊ง’ร่วมวงไม่มีนัยยะ ‘ภูมิธรรม’ ปัดจัดงานกลบกระแส ‘อิ๊ง’เด่นกว่านายกฯ ‘ท็อป’ชมนายกฯ น่ารัก-แฮปปี้กับการทำงาน ‘อนุทิน’ขอเป็นเจ้าภาพนัดต่อไป ปชป.ให้ นายกฯ สอบตก ‘โรม’ชี้ให้คะแนนลำบาก แก้มั่นคง-กฎหมายไม่คืบ ‘สส.ภัทรพงษ์’ โต้ปลอมลายเซ็น-อมเงินผู้ช่วยหาเสียง

‘เศรษฐา’โชว์ผลงานรอบ 2 เดือน

เมื่อวันที่ 9 พ.ย.เวลา 20.00 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ในรายการพิเศษ Chance of Possibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วัน ภายใต้รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน” ทางช่อง NBT2HD, NBT11 และ Facebook, YouTube ของทั้ง 2 ช่อง รวมถึง Facebook เศรษฐา ทวีสิน- Srettha Thavisin

นายเศรษฐากล่าวถึงการดำเนินการของรัฐบาลที่ดำเนินการไปแล้ว คือ มาตรการ เร่งด่วน, การท่องเที่ยว, การคมนาคม, การ เดินทางไปต่างประเทศ และการแก้ปัญหา ยาเสพติด สังคม เรื่องเกณฑ์ทหารและกอ.รมน. และสรุปอุปสรรคในช่วง 60 วัน โดยเรื่องคมนาคม ยืนยันสานต่อโครงการรถไฟความเร็วสูงจากกทม.ไปนครราชสีมา เชื่อมขอนแก่น หนองคาย ลาว จีน พร้อมปรับระบบ Single Windows เชื่อมข้อมูลภาครัฐภาคธุรกิจให้การขนส่งสินค้าเร็วขึ้น พร้อมย้ำบทบาทการเดินทางไปต่างประเทศว่าเป็นเซลส์แมนไปบอกว่าประเทศไทยเปิดแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่จะดีเท่าเวลานี้ที่จะมาลงทุนที่ไทย

ส่วนประเด็นกอ.รมน.ยืนยันไม่ได้หาเสียงว่าจะยุบ แต่ยอมรับทุกหน่วยงานไม่เพียง กอ.รมน.ที่ต้องพัฒนา เปลี่ยนแปลงตามสภาพสังคม ซึ่งจะปรับให้กอ.รมน.มาช่วยให้ชีวิตชาวบ้านดีขึ้น สำหรับช่วง 60 วัน อุปสรรคสำคัญที่สุดคือเวลาไม่พอในการทำงาน ไม่พอในการนอน ที่มีคนบอก 1 วัน 24 ชั่วโมง ไม่พอนั้นเรื่องจริง แต่ต้องบริหารจัดการ

ก่อนทิ้งท้ายว่าเรื่องใหญ่คือเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจไม่ค่อยดีการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ทุกกระทรวง ทบวง กรม ข้าราชการยังทำงานหนักต่อไป ขอให้อดทน รับฟังความคิดเห็นทุกๆ ภาคส่วน รัฐบาลจะพยายามเข็นงานออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

ผลงาน 60 วัน – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ออกรายการพิเศษทางโทรทัศน์ แจงความคืบหน้านโยบายรัฐบาลลงมือทำจริงในระยะเวลา 60 วัน ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ยกระดับชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น เมื่อค่ำวันที่ 9 พ.ย.








Advertisement

กำชับชี้แจงข้อมูลถูกต้อง-ทันเวลา

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ ครั้งที่ 1/2566

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ และรับทราบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม รวมถึงพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นผู้ดำเนินการหลักในการแก้ไขข่าวเท็จที่สำคัญให้ทันเวลา

โดยให้ตั้งไลน์กลุ่มแบ่งการทำงานเป็น 2 ทีม ทีมแรก ประกอบด้วยปลัดกระทรวง ทีมโฆษกกระทรวงไม่เกิน 2 คน และทีมงาน 2 คนต่อหนึ่งกระทรวง เพื่อทำหน้าที่ ส่งประเด็นข่าวที่สำคัญที่เข้าข่ายให้ข้อเท็จจริง ทีมสอง ประกอบด้วย ทีมโฆษกกระทรวง ไม่เกิน 2 คน และทีมงาน 2 คนต่อหนึ่งกระทรวง เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ส่วนการบังคับใช้กฎหมายรวมทั้งดำเนินคดี มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นศูนย์กลางรับเรื่อง และเชื่อมโยงกับ AOC 1441 ในส่วนการจัดทำแผนปฏิบัติการ ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ และการจัดทำข้อเสนอ มาตรการป้องกันและลดปัญหาข่าวเท็จ/ข่าวปลอม มอบหมายให้คณะอนุกรรมการ ขับเคลื่อนฯ ในการจัดทำ สำหรับการเชื่อมระบบแก้ปัญหาข่าวเท็จ ข่าวปลอม กับ AOC 1441 มอบหมายให้กระทรวงดีอี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินร่วมกันดำเนินการ

“นายกฯ เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเร่งชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ทันเวลา โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง กำชับให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนการทำงานอย่างบูรณาการ” นายชัย กล่าว

ถอดหมวกนายกฯดินเนอร์ชื่นมื่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมรับประทานอาหารค่ำกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ว่า จุดประสงค์เนื่องจากบริหารงานมา 2 เดือน ถือเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรค และได้เจอกันประจำอยู่แล้วในเวทีทางการ ประชุมครม. ทุกสัปดาห์ ยังมีประชุมวงเล็กซึ่งได้พบปะเจอกันบ้างในลักษณะที่เป็นทางการมากกว่า ตนในฐานะเพิ่งเข้าสู่การเมือง ไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อนและวันนี้มาดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่มีความชำนาญเวทีทางการมากนักเท่าพี่ๆ น้องๆ หลายท่าน มาทานอาหารค่ำด้วยกัน

ตนถอดหมวกนายกฯมาเป็นพี่ เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หรือนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นน้อง และมีวัยวุฒิน้อยกว่า พล.อ.ต.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน

“ได้พูดคุยกันว่าในรัฐบาลก่อนๆ ที่หลายท่านดำรงตำแหน่งมาหลายรัฐบาลมาก และจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้พัฒนาไปอย่างไร วิธีดำเนินการประชุม วิธีพูดคุย วิธีบริหารราชการแผ่นดิน แต่ละคนมีข้อแนะนำกันมา ซึ่งผมน้อมรับไปปฏิบัติ เป็นการพูดคุยที่เป็นกันเอง บรรยากาศสบายๆ จากการที่เราได้มาทานอาหารอร่อยๆ มีหมูแดงสไตล์ฮ่องกง ซึ่งทุกท่านชอบและบะหมี่ที่ใช้มือปั้นเองมาโชว์ให้ดู อยู่กันถึง 4 ทุ่มกว่า เป็นเวลายาวนานที่ได้พูดคุยกันอย่างสบายๆ” นายเศรษฐากล่าว

ไร้ต่อรอง-‘อิ๊ง’ร่วมวงไม่มีนัย

ในวงไม่ได้พูดคุยเรื่องที่หนักมากๆ เช่น เศรษฐกิจ เป็นเรื่องวิธีการทำงานและพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า มีการพูดคุยตักเตือน ตนก็อธิบายให้พี่ๆ น้องๆ ฟังว่าสไตล์การบริหารเป็นอย่างไรบ้าง หลายคนแนะนำว่าควรทำอย่างไร เช่น นายภูมิธรรมที่มีพรรษาทางการเมืองเยอะ มีวัยวุฒิสูง ที่ตนให้ความเคารพอยู่แล้ว ได้อธิบายถึงวิธีการทำงานของตนให้รัฐมนตรีท่านอื่น และหยอดมาเรื่องการสอนให้ปรับปรุงตัวเองด้วยเพราะนายกฯเป็นคนพูดตรง อาจต้องนำไปปรับปรุงบ้าง เพื่อให้ไปถึงจุดมุ่งหมายที่ดีเหมือนๆ กัน แต่อาจมีหลายวิธีก็น้อมรับไปปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีคำแนะนำอะไรบ้าง นายกฯกล่าวว่า ไม่มีอะไร พูดคุยกันธรรมดา เราต้องอยู่ด้วยกันมีอะไรก็พูดคุยกันได้ แนะนำว่าอยากให้มีการเจอกันบ่อยขึ้นสลับกันเป็นเจ้าภาพ คราวหน้าจะเป็นนายอนุทิน บรรยากาศดีไม่มีอะไรจริงๆ ไม่ได้มีการพูดคุยหรือต่อรองหรือขอนโยบายอะไรมา เวทีนี้เป็นการไปพบปะสังสรรค์กันมากกว่า

ต่อข้อถามว่าการที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ไปร่วมด้วยเหมือนสอนงานทางการเมืองไปในตัว นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มี เพราะน.ส.แพทองธารมีความคุ้นเคยกับหลายๆ ท่านอยู่แล้ว บางครั้งจะเห็นเดินตามอดีตนายกฯมานานแล้ว ไม่ได้มีนัยอะไร

เมื่อถามว่ามีการสอบถามหรือมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มี ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า วันที่ 10 พ.ย. จะแถลงข่าวเวลา 14.00 น. จะมีความชัดเจนตอนนั้น แล้วเจอกัน ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นข่าวดีใช่หรือไม่ นายเศรษฐาไม่ตอบ เมื่อถามว่าจะมีความชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “บอกแล้วว่าอย่าพูดเล็กพูดน้อย ผมพูดเอง พูดคนเดียวจบเลย”

แถลงเงิน 1หมื่น-แจกก.พ.67

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแถลงเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่จะแจกให้ ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป นายเศรษฐาจะแถลงความชัดเจนทั้งวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในโครงการ แหล่งที่มาของเงิน พื้นที่ในการใช้เงินดิจิทัล กลุ่มที่จะแจก ซึ่งจะสรุปว่าเป็นกลุ่มใด คือ 1.ตัดสิทธิ์ที่มีรายได้/เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 1 แสนบาท (จะเหลือผู้ที่ได้รับสิทธิ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณ 4.3 แสนล้านบาท) 2.ตัดสิทธิ์ผู้ที่มีรายได้เกินเดือนละ 50,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 5 แสนบาท (จะทำให้เหลือผู้ได้รับสิทธิ์เพียง 49 ล้านคน และใช้งบประมาณเพียง 4.9 แสนล้านบาท) 3.จ่ายเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 15-16 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1.6 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ นายเศรษฐายืนยันจะพยายามแจกให้ได้ภายในเดือนก.พ.2567 ตามเป้าหมายเดิม หรืออย่างช้าเดือนพ.ค.2567

‘อ้วน’บอกรอบหน้าภท.เจ้าภาพ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า บรรยากาศการพูดคุยกันระหว่าง นายกฯ กับหัวหน้าพรรคร่วม รวมถึงเลขาธิการนายกฯ เป็นปกติธรรมดา โดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค จะไม่ได้มา แต่ส่งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค มาแทน ซึ่งไม่มีอะไรเพราะเป็นการรับประทานข้าวร่วมกัน เนื่องจากที่ผ่านมาในการทำงานตลอด 2 เดือน มีแต่พูดคุยกันเรื่องงาน

เมื่อคืนนี้ นายกฯ จึงถือโอกาสมาพูดคุย นายกฯสอบถามสารทุกข์สุกดิบว่าแต่ละคนทำอะไรกันมาบ้าง ซึ่งทุกคนรู้สึกดีที่ได้รับประทานอาหารที่นายกฯ เป็นเจ้าภาพ จึงตกลงกันว่า จากนี้จะหมุนเวียนสลับกันเป็นเจ้าภาพเดือนละครั้ง ซึ่งครั้งต่อไปเจ้าภาพจะเป็นพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แต่ในวงขออย่าเป็นพื้นที่ที่การคมนาคมติดขัด เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก ทำให้แต่ละคนกว่าจะมาถึงใช้เวลานาน

ยืนยันว่าการพูดคุยกันครั้งนี้ไม่ใช่มีปัญหาข้อติดขัดในการทำงานระหว่างพรรค แต่คุยกันว่าจะประสานการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างไร ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาถือว่าเป็นไปด้วยดี จากนี้จะช่วยกันทำงานและช่วยกันแก้วิกฤตของประเทศ เพราะทุกคนเต็มที่ บรรยากาศการพูดคุย เป็นไปอย่างสนุกสนาน ตัวอย่างกระแสข่าวความขัดแย้งของตนกับ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล หรือปุ้ย รมว.อุตสาหกรรม หากประชุมครม.กันวันไหน จะนัดกันจูงมือเข้าประชุมเลย ความร่วมมือแบบนี้น่าจะทำให้รัฐบาลทำงานได้เต็มที่ บางครั้งมีอะไรที่ไม่เข้าใจหรืออะไรกันบ้างจะให้คุยกันเลย จึงไม่น่ามีปัญหา

ปัดกลบกระแส‘อุ๊งอิ๊ง’เด่นกว่า‘นิด’

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ นัดรับประทานอาหารกับพรรคร่วม เพราะน.ส.แพทองธารมีบทบาทเด่นกว่านายกฯหรือไม่ นายภูมิธรรมปฏิเสธว่า ไม่มี น.ส.แพทองธารกับนายกฯ พูดคุยกันตลอด และเรารู้ว่าช่วยกันทำงานในแต่ละหน้าที่ที่รับผิดชอบ เช่น ตนเมื่อมาเป็นรัฐมนตรี มีความห่างจากพรรค เพราะต้องมาทำงานบริหาร หากถามตนเรื่องพรรคบางครั้งก็ไม่สามารถตอบในรายละเอียดได้ ขณะนี้เรื่องของพรรคเพื่อไทย เป็นหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร ที่จะทำพรรคให้เข้มแข็ง ขณะที่นายกฯ ทำหน้าที่บริหารราชการ แผ่นดิน ซึ่งต้องประสานกับครม.ทั้งคณะ เพื่อทำงานให้ได้ตามเป้าหมาย

“เป็นการแยกทำหน้าที่อย่างชัดเจน แต่มีการพูดคุยกันตลอด ส่วนเรื่องการประชุมพรรคที่สำคัญผมกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ก็เข้าร่วมประชุม เพราะนายกฯ กำชับรัฐมนตรีทุกคนให้เข้าประชุม และถ้านายกฯ ไม่ติดภารกิจ จะเข้าร่วมประชุมพรรคด้วย เพื่อจะได้มีความสัมพันธ์กับสส. สานต่อเรื่องการทำงาน เพราะสส.ลงพื้นที่พบประชาชนจะได้สะท้อนความรู้สึกกลับมาเพื่อปรับการทำงาน และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะได้ชี้แจง และหากติดขัดอะไรก็บอกมาเพื่อจะได้หาทางแก้ปัญหา” นายภูมิธรรมกล่าว

‘หนู’หยอดน่ารัก-เป็นผู้ใหญ่

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดนัดรับประทานอาหารร่วมกันรอบใหม่ เนื่องจากเพิ่งผ่านไปเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ได้คุยกันไว้ว่าจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอปัญหาการทำงาน เพื่อให้ได้รับการแก้ไขหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ได้คุยกันหลายๆ เรื่อง ซึ่งมีความเข้าใจกันอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร พรรคภูมิใจไทยต้องสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ในหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาล ในการประคองทั้งการเมือง และการบริหารราชการแผ่นดินให้ได้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงการมาร่วมรับประทาน อาหารของน.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นครั้งแรกในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ ได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลมาซึ่ง อุ๊งอิ๊งถือเป็นส่วนหนึ่งของวงกินข้าว ไม่ได้ถือว่าเป็นแขก ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการโปรโมต อุ๊งอิ๊ง เพราะอุ๊งอิ๊งดังมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ดังกว่าพวกเราเสียอีก ต่อข้อถามว่า ถือเป็นการปูทางการเมือง หรืออนาคตนายกฯ ของอุ๊งอิ๊งหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คนรุ่นใหม่ทุกคน มีความรู้ความสามารถ ถ้าถึงเวลาอันควร และเจ้าตัวมีความพร้อม องค์ประกอบครบ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น

ต่อข้อถามว่า น.ส.แพทองธารได้พูดคุยอะไรในวงกินข้าวบ้างหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า น.ส.แพทองธารน่ารัก อัธยาศัยดีมาก

เมื่อถามว่า ได้ให้ความเห็นในการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า น.ส.แพทองธารเป็นผู้ใหญ่ เวลาตนคุยกับท่าน ไม่ได้คุยในฐานะที่เห็นว่าเป็นลูกของผู้บังคับบัญชาเก่า ซึ่งจากการพูดคุยรู้สึกว่าท่านเป็นหัวหน้าพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาล และถือว่ามีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว

‘ท็อป’ชมนายกฯน่ารัก-แฮปปี้

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าพรรคพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเผยว่า นายกฯและหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันและสนิทสนมกันดี หลักๆ พูดคุยกันถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการทำงานตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง นายกฯไม่ได้เพิ่มเติมให้พรรคร่วมรัฐบาลทำเรื่องใดเป็นพิเศษ ซึ่งนายกฯน่ารักมาก ได้รับฟังแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เนื่องจากนายกฯมีประสบการณ์ด้านทำธุรกิจ นายกฯจึงมาฟังผู้ใหญ่ทางการเมือง เช่น นายอนุทิน ชาญ วีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ทำให้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมกันดี

“ถือว่าการได้รับประทานอาหารค่ำร่วมกันเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากได้ใกล้ชิดกัน และนายกฯให้เกียรติมาเป็นเจ้าภาพ นายกฯดูแฮปปี้ในการทำงาน และเหมือนที่ตัวเองเคยพูดว่านายกฯทำการบ้านมาดี มีทีมอยู่เบื้องหลังที่ดี รวมถึงนายกฯมีองค์ความรู้เยอะ ถือว่าเป็นการเตรียมตัวมาดี และให้เกียรติกับทุกพรรค แต่ในที่ประชุมยังไม่ได้พูดถึงโปรเจ็กต์ใหญ่ของรัฐบาลที่จะทำร่วมกัน” นายวราวุธกล่าว

‘บิ๊กทิน’ไม่หวั่นกห.ถูกล็อกเป้า

ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงการนำผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าพบนายกฯ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. เกี่ยวกับการตั้งคณะทำงานดูแลเรื่องภาคใต้ว่า ไม่ นายกฯ พูดเรื่องทั่วไป ไม่มีอะไรเฉพาะเจาะจง ส่วนที่รัฐบาลเตรียมแถลงผลงาน 2 เดือนนั้น ในส่วนของกระทรวงกลาโหม (กห.) กำลังสรุปผลงานอยู่ ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นแม้จะมีเรื่องการคืนที่ดินกองทัพ เพียงแต่ยังไม่จบสมบูรณ์ และต้องรายงานความคืบหน้าสิ่งที่ทำอยู่ เช่น การเกณฑ์ทหาร ยอดสมัครทางออนไลน์มีจำนวนมากขึ้น เชื่อว่าเมื่อถึงฤดูเกณฑ์ทหาร ยอดน่าจะถึงเป้าปีหน้านี้ จากเดิมที่คิดว่าอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปีจะเข้าเป้า ยอมรับว่าการแถลงผลงานต้องใช้เวลามากกว่านี้ เป็นไตรมาส เพราะ 2 เดือนคือการปรับตัว สร้างการยอมรับ ผลงานที่เห็นคือการตอบสนองนโยบาย ถือว่าเป็นตัวชี้วัดผลงาน

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่กระทรวงกลาโหมถูกล็อกเป้าในการตรวจสอบ นาย สุทินกล่าวว่า ไม่หวั่นไหวอะไร เรารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ และพอใจในสิ่งที่ทำ หากถึงเวลาชี้แจงทุกคนจะรู้เอง นอกจากนี้ในการ ขับเคลื่อนผลงานจำเป็นต้องอาศัยงบประมาณ ซึ่งตั้งแต่เข้ามาทำงานยังใช้งบประมาณของรัฐบาลชุดก่อน คงต้องรอดูงบประมาณในปี 2567 และ 2568 ยอมรับว่า กระทรวงกลาโหมต้องทำงานมากกว่ากระทรวงอื่น และมีแต่เรื่องใหญ่ๆ ที่ต้องดำเนินการ

‘สมชัย’ให้คะแนนรบ. 36 เต็ม 100

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. โพสต์แสดงความเห็นประเมินผลการทำงานของรัฐบาลนายเศรษฐา ครบ 2 เดือน โดยมองใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.การลดค่าไฟฟ้า น้ำมัน ค่าโดยสารรถไฟฟ้า แม้เป็นความตั้งใจในการช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน แต่ไฟฟ้า น้ำมัน เป็นวิธีการลดภาษีสรรพสามิต ส่วนรถไฟฟ้า เป็นการเพิ่มการขาดทุนของรัฐวิสาหกิจ และทุกอย่างเป็นการชั่วคราว ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่โครงสร้างราคาพลังงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ ให้ 7 คะแนน จาก 10 คะแนน

2.การช่วยเหลือเกษตรกร ยังวนเวียนกับการใช้วิธีการแบบเดิม คือ พักการชำระหนี้ การให้เงินชดเชย การบอกให้ชาวนาอย่าเพิ่งขายข้าวช่วงราคาตก การให้ธ.ก.ส. ออกเงินช่วยเหลือตามนโยบายกึ่งการคลัง แล้วรัฐตั้งงบประมาณใช้คืนพร้อมดอกเบี้ย ไม่เห็น มาตรการใหม่ๆ ที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง ให้ปุ๋ยลดราคา ให้สามารถขายได้ราคาดีขึ้น ให้ 6 คะแนน จาก 10 คะแนน

3.นโยบายหลักที่ประชาชนรอคอย คือ การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จะมีความพยายามหาทางดำเนินการในช่วง 2 เดือน แต่ยังกลับไปกลับมา ไม่สามารถชี้แจงให้ประชาชนทราบ ทั้งแหล่งที่มาของงบประมาณและวิธีการแจกจ่ายให้ประชาชน ให้ 3 คะแนน จาก 10 คะแนน

4.การทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ตามสัญญาที่ว่าจะเสนอในที่ประชุม ครม.นัดแรก แต่กลับตั้งคณะกรรมการศึกษาแทน ผ่านไปสองเดือน ยังไม่มีคำตอบใดๆ สักคำตอบว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง เมื่อใด คำถามควรเป็นอย่างไร เปลืองเวลา เปลืองงบประมาณ ให้ 2 จาก 10 คะแนน

และ 5.การสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชน จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับสิทธิออกมารักษาพยาบาลในห้องวีไอพี โรงพยาบาลตำรวจ และไม่มีความชัดเจนถึงสาเหตุการป่วยที่สมควรใดๆ โดยอ้างเป็นการเคารพสิทธิข้อมูลผู้ป่วย ให้ 0 คะแนนจาก 10 คะแนน

เมื่อรวม 5 ด้าน ได้ 18 จาก 50 คะแนน หรือเท่ากับ เต็ม 100 ได้ 36 คะแนน

ก้าวไกลไม่พูดตัวเลข

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขอไม่ตอบเป็นตัวเลข เพราะตนมีความคาดหวังกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลมากกว่านี้ ซึ่งบทบาทของตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ ไม่เห็นความคืบหน้า นึกไม่ออกว่าก่อนการเข้ามาเป็นรัฐบาล กับหลังเข้ามาทำงานแตกต่างอย่างไร ย้อนถามถึงการทำงานในสภามี สส.รัฐบาลกว่า 300 คน แต่ยังไม่มีการพัฒนากฎหมายเป็นเรื่องเป็นราว ไม่เห็นความสำเร็จอะไร แม้แต่นายกฯ ไม่เคยมาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายให้คะแนนลำบาก เลยไม่อยากกำหนดเป็นตัวเลข เนื่องจากไม่เห็นผลงาน ความสำเร็จในเรื่องเหล่านี้

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า รู้สึกเหมือนกับนาย รังสิมันต์ ไม่อยากให้คะแนน เช่นการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ คงจะต้องให้ติด ‘ร’ ไว้ก่อน เพราะไม่ทำการบ้าน ไม่ส่งข้อสอบ จึงขอให้โอกาสแค่ 2 เดือน รอให้แสดงผลงาน แค่การเจรจาสันติภาพขณะนี้ยังไม่มีหัวหน้าคณะ ค้างมาหลายเดือนแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่กล้าแตะความมั่นคงใช่หรือไม่ นายรอมฎอน กล่าวว่า ตนเคยตั้งข้อสังเกตไว้ 2 เรื่อง คือ 1.เขาไม่แยแส ไม่สนใจ 2.ไม่กล้าแตะ เพราะเป็นเขตทหาร เป็นเรื่องกิจการกองทัพ ดังนั้นการตัดสินใจอะไรที่ก้าวก่ายอาณาเขตของทหารคงจะต้องระมัดระวัง

ปชป.ประเมินนายกฯ 3/10

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า 2 เดือนในการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา สิ่งที่น่าผิดหวัง คือ ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจของประเทศได้ ประชาชนยังอยู่ในยุคที่ข้าวของมีราคาแพง อีกทั้งปัญหาการพนันออนไลน์ ทุกวันนี้ยังมีข่าวปัญหาอาชญากรรมทางสังคมที่เกิดขึ้นจากการพนันออนไลน์มากมาย และสุดท้ายการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็ล้มเหลว ส่วนการปรับลดราคาพลังงาน เหมือนเป็นการปรับลดแบบไฟไหม้ฟาง ระยะสั้น แก้ปัญหาไม่ตรงจุด และการทำงาน 2 เดือนที่ผ่านมา เปรียบเสมือนนายกฯ เป็นหัวหน้าทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่วนใหญ่จะ ท่องเที่ยวในต่างประเทศมากกว่า และดูว่าการเดินทางต่างๆ ก็ไม่มีเป้าหมาย

มีรัฐมนตรีแค่ 3 คน ที่สอบผ่าน คือ 1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องสังคมหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเปิดผับถึงตีสี่ 2.นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย วางแผนแก้ไขปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพลอย่างมีระบบ และ 3.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลง พื้นที่แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนและดูแลพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาล เศรษฐาต้องกลับไปทบทวน เพราะรัฐมนตรีในครม. 35 คนสอบผ่านแค่ 3 คน ที่เหลือยังไม่มีผลงานประดับชัดเจน

“การเป็นนายกฯ ไม่ใช่การเดินแบบแฟชั่นโชว์หรือเป็นไกด์ทัวร์ จุดสำคัญต้องมีวุฒิภาวะ ซึ่งนายกฯ ยังไม่มี โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่จูบมืออุ๊งอิ๊ง ถือว่าขาดภาวะความเป็นผู้นำ และผมขอให้คะแนนนายกฯ แค่ 3 คะแนนจากเต็ม 10 และ 3 คะแนนที่ให้คือ 1.นายกฯ ไหว้สวย 2.ไปเที่ยวทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และ 3. คือนายกฯ แต่งตัวแฟชั่น” นายชัยชนะกล่าว

เชื่อสิ้นปีได้หน.พรรคคนใหม่

นายชัยชนะกล่าวถึงความคืบหน้าการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาธิปัตย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการเตรียมการประชุม กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดรักษาการ เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่ เลือกหัวหน้าพรรค ยอมรับว่า เมื่อวันเวลาผ่านไป ทุกฝ่ายพูดคุยกันมากขึ้น ถ้าเรายืนในจุดที่มีอัตตา ไม่คุยกัน ทางออกก็ไม่มี ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง ที่มีทั้งคนรุ่นใหม่ คนรุ่นกลาง และคนรุ่นใหม่ ดังนั้นจะทำอย่างไร ให้คน 3 รุ่นนี้ เชื่อมโยงกันและเข้าใจกันได้อย่างไร

“ประกอบกับสถานการณ์เมืองไทยอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ประชาธิปัตย์ต้องปรับตัวให้อยู่ในยุคปัจจุบันให้ได้ เชื่อว่า ปีใหม่นี้ จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ การพูดคุยกันภายในพรรค สามารถสมานรอยร้าวได้ประมาณ 60% แล้ว และเป็นไปในทิศทางที่ดี” นายชัยชนะกล่าว

ชัยธวัช’ไม่ห่วงปม 2 มาตรฐาน

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ยื่นเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 เพราะตั้งข้อสังเกตว่ามีความแตกต่างกับการขับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค ก้าวไกล ที่ดำเนินการเปิดเผยทุกกระบวนการว่า ไม่ได้มีข้อกังวลในเรื่องนี้ เพราะเราดำเนินการทั้งสองกรณีอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและตรวจสอบได้ ซึ่งขั้นตอนต่อไป กกต.คงแจ้งให้ไปชี้แจง เราพร้อมชี้แจงด้วยข้อมูลและเอกสารต่างๆ

ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมนายศุภชัย จึงดำเนินการเรื่องนี้ หรือเป็นเพราะว่านาย ปดิพัทธ์กำลังดำเนินการเกี่ยวกับอาคารรัฐสภาอยู่หรือไม่ ยืนยันว่าเราไม่กังวลอะไร ทุกเรื่องชี้แจงและตรวจสอบได้

‘สส.ตี๋’โต้ปลอมลายเซ็น-อมเงิน

นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ หรือตี๋สส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก Phattarapong Leelaphat-ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ชี้แจงว่า ตามที่มีอดีตผู้ช่วยหาเสียงบางรายกล่าวหาผมว่า ผมปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อนำเอกสารดังกล่าวไปเบิกเงินพรรคนั้น เป็นความเท็จทั้งสิ้น

ประการที่ 1 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งแทบทั้งหมด เป็นเงินสดของผมเอง ส่วนพรรคสนับสนุนเป็นป้ายหาเสียง รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้หาเสียงต่างๆ เป็นหลัก และมีการสนับสนุนเป็นเงินบริจาคที่ได้รับจากประชาชนที่พรรคจัดสรรให้เท่านั้น

ดังนั้น ผมจึงไม่มีมูลเหตุจูงใจใดๆ ให้ปลอมแปลงเอกสารไปเบิกเงินจากพรรคตามที่ถูกกล่าวหา ในทางกลับกัน ผมจะปลอมเอกสารขึ้นเพื่อเบิกเงินตัวเองไปทำไม ข้อกล่าวหาดังกล่าวจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ กกต.จังหวัด ซึ่งผมพร้อมและยินดีเข้าสู่กระบวนการการตรวจสอบตามกฎหมายทุกประการ

ประการที่ 2 การร้องเรียนที่เกิดขึ้นนี้ ผมสันนิษฐานว่าอาจเกิดขึ้นจากความไม่พอใจของอดีตผู้ช่วยหาเสียงบางคน ซึ่งผมไม่ได้ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยสส. และอดีต ผู้ช่วยสส.บางคนที่ถูกผมปลดออกจากตำแหน่งผู้ชำนาญการสส.

ทั้งหมดนี้ ขอยืนยันว่า ผมไม่มีเหตุผลหรือแรงจูงใจใดๆ ให้ต้องปลอมแปลงเอกสารเพื่อเบิกเงินจากพรรคเลย เพราะค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง ล้วนเป็นความรับผิดชอบของผมเกือบทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวผู้เสียหาย 4 รายได้แจ้งความที่สน.ช้างเผือกเมื่อ 24 ต.ค. 2566 และ 2 พ.ย.2566 ให้ดำเนินคดีกับสส.เชียงใหม่ ปลอมลายเซ็นและนำสำเนาบัตรประชาชนผู้เสียหายไปรับเงินค่าจ้างผู้ช่วยหาเสียงกับพรรค และได้เข้าร้องต่อกกต.เชียงใหม่ด้วย

‘แทนคุณ-เค’พาผอ.บุกสภา

เวลา 14.15 น. ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ และนายนิยม นพรัตน์ หรือ “เค สามถุยส์” นำผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.จันทบุรี มายื่นหนังสือผ่านตัวแทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่สอง เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม สืบเนื่องจากโดนผู้ช่วยสส.พรรคก้าวไกล คนหนึ่งของจ.จันทบุรี อักษรย่อ จ. คุกคาม

นายแทนคุณกล่าวว่า ผู้ช่วยสส.ของพรรคก้าวไกล ขอให้ผอ.คนนี้ช่วยออกใบอนุโมทนา 2 ใบ โดยใบแรก 8 แสนบาท และใบสอง 3.7 แสนบาท แต่ผอ.ไม่ยอมออกให้ เนื่องจากไม่มีอำนาจและไม่มีจำนวนเงินดังกล่าวเข้าโรงเรียน ภายหลังเหตุการณ์นี้ผอ.ได้รับความเดือดร้อนโดนใส่ร้ายป้ายสีกระทบเรื่องส่วนตัว อีกทั้งผู้ช่วยสส.รายนี้ยังบุกเข้ามาโวยวายผอ.ว่าทุจริตคดโกง

เรื่องของผู้ช่วยสส.คนนี้จะเชื่อมโยงไปถึงสส.จันทรบุรี คนนั้นหรือไม่ เพราะเห็นเขาโพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องต่างๆ และพวกเราไม่ใช่มุ่งอาฆาตมาดร้าย ไม่ใช่คนที่คิดจองเวร หรือมีความแค้นส่วนตัว แต่เมื่อได้รับเรื่องนี้มาเราก็ดำเนินการ ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่คล้ายๆ แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยสส. ผู้ชำนาญการ หลายพื้นที่ รวมทั้งตัว สส.เองด้วย แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เรียกว่าเป็น 10 เคสไม่ใช่ธรรมดา ถ้าพูดทุกวันถึงสิ้นปีคงไม่หมด

“ตอนนี้บอกได้เลยว่าตั้งแต่มีพรรค ก้าวไกลมา ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมจริงๆ ไม่เคยมีการเมืองครั้งไหนที่จะเรียกว่าเมาเสรี ฟรีกาม คุกคามประชาชน รุนแรงและเลวร้ายเท่ากับการมีอยู่ของพรรคก้าวไกล” นายแทนคุณกล่าว

โดนผู้ช่วยสส.จันทบุรีคุกคาม

ขณะที่เค สามถุยส์ กล่าวว่า ผู้ช่วยสส. คนดังกล่าวเป็นเพศหญิง และเป็นหลานเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจันทบุรี แต่มีพฤติกรรมเข้าไปอยู่ในกุฏิวัด ที่สร้างจากเงินผู้มีจิตศรัทธาในศาสนา เพื่อใช้รับรองพระสงฆ์ แต่ผู้ช่วยสส.กลับยึดครองไว้เอง เรื่องนี้อาจทำให้ เจ้าอาวาสวัดเสียหายไปด้วย หากไม่รู้เรื่องด้วย

ด้าน ผอ.โรงเรียนกล่าวทั้งน้ำตาว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนไม่ยอมเซ็นใบอนุโมทนาให้ ต่อมาวันที่ 28-29 มี.ค. ผู้ช่วยสส.ไปหว่านล้อมชุมชนเพื่อให้มากดดัน ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อนชีวิตวุ่นวาย ลามไปถึงลูกสาวด้วย สุดท้ายทนไม่ได้จึงลาออกจากการเป็นผอ. แต่เปลี่ยนใจขอทบทวนไม่ลาออก เนื่องจากมีเวลา 30 วันในการทบทวน แต่ก็ถูกคำสั่งให้ออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ทบทวนการเซ็นคำสั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายแทนคุณได้เผยแพร่ภาพที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ดังกล่าว โดยเป็นภาพ สส.จันทบุรี เขต 2 พรรคก้าวไกล คือน.ส.ปรัชญาวรรณ ไชยสืบ พร้อมทีมผู้ช่วยดำเนินงานของผู้แทนราษฎร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน