กทม.-แปดริ้ว-สระแก้ว
‘พะเยา’คึก‘บ่าเอาแป้ง’
ปลดแอกโวยกมธ.สภา
เย้ยเป็นกิจกรรม‘ปาหี่’
ย้ำ3ข้อเสนอชัดอยู่แล้ว

ม็อบนักศึกษาพรึ่บอีก 4 จังหวัด กทม. สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ที่พะเยา น.ศ.ชุมนุมหน้ามหา วิทยาลัยพะเยา เรียกร้อง ‘บ่าเอาแป้ง’ ส่วนที่กทม.ยังจัดงานส้มโอโอ้โหโอชา เรียกร้อง 3 ข้อ หยุดคุกคามคนเห็นต่าง แก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา ขณะที่อดีตเลขาฯ สมช.วิเคราะห์สถานการณ์ เปิดเทอมเมื่อไหร่ม็อบแรงอีกแน่ ชี้เป็นการชุมนุมไม่มีแกนนำ เชื่อมโยงด้วยอุดมการณ์ ยังหวังเรียนรู้จากอดีต ไม่ปราบปรามประชาชน ลงเอยด้วยความรุนแรง แนะนายกฯ ประยุทธ์ถอนตัวหาคนอื่นมาทำหน้าที่ เพราะหมดความน่าเชื่อถือแล้ว

จี้ยุบสภา – กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เรียกร้อง ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมทั้งชูป้ายบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหาย ที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.

วันที่ 27 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีการชุมนุมของนักศึกษาและเยาวชน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุติการคุกคามประชาชน แก้รัฐธรรมนูญ และยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน โดยที่กทม. มีการจัดงาน ส้มโอโอ้โหโอชา ที่อนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย กำหนดการเริ่มตั้งแต่เวลา 16.30 น. โดยมีกิจกรรมส้มโอ โอไม่โอ? และส้มโอรสโอชา แต่จะโอชากว่านี้ถ้า… จากนั้นทำกิจกรรมฉายแฟลชมือถือไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะอ่านแถลงการณ์คณะผู้จัดและข้อเรียกร้อง 3 ประการสืบเนื่องจากม็อบเยาวชนปลดแอก เน้นย้ำการแก้รัฐธรรมนูญและเรียกร้องหยุดคุกคามประชาชน ก่อนที่จะชู 3 นิ้ว กล่าวอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน 3 ครั้ง แล้วเลิกกิจกรรม

ที่จ.พะเยา มีกิจกรรม พะเยาบ่าเอาแป้ง ที่หน้าป้ายมหาวิทยาลัยพะเยา ปราศรัยแล้วทำกิจกรรม “มันไม่ใช่เฮโรอีน มันคืออะไร? มันคือแป้ง” โดยตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณทางเข้าหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา (มพ.) เริ่มมีนิสิต มพ. ทยอยเข้ามาบริเวณลานกิจกรรม ขณะที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และ นายอานนท์ นำภา ทนายและนักสิทธิมนุษยชน เดินทางมาถึงจุดจัดกิจกรรมเช่นกัน สำหรับทางด้านภาคประชาชนเสื้อแดงจากอำเภอเชียงคำ อำเภอดอกคำใต้ เดินทางเข้ามาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจเยาวชนด้วย

บ่าเอาแป้ง-กลุ่มนักเรียนนักศึกษาและประชาชน ร่วมชุมนุมจัดกิจกรรม ‘คนพะเยาบ่าเอาแป้ง’ โดยมีนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำสนท. มาร่วมด้วย ที่หน้า ม.พะเยา เมื่อวันที่ 27 ก.ค.

ที่จ.สระแก้ว มีนัดชุมนุมที่ลานพระสยามเทวาธิราช อ.อรัญประเทศ โดยมีกำหนดตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 100 คน วางกำลังสังเกตการณ์ชุมนุมอย่างเข้มข้น

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ที่หน้าลาน โรงพยาบาลพระพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา ก็มีนัดหมายชุมนุมด้วยเช่นกัน

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่บริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ สาขาราชดำเนิน ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ New Democracy Movement (NDM) ร่วมกันจัดกิจกรรม “ส้มโอ โอ้โห โอชา” โดยการนำส้มโอมาเขียนข้อความอาทิยุบสภา, หยุดคุกคาม ปชช, สว 250, ความเป็นธรรม, งบประมาณ, แก้ รธน., บังคับความศรัทธา, พ.ร.บ.คู่ชีวิต เป็นต้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงออกถึงความอัดอั้นต่อผู้มีอำนาจและรัฐบาลที่พยายามปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน นอกจากนี้ยังมีการติดป้ายบุคคลที่ถูกบังคับสูญหาย เช่น กาสะลอง, ภูชนะ, สุรชัย แซ่ด่าน โดยมีประชาชนผู้ร่วมอุดมการณ์กว่า 200 คน

นายเฉลิมชัย วัดจัง อายุ 27 ปี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อแสดงออกถึงปัญหา โดยการนำเอาส้มโอมาสื่อสาร พร้อมทั้งเขียนข้อความลงไปเพื่อสอบถามประชาชนว่าสิ่งที่เรามีอยู่ดีหรือไม่ ทั้งนี้เราจะเฝ้าดูข้อเรียกร้องต่างๆ ที่ทางกลุ่มเยาวชนชาวปลดแอกเคยเสนอไป เพราะกลุ่ม NDM ก็สนับสนุนข้อเรียกร้องต่างๆ เช่นกัน สำหรับการออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการสนับสนุนแนวทางการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ซึ่งมีการจัดกิจกรรมกันอย่างต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์

“โดยหลังจากนี้เราจะติดตามผลส้มโอที่คัดเลือกไว้ทางทวิตเตอร์ว่า ก่อนที่รัฐบาลจะแก้ไขปัญหา กับส้มโอพวกนี้ที่จะเน่า อะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน” นายเฉลิมชัยกล่าว

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันฉายแฟลชจากโทรศัพท์มือถือไปยังอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย โดยแกนนำกลุ่มกล่าวแถลงการณ์ในตอนหนึ่งว่า ขอสนับสนุนข้อเรียกร้องของ กลุ่มเยาวชนปลดแอกที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน และให้ผู้มีความสามารถเข้ามาบริหารประเทศ รวมถึงหยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ต่อมาในเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมต่างแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้ว และเปล่งเสียง “อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน” รวม 3 ครั้ง ก่อนยุติการชุมนุมกันอย่างสงบโดยไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด

ที่หน้าพระสยามเทวาธิราช อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 17.00 น. ได้มีกลุ่มประชาชน โดยนายอัมรินทร์ ยี่เฮง แกนนำประชาธิปไตยสระแก้ว ได้รวมตัวกับทาง นักศึกษาม.บูรพาสระแก้ว และประชาชนกว่า 50 คน สวมเสื้อดำ รวมตัวถือป้ายกระดาษ ตามหาคนหาย และยังมีข้อความกระดาษขับไล่รัฐบาลให้ยุบสภา บริหารไม่ได้ก็ออกไปเถอะ อำนาจประชาธิปไตยของประชาชน โดยแกนนำใช้รถกระบะติดเครื่องขยายเสียง โจมตีการทำงานของรัฐบาลประยุทธ์ โดยมีข้อเรียกร้องหลักๆ คือให้ยุบสภา ให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ห้ามแทรกแซงปชช.และตามหาคนหายในการชุมนุมเมื่อปี 2553

ที่บริเวณลานกิจกรรม หน้า ร.พ.พุทธโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา มีกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และประชาชน จากหลากหลายอาชีพ สวมเสื้อผ้าสีดำ กว่า 300 คน ถือป้ายข้อความเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตย ยุติบทบาทหน้าที่ด้วยการยุบสภา และหยุดคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยกลุ่มผู้เรียกร้อง มีการผลัดกันกล่าวโจมตี การบริหารประเทศที่ล้มเหลว เรียกร้องให้ยุบสภา ก่อนที่ประเทศไทยจะ เสียหายไปมากกว่านี้ ที่ผ่านมา 6 ปี รัฐบาลบริหารประเทศ มีแต่ข่มขู่ประชาชนต่างๆ นานา ขณะที่บริหารประเทศแบบประชาธิปไตยจอมปลอม มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผู้ที่มาร่วมชุมนุมได้รวมตัวกันอย่างสงบ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่าย ความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ทั้งนอกและใน เครื่องแบบ ประมาณ 100 นาย คอยสังเกตการณ์อย่างเข้มงวด

แปดริ้วก็ฮือ – กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และประชาชนชุมนุมชูสามนิ้วเรียกร้องยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ และหยุดคุกคามสิทธิเสรีภาพบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ที่ลานกิจกรรมหน้าร.พ.พุทธโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 27 ก.ค.

นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือฟอร์ด แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก-Free YOUTH กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ความเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ รับฟังความเห็นของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา สภาผู้แทนราษฎรว่า กมธ.ชุดนี้ คือ ปาหี่ เพราะข้อเรียกร้อง 3 ข้อของเราชัดเจนอยู่แล้วว่า

1.ต้องการให้หยุดคุกคามประชาชน ทั้งทางกายภาพ จิตวิทยา และการยัดข้อหาและคดีความให้กับประชาชนที่ออกใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และ 3.นายกรัฐมนตรีต้องประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ให้รัฐธรรมนูญใหม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ข้อเรียกร้องของเราส่งตรงไปที่ผู้มีอำนาจโดยตรง ทั้งนายกรัฐมนตรี ส.ส. และส.ว. ที่นั่งอยู่ในสภา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตั้ง กมธ.วิสามัญ รับฟังความคิดเห็นนักเรียนนักศึกษาอีก

“ผมมองว่า กมธ.ชุดนี้ คือกมธ.ปาหี่ ที่มาเป็นกันชนระหว่างผู้มีอำนาจกับเยาวชนและประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง หากอยากคุยกับเราจริงๆ ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจต้องมาคุยกับเราเอง มาไต่ถามในรายละเอียด และรับฟังสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสารด้วยตัวเอง โดยที่ท่านต้องตั้งใจฟังและอย่าเถียงเรา” นายทัตเทพกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องการพูดคุยโดยตรงกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมใช่หรือไม่ นายทัตเทพกล่าวว่า ถ้าเป็นพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ อย่างไรก็ตามการคุยไม่ใช่การประนี ประนอม แต่คือการเปิดใจและชี้แจงว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร ยืนยันว่าเราจะไม่มีวันถอยจากข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อนี้เด็ดขาด โดยข้อแรกคือ การหยุดคุกคามประชาชนสามารถทำได้ทันที ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้นำ อยู่ที่ความจริงใจของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง รวมถึงฝ่ายการศึกษาที่ไปคุกคาม นักเรียน นิสิต นักศึกษา เช่น ครูหรือผู้บริหารโรงเรียน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่าการตั้ง กมธ.วิสามัญรับฟังความเห็นนักเรียนฯ ไม่ช่วยแก้ปัญหาใช่หรือไม่ นายทัตเทพกล่าวว่า ไม่ช่วย มีแค่ซื้อเวลาให้กับผู้มีอำนาจเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พูดคุยกับแกนนำนักเรียนนักศึกษากลุ่มอื่นๆ หรือยังเกี่ยวกับการเข้าร่วม กมธ.วิสามัญ รับฟังความเห็นนักเรียนฯ นายทัตเทพกล่าวว่า เท่าที่คุยกับหลายๆ กลุ่ม ต่างก็เห็นไปในทางเดียวกันว่าเป็นปาหี่เหมือนกัน

เมื่อถามว่า คาดหวังว่าผู้มีอำนาจจะตอบสนองต่อข้อเสนอเมื่อไร นายทัตเทพกล่าวว่า เมื่อเราประกาศข้อเรียกร้องไปให้ผู้มีอำนาจแล้ว ก็อยากให้ส่งสัญญาณมาคุยกับเราว่าจะดำเนินการอย่างไรและจะทำให้ข้อเรียกร้องของเราบรรลุอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยกับผู้มีอำนาจโดยตรงจะเป็นไปในลักษณะใด นายทัตเทพ กล่าวว่า ถ้าผู้มีอำนาจมีความจริงใจจริงๆ ก็ควรจะมานั่งพูดคุยกัน

เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของทางกลุ่มเยาวชนปลดแอก นายทัตเทพกล่าวว่า สำหรับการเคลื่อนไหวต่อไปก็สามารถติดตามได้ที่เพจ เยาวชนปลดแอก – Free YOUTH ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า มั่นใจว่าการเคลื่อนไหวของนักเรียน นักศึกษา และประชาชน จะสร้างความรับรู้จนขยายวงเพิ่มขึ้นไปทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีการชุมนุมไปแล้วกว่า 40 จังหวัด เพื่อแสดงเจตนารมณ์ และนำเสนอข้อเรียกร้องหลักทั้ง 3 ประการ ประกอบด้วยการเรียกร้องให้ยุติการคุกคามประชาชน การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา โดยผู้เข้าร่วมจะไม่ถูกจำกัดเฉพาะกลุ่มนักศึกษาเป็นหลักเท่านั้น ขณะที่เนื้อหาสาระในการชุมนุมจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยกระบวน การดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆ เปิดการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ

พล.ท.ภราดรกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง รับรู้และมองเห็นปัญหาในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะการชุมนุมจะมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่มีแกนนำ และจะเชื่อมโยงรับลูกถึงกันด้วยอุดมการณ์ร่วมกัน ซึ่งจะมีความต่อเนื่อง และกระจายออกไปพื้นที่ต่างๆ อย่างไรก็ตามแม้ฝ่ายความมั่นคงสื่อสารไปถึงผู้มีอำนาจในประเด็นเหล่านี้ แต่ผู้มีอำนาจที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย มักเป็นพวกที่หูตึงตาบอด จึงเชื่อว่ากลุ่มการเคลื่อนไหวถูกยุยงมา ซึ่งเป็นคุณลักษณะของผู้นำที่มาจากการยึดอำนาจ

ส่วนจะนำไปสู่การปราบปรามประชาชนหรือไม่นั้น เชื่อว่าฝ่ายผู้มีอำนาจมีการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีต เพียงแต่เห็นว่าปัจจุบันความพยายามที่จะผ่อนสถานการณ์สายเกินไปแล้ว เพราะประชาชนไม่เกิดความเชื่อถือศรัทธาอันมาจากการบริหาร ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดหากผู้มีอำนาจบริหารจัดการ และยอมถอยเป็น ก็จะไม่เกิดปัญหา แต่หากฝ่ายผู้มีอำนาจไม่ยินยอมที่จะถอย และยังยืนกรานที่จะยอมหักไม่ยอมงอ สุดท้ายประวัติศาสตร์ ที่เรียนรู้มาก็คงหลีกเลี่ยงความรุนแรงยาก

พล.ท.ภราดรกล่าวว่า พลังการเคลื่อนไหวของนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนจะกลายเป็นฉันทามติร่วม ที่นำไปสู่การแก้ไข และการดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 เรื่อง เพราะการเคลื่อนไหวของนักเรียนนักศึกษาเชื่อมโยงไปถึงคนทุกกลุ่ม ข้อเสนอจะตกผลึกและกลายเป็นความชอบธรรมของคนส่วนใหญ่ โดยเชื่อว่ากระบวนการต่างๆ จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ต้องเป็นไปตามหลักการทั้งหมด ปัจจุบันมาถึงจุดที่โชคร้ายของนายกรัฐมนตรี เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลายเป็นตัวปัญหาหลัก คนจึงขาดความเชื่อมั่นและต้องการผู้นำใหม่ เพื่อเข้ามาดำเนินการแทนพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทำให้ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการ สัมฤทธิผลและมีประสิทธิภาพตรงใจประชาชน

“ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจะต้องถอยเพื่อให้บุคคลใหม่เข้ามาดำเนินการในสิ่งที่ประชาชนต้องการ จึงจะเกิดความเชื่อมั่นว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ จะเกิดขึ้นได้จริง เช่น การหยุดการคุกคาม ตราบใดที่ผู้มีอำนาจมีรากฐานมาจากเผด็จการมาจากการยึดอำนาจ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหยุดการคุกคามประชาชน เพราะเจ้าหน้าที่จะลอกเลียนแบบตัวผู้นำ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าเกิดขึ้นได้ยาก เพราะรัฐธรรมนูญถูกออกแบบ เพื่อพวกพ้องตนเองจึงมีวุฒิสมาชิก (ส.ว.) 250 คน ดังนั้นจะไปคาดหวัง เพื่อให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากตัวนายกรัฐมนตรีจึงเป็นเรื่องยาก” พล.ท.ภราดรกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน