มาไทยช่วงโควิด
‘ข้อตกลงพิเศษ’

บิ๊กแดง-สมช.แจงไม่กัก 14วัน คณะผบ.ทบ.มะกัน ที่มาเยือนไทยช่วงโควิดยันมีข้อตกลงพิเศษและทำตามมาตรการไทยเคร่งครัด คนไทยกลับจากต่างประเทศติดเชื้ออีก 5 ราย ส่วนยอดทั่วโลกทะลุ 11 ล้านราย คลังเร่งจ่ายเยียวยา 5 พัน ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ต้องรีเช็กให้อีกรอบ หลังพบหลายรายได้รับเงินซ้ำซ้อนกับกลุ่มเกษตร

ไทยติดเชื้ออีก 5 ราย

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูลโควิด-19 โพสต์ข้อความรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทยว่า เมื่อเวลา 11.30 น. สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 พบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,066 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,185 ราย เสียชีวิตสะสม 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่าง

ประเทศและอยู่ในสถานกักกันโรคของรัฐ ได้แก่ ประเทศคูเวต 1 ราย สหรัฐราชอาณาจักร 1 ราย และซูดาน 3 ราย ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,185 ราย พบในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนนทบุรี จำนวน 1,767 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคกลาง 468 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 111 ราย ภาคใต้ 744 ราย

ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกยอดผู้ติดเชื้อรวม 11,191,681 ราย อาการรุนแรง 58,836 ราย รักษาหายแล้ว 6,330,671 ราย เสียชีวิต 529,127 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา 2,890,588 ราย 2.บราซิล 1,543,341 ราย 3.รัสเซีย 667,883 ราย 4.อินเดีย 649,889 ราย และ 5.สเปน 297,625 ราย ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 97 จำนวน 3,185 ราย

เร่งจ่าย 5 พันบัตรสวัสดิการ

วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังคงเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 1.14 ล้านคน เดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ค.-ก.ค. รวมเป็นเงิน 3,000 บาทต่อคน โดยเงินจะเข้าบัญชี

ตั้งแต่วันที่ 4-9 ก.ค. ผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของสำนักงานประกันสังคมและไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเยียวยาจากโครงการใดๆ ของรัฐ

ส่วนการรับเรื่องราวร้องทุกข์ที่กระทรวงการคลังและทั่วประเทศนั้นมีมากกว่า 2 ล้านฉบับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังดำเนินการตรวจสอบคัดกรองใกล้จะเสร็จทั้งหมดแล้ว กระทรวงการคลังจะหา

มาตรการช่วยเหลือต่อไป ที่ผ่านมาในช่วงแรกของการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ตามโครงการเราไม่ทิ้งกันอาจจะขลุกขลักบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนพอใจเป็นอย่างมาก หลังจากรัฐบาลเริ่มคลายล็อก กระทรวงการคลังเดินหน้าฟื้นฟูประเทศอย่างเต็มที่ตามยุทธศาสตร์ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และนายอุตตมได้ให้นโยบายไว้ เป็นแผนงานและ

โครงการที่สอดคล้องตามยุคนิวนอร์มัลที่ชัดเจนมาก มั่นใจว่าจะสามารถพลิกฟื้นประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติได้อย่างแน่นอน

พบซ้ำซ้อนอื้อ

ด้านกรมบัญชีกลางแจ้งว่า เนื่องจาก มีข้อคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการฯ บางราย ที่มี

รายชื่อได้รับเงินซ้ำซ้อนกับกลุ่มเกษตร ดังนั้น ต้องดำเนินการคัดกรองอีกครั้ง ทำให้การโอนเงินเยียวยา 3,000 บาท ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการฯ ต้องล่าช้าออกไป โดยจะดำเนินการโอนวันนี้ 4 ก.ค.นี้ ในเวลาประมาณ 15.00 น. สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและไม่เคยได้รับเงินเยียวยาจากโครงการใดๆ ของรัฐ จะได้รับเงินเยียวยา 3,000 บาท และจะโอนเข้าบัตรสวัสดิการฯ ในวันนี้ สามารถตรวจ

สอบยอดเงินในบัตรได้ในช่วงเวลา 15.00-16.00 น.โดยประมาณ

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้กรมบัญชีกลางจะโอนเงินให้ผู้ถือบัตรจำนวน 1.14 ล้านราย ในเวลา 02.00 น. แต่เนื่องจากพบข้อมูลซ้ำซ้อนดังกล่าวจึงต้องคัดกรอง และจะโอนเงินพร้อมกันทั้งหมดในเวลา 15.00 น.เป็นต้นไป โดยใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 1 ชั่วโมง

‘บิ๊กป้อม’สั่งเข้มงวดอาชญากรรม

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกประจำรองนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำชับฝ่ายความมั่นคง ทั้งฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ ร่วมกันดูแลความมั่นคงปลอดภัยของสังคม ควบคู่ไปกับการกำกับควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามมาตรการทางสาธารณสุขที่กำหนด ตลอดช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องเดือนก.ค.ที่มีขึ้น

โดยย้ำให้คงเข้มงานข่าวกับกลุ่มเสี่ยง เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด อาวุธสงครามและกลุ่มแนวคิดใช้ความรุนแรงที่แฝงตัวในพื้นที่ โดยให้เฝ้าระวังและดำรงความพร้อมของแผนและการปฏิบัติร่วมกันในระดับพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะระดับจังหวัดและอำเภอ เพื่อให้พร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจมีขึ้นในพื้นที่อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรเน้นย้ำ ขอให้ฝ่ายความมั่นคงประสานกับกระทรวงคมนาคมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันอำนวยความสะดวกการจราจรและดูแลความปลอดภัยการเดินทางของประชาชนจำนวนมากในช่วงวันหยุดยาว ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่กำหนด โดยให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ข้อมูลจราจร เพื่อลดความคับคั่งของการจราจรในเส้นทาง

ต่างๆ การบังคับใช้กฎหมายเข้มกับกลุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เช่น ขับรถเร็ว เมาขับ และการ ฝ่าฝืนข้อบังคับจราจร ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ปลูกฝังวินัยจราจร

ไม่กักผบ.ทบ.มะกันเยือนไทย

พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของ

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้สัมภาษณ์ว่า ขอประชาชนคลายความกังวล กรณีพล.อ.เจมส์ แมคคอลวิลล์ ผบ.ทบ.สหรัฐอเมริกา และคณะ จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ ในฐานะแขกของกองทัพบก หลังได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษในฐานะแขกทางการ ที่เข้าเงื่อนไขไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการ 6 ข้อ

ของ ศบค.อย่างเคร่งครัด ซึ่งทุกคนยินดีและพร้อมปฏิบัติตาม

คณะของผบ.ทบ.สหรัฐจะเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวมาจากประเทศสิงคโปร์ ไม่ได้เดินทางตรงมาจากสหรัฐ เป็นคณะเล็กที่มีผู้ร่วมเดินทางไม่เกิน 10 คน ใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยเพียง 2 วัน คือ มาถึงวันที่ 9 และกลับในวันที่ 10 ก.ค. โดยจะตรวจเชื้อจากประเทศต้นทาง และตรวจซ้ำเมื่อเดินทางถึงไทย มีเจ้าหน้าที่ของไทยติดตามใกล้ชิด และเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดไว้เท่านั้น

ผบ.ทบ.ย้ำสหรัฐทำตามมาตรการ

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ผบ.ทบ.สหรัฐต้องทำตามมาตรการ และปฏิบัติตามระเบียบของทางการไทยทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้ด้วยความเต็มใจ รวมถึงต้องดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ 1.การมีใบรับรองแพทย์ Fit to fly 2.มีใบรับรองแพทย์ว่าปลอดโควิด-19 ภายใน 72 ช.ม. ก่อนการเดินทาง 3.มีกำหนดการเดินทางชัดเจน 4.มีคณะเดินทาง 6 คน 5.มีการตรวจโควิด-19

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ 6.มีชุดติดตามด้านการแพทย์และสาธารณสุข และ 7.งดไปสถานที่สาธารณะ โดยจะเดินทางไปเฉพาะสถานที่ในกำหนดการเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนการกำหนดการเดินทางทั้งหมดผ่านการอนุมัติเรียบร้อยหมดแล้ว จึงได้กำหนดวันเดินทางมา นอกจากนี้ที่ผ่านมา ศบค.ได้มีคำสั่งอนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติ และแขกต่างประเทศของหน่วยราชการที่มาไม่เกิน 14 วัน ไม่ต้องกักตัว แต่ให้อยู่

ในพื้นที่ที่กำหนดตามกำหนดการ และปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนด

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกำหนดการมาเยือนของคณะผบ.ทบ.สหรัฐนั้น มีประมาณ 10 คน ใช้อากาศยานของสหรัฐ ซึ่งจะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ในวันที่ 9 ก.ค. และเดินทางกลับในวันที่ 10 ก.ค. การเลือกใช้ท่าอากาศยานของทหารนั้นก็เพื่อต้องการลด

ความพลุกพล่านและลดการสัมผัสร่วมกับประชาชน จากนั้นจะมีการดำเนินกรรมวิธีตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 โดยมีกำหนดการเดินทางชัดเจน ไม่มีการออกนอกเส้นทาง รวมถึงทุกคนผ่านการกักตัวจากสหรัฐมาแล้ว 14 วัน จากนั้นจะเดินทางไปสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อพบปะกำลังพลกองทัพบกสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก่อน

เดินทางไปเยี่ยมชม สวพท. เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวข้องกับมาตรการและการวิจัย การพัฒนาวัคซีน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากนั้นวันที่ 10 ก.ค.จะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยพล.อ.อภิรัชต์จะนำผบ.ทบ.สหรัฐเข้าเยี่ยมคำนับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จากนั้น

เดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการ และเดินทางออกจากประเทศไทย โดยอากาศยานของกองทัพสหรัฐ ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ต่อไป

ศรีสุวรรณโวย 2 มาตรฐาน

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ผบ.ทบ.สหรัฐอเมริกามีแผนที่จะเดินทางมาเยือน ผบ.ทบ.ไทยอีกครั้งในระหว่างวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ เพื่อหารือความร่วมมือทางทหารนั้น แต่รัฐบาลไทยยังคงที่จะคงใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องถูกกักตัว 14 วันอย่างไม่เลือกปฏิบัติ จนสามารถ

ควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิผล

แต่การที่ ศบค.มีคำสั่งอนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติ และแขกต่างประเทศของหน่วยราชการที่มาไม่เกิน 14 วันไม่ต้องกักตัว แต่ให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดตามกำหนดการ และปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนดนั้น เป็นการเลี่ยงบาลี เลือกปฏิบัติ และเอื้อประโยชน์ให้กับ ผบ.ทบ.ของสหรัฐอเมริกาเป็นการเฉพาะ

หรือไม่ ขอถาม ศบค.ว่านักธุรกิจต่างชาติ และแขกต่างประเทศของหน่วยราชการเหล่านี้เป็นอภิสิทธิ์ชนที่เชื้อโควิด-19 ไม่กล้าแตะต้องหรือแฝงเชื้ออยู่ในตัวได้กระนั้นหรือ

จี้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ข่าวที่เผยแพร่ออกมาว่า ผบ.ทบ.สหรัฐยินยอมที่จะทำตามมาตรการ และปฏิบัติตามระเบียบของ

ทางการไทยทุกมาตรการทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้ด้วยความเต็มใจ ตามที่โฆษณาชวนเชื่อดังกล่าว แล้ว

ไซร้เหตุใด ศบค.จึงต้องออกมาตรการเพื่อเอื้อประโยชน์ดังกล่าว ทั้งที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของประเทศใด หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของนักธุรกิจใด หรือว่าไม่ใช่ หากเรื่องดังกล่าวถูกปล่อยผ่านเลยไปจะเป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาล และ ศบค.จงใจที่จะใช้อำนาจภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า เหตุใดจึงมีประชาชนและกลุ่มการเมืองจำนวนหนึ่งออก มาคลื่อนไหวให้

ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

“เพราะชี้ให้เห็นว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยจะทุเลาและไม่มีแล้ว แต่ ศบค.ยังยกแม่น้ำทั้ง 5 มากล่าวอ้างความจำเป็นที่ยังต้องคงพ.ร.ก.อยู่นั้น เนื่องจากอาจมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่มากมาย โดยเฉพาะการใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น การที่

ศบค.มีคำสั่งอนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติ และแขกต่างประเทศของหน่วยราชการที่มาไม่เกิน 14 วันไม่ต้องกักตัว จึงเป็นคำตอบที่ทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งได้ตาสว่างมากขึ้น ยกเว้นรัฐบาลจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนที่ ผบ.ทบ.สหรัฐจะมาไทยเท่านั้น” นายศรีสุวรรณกล่าว

ลุยตรวจ – นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ร้านตะวันแดง มหาชน ณ ขอนแก่น ตรวจติดตามตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 เมื่อวันที่ 4 ก.ค.

ขอนแก่นตรวจสถานบันเทิง

วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานบันเทิงในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยเฉพาะที่ร้านตะวันแดง มหาชน ณ ขอนแก่น เพื่อตรวจติดตามตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยเริ่มตั้งแต่การตรวจคัดกรองผู้เข้า

รับบริการ การเช็กอินผ่านระบบสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ หรือลงทะเบียนก่อนเข้าไปภายในร้าน การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ การไม่อนุญาตให้ผู้มาใช้บริการที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยเข้ามาใช้บริการ ไม่ให้ผู้ใช้บริการที่มีอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดเข้ามาใช้บริการ และก่อนเข้าสู่ภายในได้มีตู้พ่นละอองฆ่าเชื้อทุกคน

นายสมศักดิ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบภายในร้านพบว่ามีการจัดโต๊ะเก้าอี้แบบเว้นระยะห่าง ลดจำนวนโต๊ะลงเพื่อไม่ให้เกิดการแออัด พนักงานทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยและเฟซชีลด์ทับอีกชั้น และไม่อนุญาตให้ผู้มาใช้บริการลุกเดินไปมา โดยทั้งหมดเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางกระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้กระจายกำลังเข้าตรวจ

สอบสถานบันเทิงอื่นๆ อีกหลายแห่ง ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่นด้วย เพื่อเป็นการเน้นย้ำในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เข้าสู่ระยะผ่อนปรนในระยะที่ 5 ไม่ให้เกิดการการ์ดตกจนไปสู่การปะทุของเชื้อขึ้นมาอีกระลอก และยังเป็นการป้องปรามในเรื่องของยาเสพติด การมั่วสุม ที่จะก่อให้เกิดอาชญากรรมอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน