ข่มขู่จะรีดเงิน
แลกกับเป่าคดี

แม่น้องชมพู่แจ้งจับมือดีปลอมไลน์เป็นบิ๊กปั๊ด ข่มขู่เรียกรับเงินเพื่อปิดคดี ด้านรองผบ.ตร.ยันไม่เกี่ยวข้อง จี้ให้แจ้งความดำเนินคดี รองโฆษกตร.ระบุมีถึง 3 ฐานความผิด ทั้งข่มขืนใจผู้อื่น กรรโชกทรัพย์ และผิดพ.ร.บ.คอมพ์ ด้านลุงพลชี้แจงถูกกล่าวหามีพิรุธนาทีพบน้อง ยันเชื่อว่าต้องมีคนพาไป ไม่งั้นคงขึ้นไปเองไม่ได้ ขณะที่แพทย์นิติเวชที่ชันสูตรระบุเป็นไปได้ว่าหลงป่าจนไม่มีอาหารแล้วเสียชีวิต

ปลอมไลน์ – นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ดับปริศนา โชว์ข้อความคนแอบอ้างเป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. ข่มขู่รีดเงิน แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบมีผู้ลักลอบปลอมไลน์ จึงเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

 

จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ เสียชีวิตปริศนา บนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพัก 2 กิโลเมตร ในพื้นที่บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งผ่านมาร่วม 2 เดือนแล้ว ยังไม่สามารถคลี่คลาย และเจ้าหน้าที่ยังไม่ออกหมายจับบุคคลต้องสงสัย

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา หรือแม่น้องชมพู่ ติดต่อมายังตำรวจหัวหน้าชุดสืบสวนเพื่อสอบถาม ว่ามีบุคคลส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ระบุเป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. ติดต่อเข้ามา ทำนองข่มขู่ จึงสอบถามหัวหน้าชุดสืบสวน ว่าเป็นไลน์ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จริงหรือไม่ พร้อมส่งภาพบันทึกหน้าจอข้อความในไลน์ ส่งให้ชุดสืบสวนดู ทางตำรวจยืนยันว่าไม่ใช่ไลน์ ของรองผบ.ตร.

หัวหน้าชุดสืบสวนส่งชุดสืบสวน ไปเก็บพยานหลักฐานดังกล่าวและรายงานไปยัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ให้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ เผยว่า ตนเองถูกปลอมไลน์ และให้แม่น้องชมพู่ร้องทุกข์กล่าวโทษกับบุคคลที่ปลอมไลน์ และให้ชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่มีการปลอมไลน์อ้างตัวเป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ไปข่มขู่เเม่น้องชมพู่ให้จ่ายเงินเพื่อจบคดี ว่าได้รับรายงานจาก บก.ภ.จว.มุกดาหาร ว่า ในเรื่องดังกล่าวแม่น้องชมพู่ ผู้เสียหายอยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลเพื่อดำเนินการเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย

เบื้องต้นการกระทำในลักษณะดังกล่าว อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานในสามส่วน ส่วนเเรก ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ส่วนที่สอง ความผิดฐานกรรโชก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337

และส่วนที่สาม โดยทุจริต หลอกลวง เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือ บางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) หรือความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ฝากเตือนไปยังผู้ไม่หวังดี ที่ใช้คดีที่เป็นกระเเสสังคม และเป็นคดีที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ ฉวยโอกาสปลอมหรือบิดเบือนข้อมูลต่างๆ สร้างความปั่นป่วน ทำให้เกิดความสับสน ถือว่ามีความผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างไรก็ตาม ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยให้ติดตามข้อมูลจากทางราชการเท่านั้น

ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่สภ.กกตูม นางสาวิตรี แม่น้องชมพู่ เดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันกับร.ต.อ.เฉลิมชัย นวลบัตร รองสว. (สอบสวน) สภ.กกตูม จากกรณีมีบุคคลส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ระบุเป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์

โดยนางสาวิตรี เปิดเผยว่า มีข้อความจากไลน์รูปหน้า พล.ต.อ.สุวัฒน์ บอกว่าคนในครอบครัวตนจะมีคนโดนจับ 4-5 คน ซึ่งในข้อความนั้นได้อ้างตัวว่าเป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์ รู้สึกตกใจมาก แต่ก็เชื่อเพียงแค่ส่วนหนึ่ง กลัวว่าจะเป็นกระบวนการจับแพะ

แต่พอเริ่มคุยเขาก็อยากได้เงิน เขาบอกให้ตนจ้างทนาย บอกให้ตนยอมเสียสละเงินเพียงน้อยนิด แต่ทางตร.ที่ทำคดีนี้ไม่เคยคุยเรื่องเงินกับตนเลย ตนก็เริ่มสงสัยเมื่อคุยมาถึงบรรทัดสุดท้าย เขาเขียนว่าผู้กำกับสั่งให้ทำ

ตนก็คิดว่าต้องเป็นผู้กำกับระดับไหนถึงจะมาสั่งพล.ต.อ.สุวัฒน์ได้ รู้สึกว่ามิจฉาชีพคนนี้เหมือนซ้ำเติม ทั้งที่ตนก็สูญเสียแล้ว มันไม่น่าเกิดขึ้นกับตนอีก จากนั้นตนก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สภ.กกตูม

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 13.00 น. ที่บ้านนายไชยพล วิภา หรือลุงพล และป้าแต๋น ลุงและป้าของน้องชมพู่ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงคลิปเสียง หลังจากที่ลุงพล พบศพน้องชมพู่แล้วพูดว่า ทำไมไม่มีใครเอาอาหารขึ้นมาให้น้องเลย ว่า ในวันที่ตนได้พูดคลิปเสียงนั้นออกไป

เพราะก่อนหน้านั้นตนปรึกษากับพ่อแม่น้องชมพู่ ถึงบุคคลที่ตนสงสัยว่ามีใครบ้าง ตนก็พูดแบบนั้น หลังจากวันที่ 12 พ.ค. ไปขอบคุณสำนักที่มาทำโรงทานก๋วยเตี๋ยว แม่น้องชมพู่น่าจะจำได้ จนผ่านมาถึงวันที่ 14 พ.ค. ที่ขึ้นไปเห็นน้อง ตนเป็นคนที่ไปอยู่ใกล้น้องชมพู่ที่สุด ในความรู้สึกตนเห็นสภาพศพ ในความรู้สึกตนวินาทีแรก รู้สึกเหมือนกับน้องเพิ่งจะเสียชีวิตได้ไม่นาน เพราะตัวน้องยังไม่มีกลิ่นอะไรเลย

ถ้าน้องเสียตั้งแต่วันที่ 11 12 หรือ 13 พ.ค. ศพจะเน่าเสียแล้ว เพราะอากาศตอนนั้นร้อนมาก ตอนที่เห็นสภาพน้องชมพู่นอนอยู่ข้างหน้า รู้สึกว่าต้องไปอยู่ที่ไหน น้องไปอยู่กับใคร เลยพูดไปในลักษณะนั้นว่าเป็นไปได้ไหมคนที่อยู่กับน้อง

ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร มันจะมีคนที่มาอยู่กับน้องมั้ย ทำไมน้องถึงอยู่ถึงวันที่ 14 พ.ค.ได้ ตนจึงพูดไปในลักษณะที่ว่า คาดว่าน่าจะไม่มีอะไรให้น้องกินแล้ว น้องถึงได้เสียชีวิต

จากนั้นก็มีการถามตนอีกว่าสงสัยใครอีกไหม ตนปรึกษาพ่อกับแม่ตลอด ถ้าใครจะพาน้องชมพู่ขึ้นเขาไปได้ ก็น่าจะเป็นคนในหมู่บ้านนี้แหละ ส่วนประเด็นที่ว่าสภาพศพน้องชมพู่มีรอยรูหรือไม่นั้น ตนไม่เห็น ตนเห็นแต่ในส่วนขา หน้าแข้ง และฝ่าเท้าของน้อง ที่ตนเห็นชัดๆ ก็จะเป็นแผ่นหลัง เพราะหลังน้องพิงกับก้อนหิน ซึ่งภาพเหล่านั้นยังอยู่ในความทรงจำ ซึ่งตนยังมั่นใจในความ สามารถของตร.ไทย

ด้านนพ.ศักดิ์สิทธิ์ บุญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ผ่าชันสูตรศพน้องชมพู่ คนแรก เปิดเผยผลชันสูตรศพน้องอย่างละเอียด กับที่ประชุมคณะกรรมาธิการของรัฐสภา บอกว่า ชันสูตรศพเมื่อเวลา 14.30 น.ของวันที่ 15 พ.ค. ยืนยันสภาพศพภายนอก มีเพียงร่องรอยขีดข่วน ที่อาจเกิดจากกิ่งไม้

ซึ่งรอยขูดขีดจะกระจายเป็นกลุ่มๆ แต่พบมากที่สุดบริเวณแผ่นหลัง รองลงมา คือ เหนือข้อเท้าด้านซ้าย ซึ่งเป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นขณะยังมีชีวิต

ส่วนอวัยวะภายใน หลายส่วนเริ่มเน่าจนไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ แต่ก็ยืนยันว่า สมอง และปอด ไม่พบความผิดปกติ ที่เกิดจากการทำร้ายร่างกาย มีเพียงการเน่า กะโหลกศีรษะ ไม่พบการแตกร้าว คอไม่หัก ไม่มีรอยฟกช้ำ

ขณะที่กระเพาะอาหาร ไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงของเหลว 10 มิลลิลิตร เท่านั้น ที่สำคัญอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการถูกล่วงละเมิด เยื่อพรหมจารียังอยู่ครบสมบูรณ์ เบื้องต้นให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว

นพ.ศักดิ์สิทธิ์ มองว่า หากไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย ก็ยังมีความเป็นไปได้กรณีเด็กพลัดหลงป่า จนขาดอาหาร ขาดน้ำ เสียชีวิต โดยมองว่าแม้จุดพบศพน้องชมพู่ จะต้องขึ้นเขาไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร แต่น้องมีระยะเวลา 3 วัน ก่อนจะเสียชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน