ผบ.มะกัน
มาถึงวันนี้
บิ๊กแดงยัน
ตรวจเข้ม

‘ในหลวง’ทรงชื่นชมคนไทยทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ โควิด-19 จนสถานการณ์คลี่คลาย ด้านศบค.แถลงพบติดเชื้อเพิ่ม 2 คน กลับมาจากอินเดีย และอินโดฯ เข้าอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ส่วนในประเทศปลอดเชื้อ 44 วันติดกันแล้ว

สธ.เผยผลสำรวจเฟส 4 พบตลาดการ์ดตกมากสุด สภาพแออัด สวมหน้ากากน้อยลง ส่วนขนส่งสาธารณะใส่แมสก์ลดลง เสี่ยงกลับมาติดเชื้ออีก เตือนยึดหลักมาตรการ 6 ข้อ ‘อนุทิน’ ขอโทษการ์ดตกระหว่างร่วมงานวันชาติสหรัฐ ยันจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก

‘บิ๊กแดง’ แจงอีกผบ.ทบ.สหรัฐบินมาไทยเป็นเรื่องจำเป็น ชี้เป็นโมเดลใช้ปฏิบัติคณะอื่น ครม.อนุมัติแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ เฟสแรก วงเงิน 1 แสนล้าน

พบติดเชื้อรายใหม่อีก 2 ราย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์ ผู้ป่วยโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 2 ราย เป็นผู้ป่วยเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ไม่พบผู้ป่วยในประเทศ

ทำให้ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อกันเป็นระยะเวลา 44 วัน รวมผู้ป่วยสะสม 3,197 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย กลับจากต่างประเทศ 260 ราย รักษาหายรวมสะสม 3,074 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 65 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย

สำหรับผู้ป่วยโควิดรายใหม่ เดินทางกลับมาจากประเทศอินเดีย 1 ราย เพศชาย อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 23 มิ.ย. พบผู้ป่วยในเที่ยวบินเดียวกันก่อนหน้า 6 ราย ซึ่ง 2 รายเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ป่วยรายนี้ โดยผู้ป่วยรายนี้ตรวจพบเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 5 ก.ค. ไม่มีอาการ








Advertisement

เดินทางกลับมาจากประเทศอินโดนีเซีย 1 ราย เพศชาย อายุ 39 ปี อาชีพนักเผยแผ่ศาสนา เดินทางถึงไทย 24 มิ.ย. พบผู้ป่วยในเที่ยวบินเดียวกันก่อนหน้า 4 ราย ตรวจพบเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 5 ก.ค. ไม่มีอาการ

ทั้งนี้ ในภูมิภาคนี้อินเดียถือเป็นประเทศ ที่มีผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด รองลงมาคือปากีสถาน บังกลาเทศ ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ผู้ป่วยเกือบทะลุ 12 ล้านคนแล้ว โดยสหรัฐยังมีผู้ป่วยรายใหม่จำนวนมาก และ ยอดรวม 3 ล้านรายแล้ว

‘ร.10’ทรงชื่นชมทุกฝ่ายแก้โควิด

วันเดียวกัน เวลา 12.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงว่าสิ่งที่อยากจะเรียนให้ทราบคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานทุนทรัพย์เพื่อจัดซื้อรถพยาบาลที่เป็นลักษณะของรถเคลื่อนที่ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขมีการพัฒนาไว้ 1 คัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเพิ่มเติมเพื่อให้ครบเขตการให้การบริการที่สามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในการเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายข้อราชการตามช่วงระยะเวลาของรัฐบาลเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ สิ่งที่ทรงรับสั่งลงมาเรื่องแรกคือทรงชมเชย ขอบคุณทั้งรัฐบาล เจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุข และทุกคนที่ร่วมทำงานด้วยกันแก้ไขปัญหา โควิด-19

ซึ่งวันนี้ได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานภายนอก ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของประเทศไทยซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานกำลังใจเป็นกรณีพิเศษ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันหยุดที่ผ่านมาตนไม่ได้ไปไหน อยู่ในกรุงเทพฯ ติดตามงานทุกวัน ทั้งงานด้านเอกสาร และงานต่างๆ สิ่งที่ยังเป็นปัญหาอุปสรรค วันนี้เราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ว่าภาคของรัฐบาล ข้าราชการ ธุรกิจ เอกชน สมาคมผู้ประกอบการ ต้องทำงานร่วมกัน และหาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

“ขอให้รักษาตัวให้ดีในช่วงนี้ เพราะเรากำลังเดินหน้า การท่องเที่ยวภายในประเทศและการเปิดกิจการต่างๆ ต่อไป ถ้าไม่ช่วยกันระวังก็ไปไม่ได้ ก็ต้องหยุดเหมือนเดิม และย้อนกลับมาที่เดิมใหม่ ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เรื่องใดที่พูดออกมาในสื่อหรือโซเชี่ยลหน่วยงานก็ได้ชี้แจงไปบ้างแล้ว ขอให้รับฟังการชี้แจง” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามถึงในงานเลี้ยงวันชาติสหรัฐอเมริกา ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ทั้งที่รัฐบาลขอให้คนไทยการ์ดไม่ตกนั้น นายกฯ ไม่ตอบ

ครม.ไฟเขียวฟื้นฟูโควิด1แสนล.

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ครม.อนุมัตินำเสนอหลักการโครงการ ในระยะที่ 1 เรื่องการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากผลกระทบของโควิด-19 กรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท ภายใต้พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เเงิน เพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563

ซึ่งระยะแรกจะเน้นหนักด้านการเกษตรก่อน เพื่อสร้างความเข้มแข็งภาคประชาชน ส่วนนักธุรกิจ เอสเอ็มอีเป็นอีกเรื่องที่จะทยอยมีมาตรการออกมาตามลำดับ ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รัฐบาลต้องหามาตรการที่เหมาะสมด้วยความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย ตลอดจนกลไกของรัฐ หรือกลไกต่างๆ กองทุนต่างๆ ให้เกิดความเหมาะสม ในการที่จะให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้ในช่วงนี้

“ทั้งนี้แบ่งโครงการเป็นหลายระยะ วันนี้ครม.อนุมัติโครงการระยะแรกก่อน วงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาทในการฟื้นฟู ส่วนระยะที่ 2 ต้องเตรียมการที่จะนำมาอนุมัติในครม.ต่อไป สำหรับเรื่องเอสเอ็มอี และซอฟต์โลน รัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงในเรื่องแหล่งเงินทุน

ซึ่งต้องระมัดระวังการใช้จ่าย ปัญหาหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ในอนาคตด้วย ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทุกคนก็ทราบดีถ้ากู้ไปโดยไม่มีหลักทรัพย์ เราจำเป็นต้องดูแลเขา แต่จะดูแลได้เท่าไหร่ เพียงใด อย่างไร รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง ส่วนเรื่องงบฟื้นฟูระยะที่ 2 มีอีก 3 แสนล้านบาท ซึ่งช่วงนี้กำลังดำเนินการในส่วนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดก่อน และทยอยดำเนินการในระยะต่อไป

โดยจะใช้จ่ายอย่างระมัด ระวัง รวมถึงต้องระมัดระวังการตรวจสอบจากภาคประชาชน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องกวดขันเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้”นายกฯ กล่าว

‘อนุทิน’ขอโทษการ์ดตก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงเสียงวิจารณ์กรณีที่ไปร่วมงานเลี้ยงวันชาติสหรัฐอเมริกาโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด ว่า ต้องขออภัยที่การ์ดตก แต่ประชาชนทั่วไปอย่าการ์ดตกเหมือนตน และต้องขอโทษด้วย ตนพยายามที่ป้องกันอย่างเต็มที่

แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้จัดที่โรงแรม ไม่มีการแจกการ์ด และงานอยู่ในบ้านพักทูตสหรัฐ ซึ่งมีจำนวนคนน้อย โดยจัดเป็นช่วงเวลา แต่ละช่วงเวลามีคนไม่เกิน 40 คน ซึ่งมีการตรวจทุกขั้นตอน ต้องผ่านการวัดอุณหภูมิ เพื่อวัดไข้ ล้างมือทำความสะอาด และไม่ได้รับประทานอาหารร่วมกัน เมื่อเคารพธงชาติจบต่างก็เดินทางกลับ

“ผมน้อมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนว่าการ์ดตก ก็ต้องขออภัยและจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม. ว่า พล.อ.ประยุทธ์แจ้งให้ที่ประชุมครม.ทราบภายหลังเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า พระองค์ท่านทรงชื่นชมการดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทรงห่วงใยประชาชน และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง

โดยมีรับสั่งเพิ่มเติมว่าหากมีอะไรที่ไม่เรียบร้อยก็มอบหมายให้แก้ไข ทั้งนี้สิ่งที่พระองค์ท่านให้ความสนพระทัยเป็นอย่างมากคือเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ แผนการกักเก็บน้ำ การชลประทานและป่า เพราะเป็นเรื่องที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริไว้

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า พระองค์ท่านทรงพระราชทานรถตรวจเชื้อโควิด-19 เคลื่อนที่ 13 คัน ให้กระทรวงสาธารณสุขใช้ในภารกิจป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

พาป่วยซึมเศร้ากลับไทย 16 ก.ค.

วันเดียวกัน นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเกี่ยวการช่วยเหลือคนไทยกลับประเทศ โดยเฉพาะกรณีผู้ป่วยที่จะเดินทางกลับจากสหราชอาณาจักรตามที่เป็นข่าวนั้นว่า กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ได้เร่งอำนวยความสะดวกคนไทยในต่างประเทศให้เดินทางกลับ โดยพิจารณาลำดับความเร่งด่วน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและผู้ป่วย

“สำหรับคนไทยที่จะเดินทางกลับจากสหราชอาณาจักร สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอนจัดเที่ยวบินตรงซึ่งจะเดินทางถึงไทยในวันที่ 20 ก.ค. และ 27 ก.ค. 2563 แล้ว ส่วนกรณีเร่งด่วน สถานเอกอัครราชทูตได้ประสานให้เดินทางกลับในเที่ยวบินที่อาจต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง รวมถึงกรณีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ปรากฏเป็นข่าว ก็จะเดินทางแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงอัมสเตอร์ดัมและถึงประเทศไทยในวันที่ 16 ก.ค. 2563” นายเชิดเกียรติกล่าว

‘บิ๊กแดง’แจงผบ.ทบ.สหรัฐมาไทย

วันเดียวกัน ที่หมวดบิน C หน่วยบินเดโชชัย 3 ภายในพื้นที่กองบิน 6 (บน.6 ดอนเมือง) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผบ.ทบ.สหรัฐและคณะจะเดินทางเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ว่า ตลอดเวลาที่มีข่าวเรื่องนี้ ทางกองทัพบกพยายามจะให้สำนักงานเลขาฯออกข่าวชี้แจง เราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริงและมีเหตุผลอะไรที่ผบ.ทบ.สหรัฐและคณะมาประเทศไทย

ประการแรก การเยือนของ ผบ.ทบ.สหรัฐมาเพียงแค่วันเดียวคือวันที่ 9 ก.ค.และเดินทางกลับในวันที่ 10 ก.ค.เพื่อมาลงนามในการแถลงวิสัยทัศน์ร่วมระหว่างกองทัพบกไทยกับกองทัพบกสหรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผูกพันกันมาตั้งแต่พ.ย.2562

ที่รมว.กลาโหมสหรัฐมาเยือนประเทศไทยและพบกับนายกฯ ในฐานะรมว.กลาโหม มีการลงนามว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ ระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐและไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมา

พล.อ.อภิรัชต์กล่าวต่อว่า โดยในข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนกำลังพลที่ไปฝึก คณะของผบ.ทบ.สหรัฐไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือกฎใดๆ ทั้งสิ้นที่จะเป็นการยกเว้นหรือข้อยกเว้น ระหว่างการติดต่อสื่อสารกันและทำกำหนดการร่วมกัน ถามแต่ว่าจะให้ทำอะไร ขอให้บอกมา

ซึ่งเรื่องนี้นายกฯและศบค.มีการประชุมกับกองทัพบก เพราะเป็นแขกของกองทัพบก และเราก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง ซึ่งผบ.ทบ.สหรัฐไม่ได้ปฏิเสธ รวมถึงคณะทั้ง 10 คนก่อนจะเดินทางมาตรวจสอบ 3-4 ครั้งและปฏิบัติตามระเบียบที่มีการหารือกันโดยตลอด ไม่มีการฝ่าฝืนแม้แต่ข้อเดียว

“อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง ซึ่งมีระเบียบ 2 ข้อที่เกี่ยวข้อง คือมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี 2548 ฉบับที่ 12 ว่าด้วยผู้มีเหตุยกเว้นหรือกรณีที่นายกฯ หรือหัวหน้ารับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนดหรืออนุญาตหรือเชิญผู้ใดเข้ามาในราชอาณาจักรตามความจำเป็น

โดยอาจกำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงและเวลาได้ และ 2.ตามคำสั่ง ศบค.ที่ 7/2563 คือมีเหตุยกเว้นหรือเป็นกรณีที่นายกฯหรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้เท่าความจำเป็น โดยกำหนดเงื่อนไขผบ.ทบ.สหรัฐและคณะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวทุกประการคือ

1.มีหนังสือรับรองเดินทางว่าเป็นบุคคลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 2.มีใบรับรองแพทย์สำหรับการเดินทาง ก่อน 72 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันผบ.ทบ.สหรัฐ และคณะอยู่ระหว่างการเดินทาง และคาดว่าจะแวะเติมน้ำมันที่เกาะกวม และประเทศญี่ปุ่น ก็จะต้องตรวจเชื้อโควิด ทุกครั้ง ปัจจุบันผลการทดสอบจะรู้ผลไม่เกิน 3 ชั่วโมง

3.มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 โดยวิธีการตรวจ rt-pcr และ 4.มีแผนกำหนดการเดินทางชัดเจน และมีเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุข และร.พ.พระมงกุฎเกล้าติดตามตลอดเวลา และคณะต้องไม่เกิน 10 นาย”

ชี้จะเป็นโมเดลชุดอื่น

ผบ.ทบ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการประชุมหารือในช่วงที่มีการแพร่ระบาด โควิด-19 ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่น่าจะแสดงความยินดีและเราน่าจะมีความภูมิใจที่รัฐบาล โดยนายกฯได้ตัดสินใจ แม้จะมีบางคนที่รู้สึกต่อพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน

แต่จะเห็นได้ว่าเราสามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นใครก็ตามที่จะเข้ามาในช่วงนี้ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ คณะผบ.ทบ.สหรัฐ ถือเป็นคณะแรก ที่เดินทางมาเยือน และเราไม่สามารถปิดประเทศได้ ต้องมีการค้าและคณะทูตานุทูตที่จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเช่นเดียวกัน

เราต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ แม้ว่าทั่วโลกกำลังประสบภัยเช่นเดียวกัน แต่คณะผบ.ทบ.สหรัฐนี้จะเป็นคณะตัวอย่างที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

นอกจากนั้นยังมีข้อกำหนดว่าคณะผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐเมื่อมาถึงท่าอากาศยานจะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยคณะแพทย์กระทรวงสาธารณสุขและมีการติดตามคณะโดยตลอด ร่วมกับคณะแพทย์จากร.พ. พระมงกุฎเกล้า รวมถึงเจ้าหน้าที่การบินไทยเพื่อดูเป็นโมเดลตัวอย่างว่าในอนาคตต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้

หากมีคณะอื่นมาเยือนจะได้ปฏิบัติถูกว่าเรามีระเบียบอย่างไร และตรวจเสร็จแล้วก็จะขึ้นรถแยก โดยรถจะมีฉากกระจกกั้นระหว่างคนขับของไทยและคณะของผู้ที่มาเยือน ฉะนั้นโอกาสที่จะสัมผัสกันไม่มีแน่นอน

ส่วนกระเป๋าสัมภาระจะถูกพ่นยาฆ่าเชื้อเดินทางไม่มีการออกนอกเส้นทาง รวมถึงการรับประทานอาหารในโรงแรมทุกมื้อ ยกเว้นในวันที่ 10 ก.ค.จะต้องไปเยี่ยมคำนับนายกฯ ในฐานะรมว.กลาโหม ซึ่งตนดูแล้วถ้าเราจั่วหัวข่าวในเชิงสร้างสรรค์ ประเทศคงน่าอยู่ ไม่เกิดข้อขัดแย้งถกเถียงกันมาก ถ้ามีการปฏิเสธไม่ทำเป็นอีกเรื่อง แต่ตนได้ยินมาเป็นอาทิตย์เป็นสัปดาห์และตนเองก็ไม่สบายใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายกฯ ขอให้เลื่อนกำหนดการนี้ออกไป แต่ทางสหรัฐไม่เลื่อน พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า นายกฯไม่เคยบอกให้เลื่อน บอกแต่ว่าหากมาต้องปฏิบัติตามกฎ เพราะนายกฯรับทราบว่า การฝึกเป็นการฝึกต่อเนื่อง รวมถึงการแลกเปลี่ยน ยืนยันไม่ได้มีการมาตั้งฐานทัพ แต่มีการฝากอุปกรณ์ในช่วงที่มีการฝึกเท่านั้น อย่าสร้างอะไรที่เป็นประเด็นความขัดแย้งในภูมิภาค

สธ.เปิดผลสำรวจผ่อนเฟส 4

วันเดียวกัน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เราผ่อนปรนระยะที่ 5 ครบ 1 สัปดาห์ สถานการณ์ในประเทศไทยยังควบคุมโรคโควิด-19 ได้ดี แต่เพื่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ กรมอนามัยได้สุ่มสำรวจสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ผ่อนปรนในระยะที่ 4 ระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.-2 ก.ค.

คือ 1.สถานที่จัดประชุม สัมมนา แสดงนิทรรศการ ทั้งในโรงแรมและศูนย์ประชุม 222 แห่ง พบว่าการทำความสะอาดอยู่ที่ 91% สวมหน้ากากตลอดเวลา 91% มีจุดล้างมือ 97% เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร 93% และลดความแออัด 96% ถือว่าได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่จุดที่ต้องเน้นย้ำ คือการทำความสะอาด โดยเฉพาะห้องส้วมและจุดสัมผัสร่วม เนื่องจากมีคนเข้าไปใช้พื้นที่จำนวนมาก จึงต้องเพิ่มรอบการทำความสะอาด

2.สถานรับดูแลผู้สูงอายุ 51 แห่งทั่วประเทศ พบว่าการทำความสะอาด 90% สวมหน้ากากตลอดเวลา 76% มีการล้างมือ 98% เว้นระยะห่าง 92% และลดความแออัด 100% ซึ่งลดแออัดทำได้ดี เพราะกำหนดจำนวนการรับดูแลได้ บางสถานที่อาจงดญาติเยี่ยม

แต่ที่ย้ำคือการทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ เพราะหากสัมผัสโรค ผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงสูง ส่วนการสวมหน้ากากในผู้สูงอายุ จากการลงไปพูดคุย พบว่าบางท่านรู้สึกอึดอัด ดังนั้นย้ำว่าผู้ดูแลต้องสวมตลอดเวลา แต่ผู้สูงอายุ หากอยู่ในสถานดูแลเกิน 14 วัน น่าจะปลอดโควิด

บางช่วงเวลาหรือการทำกิจกรรมภายนอกตัวอาคาร ถ้าเว้นระยะห่างได้ดีอาจผ่อนปรนการสวมได้บ้างบางขณะ แต่ต้องเน้นย้ำแนะนำการใช้หน้ากากผ้า โดยเฉพาะเวลามีคนอื่นภายนอก ขณะที่การเว้นระยะโดยเฉพาะเตียง หากทำได้ดี จะช่วยดูแลได้ดียิ่งขึ้น

3.ขนส่งสาธารณะ ซึ่งหลายคนต้องใช้ไปทำงานหรือไปโรงเรียน พบว่า ทำความสะอาดอยู่ที่ 82% สวมหน้ากากตลอดเวลา 89% มีจุดล้างมือ 95% เว้นระยะห่าง 90% ลดความแออัด 94% ซึ่งการทำความสะอาดอาจทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะมีรอบการเดินรถ แต่ทุกรอบที่มีการหยุดรถจะมีการเข้าไปทำความสะอาด ที่ต้องเน้นย้ำ คือผู้รับบริการ ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลาในพื้นที่รถสาธารณะ

ซึ่งการสวมหน้ากาก 89% ถือว่าน้อยกว่าไปสถานที่สาธารณะอื่น ทั้งที่ในขนส่งสาธารณะยิ่งจำเป็นต้องสวม โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน ต้องล้างมือทำความสะอาดมือ สวมหน้ากากตลอดเวลา และอยากให้ผู้ประกอบให้ความสำคัญย้ำเตือนผู้โดยสารลงทะเบียนการเข้าไปใช้รถขนส่งสาธารณะร่วมกัน เพราะการอยู่ในพื้นที่ปิดร่วมกัน หากมีผู้ติดเชื้อเกิดขึ้นมามีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อ การลงทะเบียนทุกครั้งจะได้ติดตามเฝ้าระวังได้

พบ‘ตลาด’การ์ดตกอื้อ

4.ตลาด ซึ่งผ่อนปรนมาโดยตลอด ไม่เคยปิด พบว่าการทำความสะอาดอยู่ที่ 71% สวมหน้ากากตลอดเวลา 70% จุดล้างมือ 91% เว้นระยะห่าง 73% และลดความแออัด 56% ซึ่งช่วงแรกๆ ทำได้ดีมาก แต่พอผ่อนปรนระยะที่ 5 กลับเริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งตลาดส่วนใหญ่จะค่อนข้างแออัด เพราะตอนนี้คนออกมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้น และการที่คนสวมหน้ากากน้อยแค่ 70% ยิ่งเป็นความเสี่ยง เพราะทั้งแออัดและไม่สวมหน้ากาก

จึงอยากขอความร่วมมือระมัดระวังเว้นระยะห่างในตลาด สวมหน้ากากกันด้วย ส่วนที่ทำได้ดี คือการล้างมือ แต่ต้องเน้นย้ำการทำความสะอาดด้วย ตอนนี้การแพร่ระบาดหลายโรคเริ่มมา และเป็นหน้าฝนด้วย ทั้งความเฉอะแฉะ ขยะเปียก การหมักหมม ถ้าไม่เน้นการจัดการขยะให้ดี จะมีอีกหลายโรคตามมา จากหนู สัตว์ แมลงอื่นๆ ที่เป็นพาหะ

5.ร้านอาหารและเครื่องดื่ม พบว่าทำความสะอาด 78% สวมหน้ากาก 78% จุดล้างมือ 93% เว้นระยะห่าง 78% และลดความแออัด 87% ซึ่งในร้านอาหารและเครื่องดื่มคงสวมหน้ากากตลอดเวลาไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร แต่ขอว่าควรสวมหน้ากากตลอด ยกเว้นช่วงเวลากิน

โดยเฉพาะร้านที่เป็นแบบปิด และลดการพูดคุย อย่าใช้เวลานาน เรายังไม่สามารถใช้ร้านอาหารเป็นที่สังสรรค์พูดคุยดื่มกิน และขอความร่วมมือจัดการเว้นระยะห่าง ไม่ขยับเก้าอี้ โต๊ะ นั่งตามจุดกำหนด ร่วมกันสวมหน้ากากผ้า ทำความสะอาดจุดสัมผัสบ่อยๆ และเน้นเรื่องลดแออัด เว้นระยะห่างด้วย

32 ปท.ยันโควิดติดทางอากาศ

ด้านนพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า ขณะนี้สถาน การณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกยังเป็นขาขึ้น หลายประเทศเกิดการระบาดรอบ 2 เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นบทเรียนสำคัญที่เราต้องระมัดระวัง เนื่องจากเรามีการเปิดกิจการในเฟส 5 ที่ค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง

ขณะนี้ผ่านมา 1 สัปดาห์ โชคดียังไม่มีผู้ป่วยเกิดขึ้น แต่ที่เรากังวลและระมัดระวังมาก คือการเปิดผับบาร์ คาราโอเกะ ร้านเกม อินเตอร์เน็ต อาบอบนวด เป็นสถานที่เสี่ยงทั้งนั้น ต้องระมัดระวัง เพราะอาจมีคนไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้ ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย และอาจมาเที่ยวห้าง กินข้าวร้านอาหาร ไปตัดผม

ในกิจการที่เปิดแล้วดังนั้น ชีวิตวิถีใหม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ คือการใช้หน้ากากเป็นประจำ ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ลดพื้นที่แออัด อย่างไรก็ตาม การระบาดระลอก 2 อย่างไรก็หลบไม่พ้น ถ้าไม่มีวัคซีน ขึ้นอยู่กับว่าจะมาเร็วหรือช้า อยู่ที่ความเข้มแข็งของสถานเฝ้าระวังในการป้องกันเชื้อจากภายนอก และความร่วมมือในการป้องกันจากคนไทย

เมื่อถามถึงกรณีนักวิทยาศาสตร์ 32 ประเทศส่งหนังสือถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าการแพร่เชื้อโควิดเป็นการกระจายทางอากาศ ไม่ใช่ละอองฝอยนั้น นพ.อนุพงศ์กล่าวว่า การติดต่อโรคนี้ คือ สัมผัสสารคัดหลั่ง ไอ จาม สิ่งที่ออกมาจากการไอจาม น้ำมูกน้ำลาย เรียกว่าเป็นละอองฝอย อาจจะมีฝอยละอองบางฝอยที่อาจเล็กและลอยไปไกลหน่อย

ส่วนใหญ่แล้วที่เราแนะนำ 1-2 เมตร โดยกิจการที่สัมผัสน้ำมูกน้ำลายเยอะต้องห่าง 2 เมตร แต่หากไม่ใช้เสียง ไม่ตะโกนก็ประมาณ 1 เมตร ส่วนการติดต่อทางอากาศนั้นมีการศึกษารายงานการติดทางอากาศ แต่เป็นระบบปิดเสี่ยงสูง เช่นห้องไอซียู ห้องทำหัตถการ

ส่วนสถานที่โล่งแจ้งไม่ใช่อย่างนั้น เพราะมีกระแสลม อากาศถ่ายเท มีแสงแดด ดังนั้น ข้อค้นพบใหม่ ต้องตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการ เพราะถ้าโควิดติดต่อง่ายทางอากาศเหมือนโรควัณโรค ตัวเลขผู้ป่วยทั่วโลกคงไม่ใช่ 11-12 ล้านคน

แต่จะมากกว่านี้ ข้อมูลชุดนี้ องค์การอนามัยโลกต้องตรวจสอบข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญ เราก็ต้องฟังข้อมูลชุดนี้ ข้อเท็จจริงเป็นไปได้เพียงใด แต่ยังยืนยันว่าข้อมูลตอนนี้เป็นฝอยละออง อย่าเพิ่งกังวล

สั่งคุมเข้มต่างด้าวหนีเข้าเมือง

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 5/2563 โดยมี ผบ.ทุกเหล่าทัพเข้าร่วม ทั้งพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

พล.ท.อภิสิทธิ์ นุชบุษบา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร ในฐานะหัวหน้าทีมโฆษก บก.ทสส. กล่าวภายหลังการประชุม ผบ.เหล่าทัพถึงการเฝ้าระวังต่างด้าวหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ หลังผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ว่า ผบ.ทสส.ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ กำชับในที่ประชุม ให้กองกำลังชายแดนนำลวดหนามขึงแนวชายแดนและ เฝ้าตรวจอย่างเข้มงวด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน