รอดคดีชนตร.ตายปี55 เตรียมสั่งถอนหมายจับ

‘บอส กระทิงแดง’ พ้นทุกข้อหา สั่งไม่ฟ้องคดีขับรถชน ‘ด.ต.’ เสียชีวิต คดีดังเมื่อปี 55 ตร.ชี้แจงสาเหตุไม่เห็นแย้งกับอัยการ ยืนยันทำคดีไปตามขั้นตอนปกติ มีเหตุผลจำเป็นตามพยานหลักฐาน ไม่ได้ทำตามกระแสสังคม ขณะที่พี่ชายผู้ตาย เผยเสียใจ ขอให้สังคมเป็นผู้ตัดสิน ครอบครัวอโหสิกรรมให้ ด้านส.ส.พรรคก้าวไกลแถลงไม่เห็นด้วย พร้อมเรียกร้องปฏิรูปกระบวนการสอบสวน ทำไมปล่อยคดีค้างเนิ่นนานถึง 8 ปี

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงชี้แจงกรณีอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนาย วรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทเจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน. ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 ว่าที่ผ่านมาตำรวจและพนักงานอัยการสอบสวนเพิ่มเติมมาตลอด จนกระทั่งล่าสุดอัยการสูงสุดมีคำสั่งเด็ดขาดสั่งไม่ฟ้อง เมื่อคณะกรรมการตำรวจพิจารณากับฝ่ายกฎหมายแล้ว ก็เห็นพ้องตามอัยการสั่งไม่ฟ้องด้วย ส่วนเหตุผลไม่สามารถเปิดเผยได้ หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะถอนหมายจับนายวรยุทธ และให้ตำรวจกองการต่างประเทศประสานตำรวจสากลถอนหมายจับด้วย ให้เสมือนเป็นผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง ทำให้นายวรยุทธสามารถกลับเข้าประเทศไทยได้ตามปกติ แต่น่าจะต้องใช้เวลาสักระยะ และขณะนี้ยังไม่ทราบว่านายวรยุทธอยู่ที่ไหน
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ยืนยันอีกว่าคดีนี้เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ มีหลายคดีที่ตำรวจมีความเห็นแย้ง ยึดตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่สองมาตรฐานใดๆ ที่ผ่านมาพนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติมในหลายประเด็น และพนักงานสอบสวนก็ส่งความเห็นเพิ่มเติมไปหลายครั้ง จนถึงที่สุดเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการมีความเห็นเป็นเด็ดขาดออกมา ไม่มีใครจะก้าวล่วงได้ ยืนยันว่าการเห็นแย้ง หรือไม่แย้งต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน ไม่ได้ทำตาม กระแสสังคม

รองโฆษกตำรวจกล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าตำรวจเข้าข้างทำสำนวนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาก็เปิดโอกาสให้ตรวจสอบมาโดยตลอด การสั่งไม่ฟ้องข้อหาใด ก็มีเหตุผลความจำเป็นและพยานหลักฐานสนับสนุนอยู่แล้ว และดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่บกพร่องในการทำสำนวนคดีนี้ในอดีตไปแล้ว และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เสียใจกับความสูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ตำรวจก็อยากจับกุมให้ได้และดำเนินคดี แต่คดีเป็นเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน

ข้องใจ – พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์, พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.พรรคก้าวไกล อดีตตำรวจที่มีส่วนร่วมคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 แถลงข้องใจที่สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ที่รัฐสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แต่เดิมนายวรยุทธถูกดำเนินคดีทั้งหมด 5 ข้อหา คือ 1.เมาแล้วขับ อัยการสั่งไม่ฟ้อง 2.ขับรถเร็วเกิน คดีหมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 3.ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย คดีหมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 4.ชนแล้วหนี คดีหมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2560 และ 5.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย.2570 ล่าสุดอัยการสั่งไม่ฟ้อง เช่นกัน
ขณะเดียวกัน นายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ อายุ 62 ปี พี่ชาย ด.ต.วิเชียร กล่าวว่ารู้สึกเสียใจ ไม่ยุติธรรมสำหรับครอบครัว ทำไมไม่ทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่เข้าใจ ตอนแรกทำใจไว้แล้วว่าคดีต้องขาดอายุความ เพราะผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ ไม่คิดว่าจะไม่ฟ้องแบบนี้ แต่ทางครอบครัวก็ต้องยอมรับชะตากรรม สำหรับการเยียวยานั้น หลังจากที่เซ็นหนังสือยอมความไปแล้ว คู่กรณีก็จัดงานศพ แบ่งเงินให้ตามที่เจรจากัน ซึ่งขณะนี้ครอบครัวก็จะปล่อยแล้ว ไม่ดำเนินการอะไรต่อ ทุกอย่างให้สังคมเป็นคนตัดสิน ครอบครัวอโหสิกรรมให้ เพราะอยากให้น้องชายไปสบาย
ที่รัฐสภา พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นายจิราวัฒน์ อรัญกานนท์ ส.ส.กทม. และ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา โดยพล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่าในส่วนของคดีจะไม่ขอก้าวล่วง แต่กระบวนการสอบสวนก็ดี การทำสำนวนของคดีก็ดี สะท้อนว่าต้องปฏิรูปกระบวนการสอบสวน ตำรวจต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือ ไปจนถึงองค์ความรู้ต่างๆ ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยสนับสนุนเงินให้ตำรวจจัดซื้อเครื่องมือเหล่านี้เลย ตลอด 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลทำอะไรอยู่ ถ้ายังปล่อยให้ทิ้งร้างค้างคาก็จะกลายเป็นเหมือนคดีนี้ ที่ใช้เวลา 8 ปีในการดำเนินการ
ส่วนพ.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่าในฐานะอดีต นักวิทยาศาสตร์ กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง เป็นคนทำรูปคดีนี้เอง ทั้งจดบันทึก และถ่ายภาพพยานหลักฐานต่างๆ เองกับมือ วันนี้ที่สั่งไม่ฟ้อง รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะจากการเก็บหลักฐานยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ขับรถชนจริงๆ รวมทั้งความเร็วของรถก็เป็นผู้ดูกล้องวงจรปิด และคำนวณออกมาเอง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทำรายงานออกมาภายใน 1 เดือน แต่กระบวนการสอบสวนกลับยืดเยื้อออกไปหลายปี เป็นกระบวนการที่ไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง และสมควรปฏิรูป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน