‘วิระชัย’ได้กลับตร. – แพร่คลิปเสียงโทรศัพท์ ‘ชัยวัฒน์’ก็คืนเก้าอี้เดิม
วิระชัย-ชัยวัฒน์’ ได้เก้าอี้คืน กลับมานั่งรองผบ.ตร. หลัง ‘บิ๊กแป๊ะ’ เซ็นภารกิจที่มอบหมายให้ใน ‘ศปก.ตร.’ หมดแล้ว ให้ ‘ชัยวัฒน์’ ย้ายคืนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ส่วน ‘บิ๊กตู่’ ให้ ‘วิระชัย’ กลับสังกัด เนื่องจากผลสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว ‘ปิยะ อุทาโย’ ยัน 2 รองผบ.ตร.ย้ายกลับไม่เกี่ยวเตรียมแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ ส่วนผลสอบ ‘วิระชัย’ สำนักงานกำลังพลและกองวินัยกำลังพิจารณา ก่อนนำเสนอผบ.ตร.
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร. เปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามคำสั่งที่ 219/2563 ให้พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ลงนามตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำเรียนข้อมูลไปว่า จากคำสั่งเดิมแจ้งว่าเพื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อม.ค. 63 หลังตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว และรายงานผล พล.อ.ประยุทธ์ก็ส่งคืนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงว่าขั้นตอนที่นายกฯสั่งการเสร็จแล้ว ที่เหลือเป็นขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการต่อ เช่นนำผลสืบสวนข้อเท็จจริงมาพิจารณาต่อจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องธุรการ เช่น กองวินัย รวมทั้งการมอบหมายการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง
พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อเดือน ม.ค.63 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งที่ 28/2563 ลงวันที่ 23 ม.ค.63 สั่งการให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.ไปปฏิบัติการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากหน้าที่เดิม วันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีคำสั่งที่ 382/2563 ลงวันที่ 24 ก.ค.63 แจ้งว่า เนื่องจากภารกิจมอบหมายเสร็จสิ้นแล้ว ให้ยุติการปฏิบัติราชการให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ รอง ผบ.ตร.ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสรุปทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมาจะเข้าสู่ทางธุรการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนัยยะหรือไม่ ต่อกรณีที่ 2 รองผบ.ตร.กลับมาดำรงตำแหน่งในช่วงที่จะแต่งตั้งผบ.ตร.คนต่อไป พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากจเรตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามคำสั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้น ส่วนการดำเนินการว่าผิดหรือไม่อย่างไร กระบวนการทางวินัยจะดำเนินการต่อ เป็นการต่อสู้ตามกระบวนการปกติ ส่วนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ยังไม่เกิด เมื่อกลับมาผบ.ตร.ก็จะมอบหมายภารกิจเหมือน รอง ผบ.ตร.ทุกคน การแต่งตั้ง ผบ.ตร. โดยกฎหมาย ต้องแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.-จเรแห่งชาติ กฎหมายเขียนไว้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาพล.ต.อ.วิระชัยเข้าร่วมในพิธีเฉลิมพระเกียรติ วันเฉลิมพระชนมพรรษา 68 พรรษา 28 กรกฎาคม 2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังได้รับคำสั่งจากนายกฯให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม โดยพล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า มีขวัญกำลังใจดี พร้อมกลับไปทำหน้าที่ดูแลงานด้านกฎหมายตามเดิม เนื่องจากผลการสอบสวนกรณีที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว
รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์มอบหมายให้กองคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.วิระชัย ฐานกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ในประเด็นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 เรื่องห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์หรือข้อมูลสื่อสารอื่นใด กรณีเปิดเผยข้อมูลการคุยโทรศัพท์ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และพล.ต.อ.วิระชัยผ่านสื่อสารมวลชน ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะนิติบุคคลได้รับความเสียหาย และมีฐานความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
รายงานแจ้งด้วยว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหลังมีการปล่อยคลิปเสียงการสนทนาดังกล่าว ซึ่งเป็นการพูดคุยกันเกี่ยวกับคดียิงรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจากการสอบสวนถึงเรื่องการปล่อยเสียงสนทนาไปยังสื่อมวลชน ทางคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า พล.ต.อ.วิระชัยมีความผิด จึงมอบให้ สำนักงานกฎหมายและคดี ตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย จึงรายงานไปยังพล.ต.อ.จักรทิพย์ และประสานกองคดีเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีดังกล่าว