นศ.เชียงใหม่-อุบลจี้ยุบสภา จ่อฟันชุมนุมกรุง-ผิดพรก. หมายเรียกแล้ว-ชูปายไล่ตู่

แฟลชม็อบลามตจว. ‘เชียงใหม่-อุบลราชธานี’ ชุมนุมปลดแอก เยาวชน-ชาวบ้านพรึ่บ เรียกร้อง 3 ข้อ หยุดคุกคามประชาชนเห็นต่าง ยุบสภา และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขณะที่ม็อบที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยุติกลางดึก หวั่นไม่ปลอดภัย ให้เวลารัฐบาลพิจารณา 2 สัปดาห์

ด้านผช.ผบ.ตร. ยันต้องดำเนินคดีเด็ดขาด เพราะผิดทั้งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรค เผยตร.บาดเจ็บจากการปะทะ 5 ราย ตรวจร่างกายเตรียมดำเนินคดี ด้านตร.ระยอง ออกหมายเรียก 2 วัยรุ่นชูป้ายไล่บิ๊กตู่ รับทราบ 4 ข้อหา 23 ก.ค.นี้ สโมสรนศ.มช.ออกแถลง จี้นายกฯลาออก

วันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก-FreeYOUTH และสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และประชาชนนับพันคน ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ที่นัดหมายชุดนุมกันตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันที่ 18 ก.ค.

ก่อนประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ยุติการคุกคามคนเห็นต่าง 2.ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และ3.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้เวลารัฐบาลพิจารณา 2 สัปดาห์ ก่อนจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ทางแกนนำประกาศจะชุมนุมต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 08.00 น. วันที่ 19 ก.ค. แต่ระหว่างการชุมนุมช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 18 ก.ค. เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบพยายามเชิญผู้ชุมนุมไปพูดคุยที่สน.

ทำให้เกิดโต้เถียงกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จนกระทั่งตำรวจนอกเครื่องแบบได้ออกนอกพื้นที่ชุมนุม ก็เกิดเหตุที่เต็นท์อำนวยการมีความเข้าใจผิดว่ามี เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจนเกิดเหตุชุลมุน จนกระทั่งแกนนำต้องประกาศให้ทุกคนนั่งลง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงและความเข้าใจผิดขึ้นอีก

ทั้งนี้การชุมนุมดำเนินต่อไปถึงเวลา 00.00 น.ของวันที่ 19 ก.ค. น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ และนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี แกนนำ ขึ้นแจ้งว่าด้วยความที่มีกระแสข่าวมากมาย รวมทั้งความเคลื่อนไหวของ เจ้าหน้าที่ก็เพิ่มแรงกดดันสูงขึ้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม จึงขอยุติการชุมนุมและให้เวลารัฐบาล 2 สัปดาห์ในการพิจารณา ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษา

จากนั้นผู้ชุมนุมจึงแยกย้ายพร้อมเปิด การจราจรถนนราชดำเนินด้านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งโรงเรียนสตรีวิทยา เพื่อให้การจราจรกลับเป็นปกติอีกครั้ง

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีมีการรายงานข่าวว่าพบชายชุดดำบริเวณ ร.ร.สตรีวิทยา ได้รับรายงานว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เข้าไปดูแลพื้นที่จุดสูงข่ม เพื่อดูแลไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุว่าห้ามชุมนุมมั่วสุม ในส่วนนี้ทางกองบัญชาตำรวจนครบาล (บช.น.) ต้องรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะดำเนินการอย่างไร กับใครบ้าง หากพิจารณาแล้วมีความผิดในลักษณะสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เพราะมีคนมาจำนวนมาก ทุกคนที่เก็บภาพได้ถือว่าอยู่ในข่ายความผิดนี้

สำหรับข้อหาเกี่ยวกับการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เกี่ยวข้องกับแกนนำผู้ปราศรัย ส่วนความผิดเกี่ยวกับผู้สนับสนุนชัดเจน คือกลุ่ม ชูป้ายข้อความต่างๆ นอกจากนี้การลงมาชุมนุมบนพื้นถนน ก็เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. จราจร ทางบก ด้วย

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า กรณีมีนัดชุมนุมใหญ่ ใน จ.อุบลราชธานี จ.เชียงใหม่ ตนสั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ที่มีการชุมนุม อย่าให้มีการปะทะกับประชาชน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี เช่นการชูป้ายที่ไม่เหมาะสม

“อยากฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลาน ว่าการชุมนุมในช่วงนี้ ไม่ใช่ภาวะปกติ ที่จะชุมนุมได้ตามสิทธิอันชอบธรรม แต่อยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีข้อห้ามไว้ว่าการกระทำใดที่เป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และอีกประการหนึ่งหากผู้ชุมนุมมาจำนวนมาก เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ก็จะมีความผิด” พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์กล่าว

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวว่า สั่งการให้ พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ทราบรายละเอียดตัวบุคคลว่า มีใครเข้าไปในพื้นที่บ้าง เข้าไปทำกิจกรรมอะไร เพื่อมาพิจารณาว่า ผู้ที่มาชุมนุมปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคหรือไม่

รายงานแจ้งว่า กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) เตรียมออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมาโดยเฉพาะจากกรณีการนัดชุมนุมที่เกิดขึ้น

เนื่องจากเป็นคดีที่คาบเกี่ยวหลายท้องที่โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผบช.น. รับผิดชอบงานความมั่นคง เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานสืบสวน เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน

ในวันที่ 20 ก.ค. เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. นัดประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนบช.น. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน (บก.สส.) นำพยานหลักฐานที่รวบรวมได้มาจากการชุมนุมดูว่าพฤติกรรมของแกนนำและผู้ชุมนุม เข้าข่ายความผิดอะไรบ้าง ก่อนพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย

มีรายงานจากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันที่ 19 ก.ค. เกิดเหตุชุลมุนช่วงเริ่มการชุมนุม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งให้ผู้ชุมนุมไปทำกิจกรรมบนฟุตปาธเพื่อไม่ให้กระทบกับบุคคลอื่น แต่ผู้ชุมนุมไม่ฟัง และไม่ยอมชุมนุมในพื้นที่กำหนด เกิดการผลักดันแผงเหล็กกระแทกทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อคฝ.หญิง หรือกองร้อยน้ำหวาน บาดเจ็บ 5 นาย ทั้งหมดได้ไปตรวจร่างกายที่ร.พ. ไว้เป็นหลักฐาน

กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อเอาผิดหรือไม่ ส่วนกรณีเหตุชายถูกทำร้ายบริเวณเต็นท์ปราศรัย จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าเป็น เจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวของทหาร สาเหตุเกิดจากระหว่างการชุมนุม มีผู้พยายามนำผ้าไปคลุมกล้องวงจรปิดของ กทม.

เจ้าหน้าที่ทหารนายดังกล่าวเข้าไปพูดคุยกับแกนนำและแจ้งให้หยุดกระทำ เพราะมีการไลฟ์สดอยู่แล้ว แต่กลับถูกกลุ่มผู้ชุมนุมรุมทำร้ายร่างกาย กรณีที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการพิจารณาเอา ผิดในการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในวันที่ 20 ก.ค. โดยมีพล.ต.อ. สุวัฒน์เป็นหัวหน้า

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุว่า การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก เป็นความผิดหลายมาตรา เจ้าหน้าที่ต้องเร่งจับกุมดำเนินคดี เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อบุคคลอื่นๆ ที่ริอ่านจะจัดการชุมนุมหรือเป็นแกนนำการชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย อันเป็นการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคมและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน

สำหรับความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ ยังคงมีการพูดถึงการชุมนุมดังกล่าว โดย #เยาวชนปลดแอก ยังคงขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 มีการทวีตถึง 10 ล้านทวิตภายในวันเดียว

ขณะที่ มารีญา พูลเลิศลาภ อดีตมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2017 โพสต์ไอจีสตอรี่ เป็นภาพการชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมา พร้อมข้อความว่า #Thailand #Change #PeacefulProtest ระบุว่า ขอให้ปลอดภัยนะคะ ถ้ารู้สึกไม่สบายให้อยู่บ้าน และสวมหน้ากากเมื่อเข้าที่ชุมนุม ฉันอยากจะอยู่ตรงจุดนั้น

ขณะที่ชมรมประชาธิปไตย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ในนาม ชมรมประชาธิปไตย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง เรื่อง ให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบด้วยการลาออก

ระบุสืบเนื่องจากการที่รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศอย่างไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้ทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้รับอภิสิทธิ์ทางการทูตเข้าประเทศ และสร้างความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้แก่ประชาชนในหลายพื้นที่ของจังหวัดระยอง ทั้งที่ประชาชนต้องทนยอมอยู่ภายใต้การบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงที่ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศมามากกว่า 55 วัน

ซึ่งหมายความว่าประชาชนได้ให้ความร่วมมือในการป้องกันโรคเป็นอย่างดี แต่รัฐบาลกลับเป็นฝ่ายที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับประชาชนแต่อย่างใด ซ้ำยังสร้างสภาวะฉุกเฉินขึ้นมาใหม่และบังคับใช้กฎหมายเพื่อกดขี่ประชาชนไม่ให้ประชาชนมีโอกาสได้ใช้เสรีภาพในการแสดงออกเพื่อแนะนำหาทางออกที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

จากผลของความเสียหายดังกล่าว ผนวกรวมกับสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้บริหารอย่างไร้ประสิทธิภาพมาตลอดช่วงที่ได้ปกครองประเทศ เป็นผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากรัฐบาลชุดนี้ทั่วทุกหย่อมหญ้า และเมื่อเกิดปัญหาจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล กลับไม่เคยรับผิดชอบต่อความผิดของตนแม้แต่ครั้งเดียว

รวมถึงครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่าตนจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ แต่ทุกครั้งประชาชนก็ได้รับเพียงคำพูดที่เป็นนามธรรม

เราในฐานะ “ประชาชน” จึงขอเรียกร้องให้ท่านรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการ (1) ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (2) ยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถเข้ามาบริหารประเทศแทนท่านและองคาพยพ และ (3) อย่าขัดขวางการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม

ชมรมคำนึงว่ามนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ ซึ่งเป็นสิทธิแต่กำเนิด และจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไร้ซึ่งหลักแห่งความได้สัดส่วนนี้ จึงถือว่ารัฐบาลชุดนี้ไร้ความชอบธรรมโดยสมบูรณ์ ชมรมจะสนับสนุนหลักการประชาธิปไตยทุกวิถี ทาง เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริงขึ้นมาบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

ด้านแนวร่วมนวชีวิน New life network เครือข่ายภาคประชาชน และนักเรียน นักศึกษา โพสต์แจ้งกำหนดจัดกิจกรรมการประท้วงเชิงสันติด้วยการอดอาหาร เพื่อกดดันคณะรัฐบาลในวันที่ 20 ก.ค. เวลา 13.00 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล จนกว่าปัญหาของประชาชนจะได้รับการแก้ไข จนกว่าพวกเขาจะสามารถเติมเต็มปากท้องอันหิวกระหาย จนกว่าจะได้รอยยิ้มคืนกลับมาบนใบหน้าของคนไทย #เราอดไปด้วยกัน #OurLivesMatter #NewLifeNet #นวชีวิน

ที่จ.ระยอง พ.ต.ท.วรวุฒิ มีไล้ รองผกก.(สอบสวน) สภ.เมือง ระยอง เปิดเผยว่า ออกหมายเรียก นายภานุพงศ์ จาดนอก และ นายณัฐชนน พยัฆพันธ์ 2 กลุ่มเยาวชนภาคตะวันออก ที่ชูป้ายประท้วงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ที่เดินทางมาตรวจสถานการณ์โควิด-19 ที่จ.ระยอง หลังศบค.การ์ดตกปล่อยให้ทหารอียิปต์เข้ามาในประเทศ และเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า ส่งผลให้ต้องปิดโรงเรียนและยอดจองที่พักใน จ.ระยองถูกยกเลิกจำนวนมาก

มารับทราบ 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานโรคติดต่อ ความผิดตามพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 3.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และ 4.หลบหนีการจับกุมระหว่างการสืบสวน

โดยกำหนดให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งได้ส่งหมายเรียกไปตามที่อยู่ของทั้งสองคนให้ทราบแล้ว หากมามอบตัว ภายในวันเวลากำหนด ก็ไม่จำเป็นต้องประกันตัว

ส่วนนายภานุพงศ์ จาดนอก เปิดเผยว่า ขณะนี้หมายเรียกจากสภ.เมือง ระยองมาถึงที่บ้านของตนและนายณัฐชนน แล้ว เตรียมปรีกษาทนายความ เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

หนุนปลดแอก – กลุ่มอาจารย์-นักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี รวมตัวชุมนุมเปิดเวทีย่อยปราศรัยไล่รัฐบาล สนับสนุนข้อเรียกร้องกลุ่มเยาวชนปลดแอก ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน ที่ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี เมื่อ 19 ก.ค.

 

ที่ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี กลุ่มวิ่งไล่ลุงนำโดยว่าที่ร.ต.ฉัตรชัย แก้วคำปอด อดีต ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคอนาคตใหม่เขตเลือกตั้งที่ 4 จ.อุบลราชธานี พร้อมอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประมาณ 100 คน เปิดเวทีย่อยปราศรัยไล่รัฐบาล สนับสนุนข้อเรียกร้องกลุ่มเยาวชนปลดแอก ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดยผู้เข้าร่วมผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวโจมตีการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งยังแก้ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้เบ็ดเสร็จ

ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อสินค้าบนถนนคนเดินที่จัดขึ้นที่ถนนรอบศาลหลักเมือง รวมทั้งมีผู้อ้างตัวเป็นกลุ่มทนายความอีสานเพื่อประชาชนจำนวนหนึ่งเข้าสังเกตการณ์การเปิดเวทีปราศรัย และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบคอยดูแลรักษาความสงบ โดยตลอดการเปิดเวทียังไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆ เกิดขึ้น

ไล่รัฐบาล – เครือข่ายนักศึกษา จ.เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง พร้อมประชาชนอีกจำนวนหลายร้อยคน เดินทางมาร่วมชุมนุมแสดงจุดยืนขับไล่รัฐบาล บริเวณลานข่วงประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อเย็นวันที่ 19 ก.ค.

 

ที่บริเวณลานข่วงประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายธนาธร วิทยเบญจาค์ นักศึกษาปี 2 คณะมนุษยศาสตร์ มช. ในฐานะพรรควิฬาร์ (แมวดำ) เดินทางมาพร้อมเพื่อนนักศึกษาใน มช.ร่วมกับอดีตข้าราชการอาจารย์และประชาชนและยังมีตัวแทนจากนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และ ม.ธรรมศาสตร์ จ.ลำปาง ส่งตัวแทนมาร่วมแสดงจุดยืนขับไล่รัฐบาลชุดปัจจุบันของไทย

ส่วนเครือข่ายนักศึกษาจาก ม.แม่โจ้ ไม่ได้เดินทางมา แต่สนับสนุนการจัดกิจกรรมครั้งนี้ด้วย รวมผู้มาชุมนุมกว่า 500 คน

การจัดกิจกรรมเริ่มต้นโดยตัวแทนนักศึกษานำป้ายเขียนข้อความต่อว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ เช่นข้อความที่ว่า “ไวรัสก็กลัว คนชั่วก็ต้องไล่ ออกไปเต๊อะลุง” และ “ต้องประกาศยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หยุดคุกคามประชาชน”

จากนั้นตัวแทนชาวบ้านเอาผ้าสีขาวมาปูพื้นให้นักศึกษาประชาชนเขียนข้อความ ชื่อนักการเมือง หรือวาดภาพใบหน้านักการเมือง แล้วสาปแช่งหรือใช้เท้าเหยียบหรือกระทืบไปที่ผ้าขาวดังกล่าว จากนั้นก็มีการกล่าวโจมตีรัฐบาลในการบริหารประเทศที่ผิดพลาด

นายธนาธรกล่าวว่า การแสดงจุดยืนครั้งนี้ชัดเจนเรียกร้องคล้ายกับกลุ่มที่ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 3 ข้อเรียกร้องดังกล่าว แต่ทางภาคเหนือโดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่จะเพิ่มกรณีแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาหมอกควันและไฟป่า จะเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ โดยเฉพาะปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เกิดปัญหากับประชาชนทุกปี

ส่วนการเคลื่อนไหวจะนัดรวมตัวกันต่อไปวันไหนนั้นไม่ได้กำหนด หากสถานการณ์การแก้ไขปัญหาไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้อง ก็พร้อมที่จะรวมตัวออกมาทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน