ตร.รอผล

‘ดีเอ็นเอ’

‘สุวัฒน์’ชี้

หลักฐาน

ดำเนินคดี

ต้องแน่น

เผย‘คดีน้องชมพู่’คืบหน้าไปแล้ว 80%สอบปาก คำพยานไปแล้ว 900 ปากโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุต้องรอผลดีเอ็นเอ หลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์จากสถาบันนิติเวช ด้านรองผบ.ตร.‘สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข’ระบุพยานหลักฐานต้องแน่นหนา ไม่เพียงแค่ออกหมายจับเท่านั้น แต่ต้องดำเนินคดีเอาผิดได้ด้วย ติงสื่อสัมภาษณ์เด็กหญิงเพื่อนพี่สาวของน้องชมพู่ไม่สมควร

เมื่อวันที่ 10 ก.ค ที่สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการ เสียชีวิตของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ว่าพยานหลักฐานที่มีตอนนี้ยังไม่สามารถออกหมายจับหรือระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ แม้สังคมจะมีการสงสัยว่าพ่อแม่หรือลุงของน้องชมพู่ก็ตาม แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลัก

ฐานตามข้อเท็จจริงไม่เป็นไปตามกระแสสังคม ซึ่งคดีมีความคืบหน้า 80% แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มีน้อยมาก ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ส่วนสาเหตุการชีวิตของน้องชมพู่ว่าถูกฆาตกรรมหรือไม่ ทางแพทย์นิติเวชก็ยังสรุปไม่ได้ บางทีรายงานข่าวของสื่อที่หลุดออกไปว่าเป็นผลทางนิติเวช ก็ตั้งข้อสังเกตว่าหลุดไปได้อย่างไร รายละเอียดการนำเสนอก็ไม่ใช่ความจริง อย่าเพิ่งไปสรุปหรือฟันธง

ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีนี้จะมีโอกาสได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์เปิดเผยต่อว่า เป็นเรื่องยากที่จะบอกแบบนั้น เจ้าหน้าที่พยายามทำให้ดีที่สุดรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้ครบถ้วน ไม่ได้หา หลักฐานเพียงแค่ออกหมายจับ แต่จะต้อง มีหลักฐานจนนำสู่การดำเนินคดีในชั้นศาล ได้ด้วย
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวต่อว่า ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้จะ

มีประเด็นเด็กหญิง เพื่อนของพี่สาวน้องชมพู่ ได้ให้ข้อมูลกับสื่อบางสำนักว่า แท้จริงแล้วพี่สาวของน้องชมพู่นอนคว่ำหน้าเล่นโทรศัพท์ ในขณะที่น้องชมพู่หายตัวไป และไม่ได้นอนหลับตามที่เคยให้ข้อมูลไว้นั้น ตำรวจมั่นใจว่าประเด็นนี้จะไม่ส่งผล กระทบต่อรูปคดีและแนวทางการสืบสวนสอบสวนอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่เด็กหญิงบอกเล่ากับสื่อนั้นเป็นสิทธิที่เด็กสามารถกระทำได้ แต่การที่สื่อไป

สัมภาษณ์เด็กหญิงเพื่อนของพี่สาวน้องชมพู่นั้น เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตำรวจได้เรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 900 กว่าปาก และในอีก 2-3 วัน จะได้รับรายงานผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ดีเอ็นเอ และวัตถุพยานต่างๆ จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นหลักฐานชิ้น

สำคัญในการคลี่คลายคดี

ขณะที่พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่ายอมรับว่าการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนในพื้นที่ ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ยุ่งยากมากขึ้น ส่วนความขัดแย้งของบรรดาญาตินั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการนำเสนอข่าวของสื่อ ส่วนจะให้สื่อปรับปรุงหรือแก้ไขการทำงานอย่างไรหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน