หลังสานฝันเป็นศิลปินด้วยผลงานเพลงซิงเกิลแรก “จักรวาลคู่ขนาน” (Am I The Only One Dreaming?) ที่ปล่อยไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด JES Jespipat หรือ ‘เจษ’ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ก็ทำงานเพลงต่อเนื่อง ได้ฤกษ์ปล่อยซิงเกิลที่ 2 “เธอยังอยู่ในเพลงที่ฉันฟัง” (You’re Still Here) มาให้แฟนๆ ฟังแล้ว

โดยวันนี้เจ้าตัวมาเปิดใจถึงการทำงานเพลงดังกล่าว รวมถึงอัพเดตสเตตัสหัวใจ

พูดถึงการทำงานเพลงซิงเกิลที่ 2 “เธอยังอยู่ในเพลงที่ฉันฟัง”?

เจษ – “ครับ เพลงนี้ได้พี่แพท วงเคลียร์ มาทำให้ เวลาฟังเพลง เราจะนึกถึงคนนึกถึงสถานที่ เราก็เป็นเหมือนกัน เราจะใช้เพลงกับหลายๆ อย่าง สมมติตอนเด็กๆ เคยฟังเพลงนี้ แล้วเราได้กลับมาฟังตอนโต เราจะนึกถึงช่วงเวลานั้น หรือคนคนนั้นที่เราเคยมีช่วงชีวิตอยู่กับเขา ผมชอบเพลงนี้มากๆ ซึ่งพี่แพทเขามีเพลงนี้อยู่แล้ว เขารู้สึกว่าเพลงนี้ผู้ชายร้องจะเหมาะกว่า พอไปคุยกับพี่แพท เขาส่งมา 2-3 เพลงให้เลือก พอฟังเพลงนี้รู้สึกมันเพราะจัง ด้วยเนื้อหา และเมโลดี้ของเพลงด้วย มันตรงกับผมตรงที่ผมเป็นคนที่ใช้เพลงทุกโอกาส ไม่ว่าจะตอนเล่นละคร ผมก็จะมีเพลงเพลงหนึ่งที่เป็นคาแร็กเตอร์ของตัวละครที่เล่น ก็จะเปิดฟังตลอดเวลาไปกอง หลายๆ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หรือที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยฟังเพลงนี้ในช่วงที่เราเจอ เขาอาจจะเคยส่งเพลงนี้ให้ใคร เพลงเชื่อมกับชีวิตเราไปหมด ผมเข้าใจสิ่งนี้ คิดว่าน่าจะเล่ามันได้ดี”

ทำไมถึงเลือกแพทมาร่วมงานกับเรา?

เจษ – “ชอบอยู่แล้วครับ ผมจะเลือกคนที่เป็นศิลปินที่เป็นไอดอลเราเสมอ ในสมัยที่เราเล่นดนตรีตอนเด็กๆ จะเป็นยุคพี่แพทนี้ ยุควงร็อกเยอะๆ เวลาเราได้ทำงานกับเขา มันรู้สึกฟูลฟิลประมาณหนึ่ง วันนึงเราเคยฟังเพลงเขาตอนเราเด็ก แล้วพอโตมาเขามาทำเพลงให้เรา”

“คิวเขาแน่น แต่เขามีคิวให้เรา (หัวเราะ) พี่แพทเต็มที่มาก เขาไม่ค่อยทำเพลงให้ใคร แต่เขายินดีมาทำเพลงให้เรา เหมือนใส่ใจกับเพลงนี้มากๆ ใส่ใจกับการเป็นโปรดิวเซอร์มาก ตอนที่ทำงานกับพี่แพท พี่เขาจะห่วงเรื่องวิธีการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเสียงร้อง เพราะเราไม่ถนัดทางนี้ แต่เรื่องความเข้าใจในเนื้อเพลง การตีความในเนื้อเพลงเขาไว้ใจ แต่เรื่องเทคนิคการร้อง เรื่องไดนามิกของเพลง เป็นสิ่งที่เขาต้องสอนเรา”








Advertisement

ซ้อมนานไหมกว่าจะเข้าห้องอัด?

เจษ – “นานครับ เลือกคีย์อยู่นานมาก เลือกอยู่ 3 คีย์ ก็ต้องร้องทั้งหมด 3 คีย์ แล้วส่งให้พี่แพทฟัง ในเพลงนี้ที่ยากที่สุดคือวิธีการร้อง เพราะพี่แพทเลือกคีย์สูงสุดเลย ปกติจะร้องคีย์ต่ำกว่านี้ แต่เพลงนี้สูงตั้งแต่แรกเลย ตอนแรกก็บอกพี่แพทว่าขอให้คีย์ต่ำลงมาหน่อยได้ไหม แต่เราก็เชื่อใจพี่แพท แล้วพอได้ฟังเดโมที่มันเป็นทั้ง 2 คีย์จริงๆ มันก็ตรงตามที่พี่แพทบอกจริงๆ คือเขาบอกว่าคีย์ที่สูงกว่า มันจะเข้าถึงคนฟังง่ายกว่า ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้ พอเราฟังแล้วมันก็จริง”

“ด้วยคีย์สูงถามว่ากังวลเวลาไปร้องสดมั้ย คือมันต้องซ้อม ด้วยเราไม่ได้ร้องเพลงเป็นอาชีพ เสียงเราก็ไม่นิ่งหรอก บางทีเรามาร้องเพลงเช้าหน่อย เสียงอาจจะไม่มา ก็ต้องไปเรียนครับ แล้วมันจะมีเทคนิค การวอร์มเสียง ทำยังไงก็ได้ที่จะทำให้เสียง ณ ขณะนั้นออกมาดีที่สุด ทำงานกับพี่แพทสนุกมาก ทำให้รู้เลยว่าทำไมวงเคลียร์ถึงได้ยืนระยะได้นานขนาดนี้ เพราะว่าเขาใส่ใจกับทุกรายละเอียด อะไรที่เป็นลายเซ็นเขา มันจะชัดมากๆ ฟังก็จะรู้เลยว่าเป็นของเขา เพลงนี้ก็เช่นกัน ถ้าบอกว่าเป็นพี่แพทแต่ง คนฟังฟังแล้วก็จะรู้เลยว่าเป็นสไตล์วงเคลียร์”

ทำงานกับไอดอลเขินไหม?

เจษ – “ตื่นเต้น แรกๆ ไม่กล้าร้องให้เขาฟัง เพราะเขาเสียงดี เราไม่ได้เสียงดีเท่าเขา แล้วเดโมเพลงนี้ก็เป็นเสียงเขา ทำให้เรารู้สึกว่า เออ..หรือว่าแบบนี้มันดีแล้ว หรือเป็นเสียงพี่ดี (หัวเราะ)”

เป็นนักร้องท่านหนึ่ง รู้สึกอย่างไรบ้าง?

เจษ – “ดีใจนะ เราอยากเล่นดนตรีอยู่แล้ว จริงๆ อยากเล่นดนตรีเฉยๆ แต่กลัวคนไม่ฟัง เลยต้องร้องเพลงด้วย ถ้าร้องมันก็เป็นลายเซ็นที่ชัดกว่า อย่างน้อยก็เป็นเสียงเรา ดนตรีก็ไม่ทิ้ง ในเพลงนี้ตีกลองเอง พี่แพทถามว่าตีกลองเป็นอยู่แล้ว เพลงนี้จะตีเองมั้ย ผมก็ตีเองเลย ก็เป็นเหมือนดิจิตอลฟุตปรินต์ มันจะเป็นเพลงของเรา อยู่กับเราไปตลอดครับ”

“สิ่งที่ทำให้ผมอยากเป็นนักร้อง เพราะเราผูกพันกับดนตรี ถ้าเรามีเวลาว่างที่จะทำอย่างอื่น นอกจากงานแสดง เราก็คงเลือกสิ่งนี้เป็นอันดับต้นๆ เพราะทำแล้วเราไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน มันเป็นสิ่งที่เติมเต็มความฝันของเราตอนเด็กๆ ผมวางไว้ว่าจะทำเพลงไปเรื่อยๆ จนกว่าที่จะรวบรวมได้เป็นอัลบั้ม ผมวางแผนว่าประมาณ 6-7 เดือนจะออก 1 ซิงเกิล”

หลายคนที่ทำเพลง เขาก็รับงานโชว์ที่ร้องเพลงด้วย?

เจษ – “ผมก็คิดแบบนั้น วางไว้ว่าผมคงต้องฝืนตัวเองทำเพลงสนุกบ้าง ด้วยผมเป็นคนชอบฟังเพลงช้า เพลงเศร้า ไม่ค่อยเสพเพลงเร็วเท่าไหร่ ผมคิดว่าคนอื่นเขาคงไม่ทนฟังเพลงเศร้าไปเรื่อยๆ ซิงเกิลหน้ายังไงก็เป็นเพลงที่สนุกบ้าง ตอนนี้ก็มีมองโปรดิวเซอร์ไว้บ้างแล้วครับ”

ชื่อเพลง หลายคนติดใจว่าเกี่ยวกับอดีตคนรักของเราไหม?

เจษ – “ถ้าพูดตรงๆ ก็เกี่ยวแหละ แต่ไม่ได้เจาะจงว่าคือใคร เพราะมันก็หลายคน มันไม่ใช่แค่เรื่องความรัก มันก็เป็นเรื่องของบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บางทีอาจจะเป็นคนที่เราคิดถึง หรือคนที่ไปจากเราแล้ว ผมไม่อยากให้ไปเจาะจงว่าเราร้องเพลงนี้ให้เขาแน่เลย ผมว่ามันเป็นทุกคนที่ฟังเพลงแล้วนึกถึง ยังเหลือความรู้สึกกับคนคนนั้นอยู่ หรือกับสถานที่นั้น เวลาช่วงนั้นอยู่ แต่มันผ่านเวลาช่วงนั้นไปแล้ว เหลือแค่เพลงอย่างเดียว แต่คนนั้นอาจจะไม่อยู่”

ถ้าคนจะตีความว่าเราถ่ายทอดเพลงให้คนรักเก่า?

เจษ – “ก็ได้ครับ ผมว่าเป็นเวลาใกล้เคียงกันก็เข้าใจได้ ส่วนตัวผมที่คนร้อง เราไม่ได้ตั้งใจถ่ายทอดแค่ช่วงเวลาที่เราผ่านมาช่วงใกล้ๆ แต่เป็นช่วงเวลาทั้งชีวิต ของเรา”

นางเอกเอ็มวีตอนท้ายบอกให้มูฟออน แล้วตัวเรามูฟออนหรือยัง?

เจษ – “มูฟออนแล้วครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าไปมีใครนะ ชีวิตเราแค่ไปโฟกัสกับงานหรืออะไรหลายอย่างที่เราสามารถโฟกัสได้ ไม่ได้แบบว่ายังรู้สึกแย่”

พอเราร้องหรือฟังเพลงนี้ มันมีความรู้สึกเหมือนเรายังมูฟกลับมาที่เดิมไหม?

เจษ – “ก็มีบ้าง มันเป็นช่วงชีวิตนึงที่เราเพิ่งผ่านมา จริงๆ แล้วผมว่าทุกๆ คนเป็นแหละ เพราะเพลงมันไม่ได้ฟังเพราะเฉยๆ ผมว่าเพลงบางเพลงมันมีความหมายกับเขา ที่เชื่อมความรู้สึกของเขาไปถึงคนบางคนได้ หรือบางช่วงเวลา”

เพื่อนๆ เราว่าไงบ้างหลังฟังเพลงของเรา?

เจษ – “เขาบอกว่าเพลงนี้เพราะ แล้วก็เศร้า เพื่อนก็มีแซวว่าเอาชีวิตตัวเองมาใส่หรือเปล่า เพราะเนื้อเพลงมันคิดได้จริงๆ แต่อย่างที่ผมบอก มันเป็นระยะเวลาใกล้เคียงกัน แต่จริงๆ ในเพลงนี้มันก็คือตัวผมทั้งหมด”

ตอนนี้มีคุยๆ กับใครหรือยัง?

เจษ – “ทำแต่งาน เราไม่ได้สัมผัสชีวิตที่ได้อยู่กับตัวเองแบบนี้นานแล้ว ได้ทำอะไรที่ตัวเองเป็นคนตัดสินใจเองคนเดียวจริงๆ ชีวิตโสดกับไม่โสด ผมว่ามันก็ดีคนละแบบ การที่เราได้ทำอะไรโดยไม่มีคนห่วงเรา ผมเป็นคนที่ถ้าใครมาเป็นห่วง เราจะเกรงใจ แล้วบางอย่างที่เราอยากจะทำ เราก็ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะเราเป็นห่วงความรู้สึกของอีกคน แต่บางอย่างถ้าเราอยู่คนเดียวตัดสินใจเอง ถ้าผิดพลาดเราแค่โทษตัวเอง”

ให้ระยะความโสดของเราแค่ไหน?

เจษ – “ไม่ได้คิดเลยครับ ผมว่าเป็นเรื่องว่าเราจะเจอเมื่อไหร่ แต่ไม่ได้ปิด แล้วก็ไม่เหงา เพื่อนเยอะ ทำงานถ่ายซีรีส์”

อนงค์ จันทร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน