ไทยติดเชื้ออีก 6 คน กลับจากอียิปต์ และเนเธอร์แลนด์ อยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ศบค.จับตา ‘ระยองโมเดล’ จัดกิจกรรมหลากหลายในเดือนส.ค.นี้ ทั้งเตะบอล ปั่น เดิน วิ่ง มินิคอนเสิร์ตริมชายหาด หวังเห็นภาพคนสวมหน้ากากพร้อมสนุกสนาน ไม่เสี่ยงโควิด ด้านนอภ.ชะอวด นครศรีธรรมราชแจ้งจับผู้จัดคอนเสิร์ต ‘เจนนี่-ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น’ ในงานดอกจูดบาน กาชาด และของดีเมืองชะอวด ข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดคอนเสิร์ตในสถานที่แออัด เจ้าตัวสารภาพทุกข้อหา ตร.สั่งฟ้อง ส่วนที่มหาสารคามสั่งปิดผับดัง ‘เซ้งพาณิชย์’ 3 วัน หลังปล่อยให้ลูกค้าเบียดเสียดไปถ่ายรูปกับศิลปินโบกี้ไลอ้อน ที่มาจัดคอนเสิร์ต โดยไม่เว้นระยะห่าง ไม่สวมหน้ากาก

ไทยติดเชื้อเพิ่ม 6 จากตปท.

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า วันนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ 6 คน อยู่ในสถานที่กักกันตัวของรัฐ รวมติดเชื้อสะสม 3,310 คน รักษาหายแล้ว 3,125 คน เสียชีวิต 58 คน รักษาอยู่ในร.พ. 127 คน ทั้งนี้ ผู้ป่วยสะสมในสถานที่กักกันตัวของรัฐ รวม 373 คน

สำหรับผู้ป่วยใหม่ 6 คน มาจากอียิปต์ 5 คน โดย 4 คนแรก เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 21 ปี 2 คน และ 24 ปี 2 คน เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 24 ก.ค. เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย เข้าพักที่จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 29 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ คนที่ 5 เป็นชายไทย อายุ 28 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ผ่านการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ซักประวัติพบเริ่มป่วยวันที่ 26 ก.ค. มีไข้ หายใจลำบาก จึงตรวจหาเชื้อในวันที่ 30 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ และเข้ารักษาในโรงพยาบาลใน จ.ฉะเชิงเทรา และคนที่ 6 เป็นชายไทย อายุ 52 ปี อาชีพเชฟบนเรือ เดินทางจากเนเธอร์แลนด์ถึงไทยเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เข้าพักที่จ.สมุทรปราการ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 29 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ ทั้งนี้ ผู้เดินทางมาจากอียิปต์ 1,360 คน พบติดเชื้อ 40 คน มาจากเนเธอร์แลนด์ 1,139 คน พบติดเชื้อ 4 คน
สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก รวม 17,474,020 คน เสียชีวิต 676,755 คน โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับ คือ สหรัฐอเมริกา 4,634,985 คน บราซิล 2,613,789 คน อินเดีย 1,639,350 คน รัสเซีย 834,499 คน และแอฟริกาใต้ 482,169 คน ส่วนประเทศไทย อยู่อันดับที่ 107

ศบค.ห่วงชาติใกล้เคียงติดเชื้อพุ่ง

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า สถานการณ์โลกยังน่าเป็นห่วง เพราะมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยมากกว่า 2 แสนคนต่อวัน ซึ่งผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐและเป็นนายแพทย์ใหญ่ ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโควิด-19 ของทำเนียบขาว แจ้งเตือนชาวอเมริกันใน 4 รัฐ คือโอไฮโอ เทนเนสซี เคนทักกี และอินเดียนา ควรตื่นตัว เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นเหมือนกับที่เกิดขึ้นในรัฐทางตอนใต้ ให้ป้องกันเพื่อให้ควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อ ด้านจีนที่เป็นต้นต่อการแพร่ระบาด พบว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นสามหลัก ส่วนเวียดนามที่ก่อนหน้านี้ควบคุมสถานการณ์ได้ พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม และมีมาตรการควบคุมเพิ่มขึ้นโดยปิดเมืองและร้านอาหารในเมืองดานัง ด้านฟิลิปปินส์มีตัวเลขติดเชื้อที่สูงขึ้น

โดยขณะนี้ประมาณ 4 วัน จะมีผู้ป่วย 1 ล้านคน ทำให้สถานการณ์โลกยังคงน่ากังวลอยู่ ขณะที่ในภูมิภาคเอเชีย สถานการณ์ก็ยังพบผู้ป่วยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เช่น ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ อินเดีย ญี่ปุ่น และจีน ก็มีแนวโน้มพบตัวเลขเพิ่มขึ้น

“ส่วนประเทศที่มีการแพร่ระบาดระลอกสอง ทั้งญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ จีน เริ่มมีตัวเลขที่สูงขึ้น ดังนั้นสถานการณ์เหล่านี้ถือว่าใกล้ตัวกับประเทศไทย แม้จะมีตัวเลขติดเชื้อในประเทศเป็น 0 แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเมื่อไหร่ ขอให้ทุกคนได้ร่วมมือกันยืด ช่วงเวลานี้ออกไป เนื่องจากในประเทศได้มีมาตรการผ่อนคลายให้ทุกคนได้ท่องเที่ยว มีเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงอยากให้หยุดที่บรรยากาศนี้ไปนานที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เมื่อถามถึงกรณีจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติ 4 กลุ่มเข้ามาในไทยในการผ่อนปรนเฟส 6 จะมีความชัดเจนเมื่อใด นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ศบค.ชุดใหญ่ได้ดูเรื่องนโยบายตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ที่มีการประชุมไปแล้ว ทั้งเรื่องการนำคนต่างด้าวที่จะเข้ามาเป็นแรงงานต่างชาติที่ขออนุมัติกันไว้ โดยกระทรวงแรงงานขอมา และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ขอให้มีเรื่องการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ มีอีลิตการ์ด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้รับอนุมัติจากศบค.ไปแล้ว จะเป็นกิจการกิจกรรมแต่ละรายกิจการกิจกรรมไป และจะเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อพร้อม ถ้ามีคนที่จะเดินทางเข้ามา มีผู้ประกอบการต้องการ มีสถานที่ที่เป็นสถานที่กักตัวพร้อม มีหน่วยงานภาครัฐที่พร้อมเข้าไปดูแล ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้เลย

จับตา‘ระยองโมเดล’

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ตนได้เรียนถามจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ว่าเราจะเรียกว่าเป็นการผ่อนปรนระยะที่ 6 หรือไม่ ก็คงไม่ต้องมาบอกวันเวลา แต่เมื่อพร้อม ก็เปิดกิจการกิจกรรมเหล่านั้นได้เลย ถือเป็นความสำคัญของความพร้อมของพื้นที่ ของผู้ประกอบกิจการและภาคประชาชนที่จะต้องให้ความร่วมมือและมีความเข้าใจ เป็นบทบาทหน้าที่ของกระทรวง เจ้าของเรื่อง และฝ่ายปกครองของพื้นที่ จังหวัด ผู้ว่าฯ สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกับตัวแทนของกระทรวงต่างๆ ที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ ถ้าเห็นว่ามีความพร้อมกันได้ก็เปิดได้เลย ในแต่ละกิจการกิจกรรมที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว ดังนั้นไม่ต้องกำหนดวันเวลา
โฆษกศบค. กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยได้รับเกียรติเรื่องรางวัลต่างๆ ได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลก เพราะเราทุกคนให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดกิจการกิจกรรมใด ขอให้ทุกคนร่วมมือด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญ ภาครัฐ กระทรวงที่ดูแลโปรแกรมต่างๆ รวมถึงพื้นที่ หรือคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด ที่ต้องทำงานกันอย่างเข้มแข็ง เช่น กรณีคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นมีความไม่เรียบร้อย ถ้าภาคของจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ รับรู้และเข้าไปจัดการแก้ไข ร่วมมือกับภาคประชาชน ก็จบตั้งแต่ในพื้นที่เลย

“จากนั้นคือภาคของเอกชนที่จะต้องมาดูแล คล้ายกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนส.ค.นี้ คือที่จ.ระยอง จะมีการผ่อนคลายและเป็นตัวอย่างของงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปั่นจักรยานท่องเที่ยว การเดินวิ่งมาราธอนวิถีใหม่ การแข่งขันจักรยาน มินิคอนเสิร์ตวิถีใหม่ที่อยู่ริมชายหาด ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนส.ค.นี้ ต้องฝากความร่วมมือที่สำคัญ ถ้าทุกคนร่วมมือแล้ว เห็นผลออกมาว่าไม่ได้มีความเสี่ยงในการทำให้เกิดการติดโรค ทุกคนมีระเบียบวินัย มีความร่วมมือ ทำให้เห็นภาพของการสวมหน้ากากอนามัย และมีความสนุกสนานไปด้วย รวมถึงอยู่ในความร่วมมือไปพร้อมกัน จะทำให้จังหวัดอื่นๆ ที่จะมีตามมานั้นเกิดขึ้นได้”

โฆษกศบค. กล่าวว่า ฉะนั้นจุดเริ่มต้นในวันนี้ ไฟกำลังส่องไปที่จ.ระยอง พี่น้องชาวจ.ระยองขอให้ช่วยด้วยทำให้เห็นภาพดังกล่าว หรือแขกของจ.ระยองที่จะเข้าไป ก็ขอให้ช่วยทำให้เรามีกิจกรรมที่ดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนส.ค.นี้ ออกมาอย่างสวยงาม แล้วจังหวัดอื่นๆ จะได้เห็นภาพแล้วทำตาม เพื่อทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน จึงขอฝากความหวังไว้กับประชาชนทุกคน ขอให้ร่วมด้วยช่วยกันหยุดโควิด-19 แต่ไม่หยุดเศรษฐกิจไทย นี่คือสิ่งที่สำคัญ

แจ้งจับคนจัดคอนเสิร์ต‘เจนนี่’

จากกรณีการแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องดัง “เจนนี่-ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” บนเวทีกลาง งานดอกจูดบาน กาชาด และของดีเมืองชะอวด ที่บริเวณหน้าเทศบาลตำบลชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค. โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางที่มีคนนับพันเบียดเสียดกันหน้าเวทีคอนเสิร์ต โดยไม่มีมาตรการนิวนอร์มัล และไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยนั้น

วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.เธียร บาลทิพย์ ผกก.สภ.ชะอวด แจ้งว่า ทางอำเภอชะอวดดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด และแจ้งให้ทางผู้จัดคอนเสิร์ตทราบเพื่อถือปฏิบัติแล้ว และเห็นว่าการจัดคอนเสิร์ต “เจนนี่-ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ในคืนวันที่ 25 ก.ค. เป็นความผิดตามมาตรา 9 และมาตรา 18 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทางนายศิริพงศ์ ศรีพยางค์ นายอำเภอชะอวด จึงมอบหมายให้นายวิเชียร สังขานุ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อเอาตัว ผู้กระทำผิดคือนายไพสันต์ เวทยายงค์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 1 ต.บางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร มาดำเนินคดีแล้ว

“โดยกล่าวหาว่าจัดชุมนุมหรือทำกิจกรรม (แสดงคอนเสิร์ต) สถานที่ใดๆ ในสถานที่แออัดโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง ศบค. เรื่องแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามข้อ 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนในชั้นจับกุมและชั้นพนักงานสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทางคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามกฎหมายแล้ว” พ.ต.อ.เธียรกล่าว

สั่งปิด 3 วัน – นายสมพร ควรคำคง ปลัดอาวุโส อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นำหนังสือคำสั่งจังหวัดมหาสารคามปิดร้านเซ้งพาณิชย์เป็นเวลา 3 วัน หลังไม่เข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ปล่อยศิลปินที่เล่นคอนเสิร์ตใกล้ชิดผู้ชม เมื่อวันที่ 31 ก.ค.

‘สารคาม’ปิดผับดังฝืนมาตรการ

วันเดียวกัน นายสมพร ควรคำคง ปลัดอาวุโสอำเภอกันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และสาธารณสุขอำเภอกันทรวิชัย นำหนังสือสั่งปิดร้านเซ้งพาณิชย์ เป็นการชั่วคราว 3 วัน ตามคำสั่งจังหวัดมหาสารคาม ที่ 2202/2563 ลงวันที่ 30 ก.ค. 2563 เพื่อให้สถานประกอบการ ได้ปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามที่ทางราชการกำหนด สืบเนื่องจากปรากฏภาพทางสื่อออนไลน์ กรณีมีการแชร์ภาพการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินโบกี้ไลอ้อน
จากกรณี น.ส.พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ เข้าไปที่สถานบันเทิงในพื้นที่ จ.มหาสารคาม จากภาพถ่ายพบว่าลูกค้าที่เข้าใช้บริการมีความหนาแน่น แออัด ยืนเบียดเสียดกัน ไม่มีการเว้นระยะห่าง และไม่สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย เพื่อร่วมถ่ายภาพกับศิลปินเมื่อมีการแสดงคอนเสิร์ตเสร็จ
จากการสอบถามเจ้าของสถานประกอบยอมรับในความบกพร่อง และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นที่ไม่สามารถจัดระเบียบลูกค้าภายในร้าน โดยทางร้านพร้อมจะปรับปรุงแก้ไข และปฏิบัติตามคำสั่งของทางราชการ

ทั้งนี้สถานที่ที่จ.มหาสารคาม มีคำสั่งปิดชั่วคราว เป็นคนละสถานที่กับกรณีที่ศิลปิน นักร้องฉีกฉากกั้นพลาสติกซึ่งเกิดขึ้นในสถานที่อื่น

อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจ.มหาสารคาม ยังคงมาตรการเข้ม ล่าสุดออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมหาสารคาม ฉบับที่ 14/2563 เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 โดยให้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมหลัก ประกอบด้วย คือ 1.ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังการให้บริการ รวมถึงห้องสุขา และให้กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน 2.ให้ผู้ประกอบการ พนักงานบริการ ผู้ใช้บริการ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมหน้ากาก อนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา 3.ให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่เพียงพอ 4.ให้เว้นระยะนั่งหรือยืนในพื้นที่โดยรอบห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร 5.ให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด โดยการแสดงนาฏศิลป์ ดนตรี คอนเสิร์ต หมอลำ รถแห่/ขบวนแห่ ให้งดเว้นกิจกรรมส่งเสริมการขายหรือการดำเนินการอื่นใดที่เปิดโอกาสให้ผู้คนมาชุมนุมกันหนาแน่น และอาจเกิดภาวะไร้ระเบียบได้ 6.ให้เจ้าของสถานที่ หรือผู้เช่าสถานที่ หรือผู้ประกอบกิจการ หรือผู้จัดกิจกรรม ลงทะเบียนและยืนยันการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด และให้ควบคุมทางเข้าและออก จัดระบบคิวตามรอบงาน และลงทะเบียนก่อนเข้า และออกจากสถานที่ รวมถึงบริเวณพื้นที่จัดงาน และพิจารณาใช้ระบบเทคโนโลยีรองรับสำหรับการ จัดนิทรรศการ การแสดงสินค้าแบบออนไลน์ และเพิ่มมาตรการใช้แอพพลิเคชั่นที่ทางราชการกำหนด

‘องค์การค้า’จ่ายเงินเดือน 75%

วันเดียวกัน นายธน สมศรี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ในฐานะโฆษก สกสค. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์ การค้า ที่มีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติจ้างลูกจ้างชั่วคราวกว่า 200 คน เพื่อให้มาขับเคลื่อนงานตามแผนฟื้นฟูองค์การค้าที่นายอดุลย์ บุสสา ผอ.องค์การค้าเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งการจ้างงานครั้งนี้เป็นการจ้างพนักงานเก่าทั้งหมด โดยจะจ้างในอัตราเงินเดือนใหม่ที่องค์การค้ามีกำลังและไม่ขาดทุน เพื่อให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้ และจะจ้างระยะสั้นเป็นเวลา 90 วัน เพื่อให้มีพนักงานช่วยประคองรักษาองค์กรช่วงรอยต่อเท่านั้น
นายธนพรกล่าวต่อว่า แต่หลังจากนี้องค์การค้าจะประชาสัมพันธ์รับสมัครลูกจ้างใหม่ ซึ่งตนขอเชิญชวนทุกคนมาสมัครเป็นพนักงาน และขอให้ความมั่นใจว่าองค์การค้าไม่ได้ล้ม สามารถสู้อย่างเข้มแข็งเพื่อให้องค์กรมีกำไร ส่วนการจ่ายฐานเงินเดือนจะจ่ายตามฐานความจริง เช่นผ่านมาองค์การค้าเคยจ่ายค่าจ้างในตำแหน่งพนักงานเก็บเงินร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ 40,000 บาทต่อเดือน แต่การจ้างงานในอัตราใหม่จะจ้างในจำนวน 17,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติจ่ายเงินชดเชยก้อนแรกให้ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง 961 คน เป็นเงินกว่า 400 ล้านบาท รวมทั้งมีมติปิดร้านศึกษาภัณฑ์อุตรดิตถ์ เนื่องจากมีผลประกอบการขาดทุน

รองเลขาธิการ สกสค. กล่าวต่อว่า องค์การค้ามีมติจ่ายเงินเดือนเดือนมิ.ย.ของพนักงานองค์การค้า สืบเนื่องจากผู้บริหารชุดเดิมให้พนักงานหยุดงานโดยไม่นับเป็นวันลา และจ่ายเงินเดือนให้พนักงานจำนวน 75% ไปแล้วเมื่อเดือนเม.ย. และพ.ค. ส่วนเงินเดือนมิ.ย.นั้น ให้ไปรับกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดของโควิด-19 เข้ามา กฎกระทรวงแรงงาน กำหนดการได้รับประโยชน์ทดแทนจากการว่างงาน จากเหตุ สุดวิสัยอันเกิดจากโรคระบาดของโรคติดต่ออันตราย ว่าให้ลูกจ้างที่ไม่ได้รับค่าจ้างไปติดต่อรับสิทธิกับสปส.แทน กรณีว่างงานในอัตรา 62% แทน องค์การค้าจึงให้พนักงานไปรับเงินเดือนมิ.ย. กับ สปส.

“แต่เร็วๆ นี้ สปส.ตอบกลับทางองค์การค้าว่าไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้พนักงานองค์การค้าได้ เนื่องจากองค์การค้าจ่ายเงินเดือนให้พนักงานจำนวน 75% เป็นเวลา 2 เดือนแล้ว สปส.เห็นว่าองค์การค้าต้องปฏิบัติตามเดิมเหมือนที่เคยทำมาคือจ่ายเงินเดือนมิ.ย.ให้พนักงานจำนวน 75% ซึ่งองค์การค้าน้อมรับและพร้อมที่จะทำตามที่สปส.แนะนำ โดยจะจ่ายนำเงินที่มีอยู่ จ่ายเป็นเงินเดือนมิ.ย. ให้พนักงานทุกคนภายใน 2-3 วันนี้ ดังนั้น เรื่องนี้ถือว่าไม่มีการติดค้างอะไรกันเเล้ว” นาย ธนพรกล่าว
นายธนพรกล่าวต่อว่า ที่ประชุมหารือถึงแนวทางทำธุรกิจให้ขององค์การค้า ตามแผนฟื้นฟูองค์การค้า ที่ผู้อำนวยการองค์การค้าเสนอ คือการปรับโมเดลธุรกิจเป็น E-Learning ซึ่งจะใช้คู่ขนานกับตำราเรียนที่องค์การค้าจัดพิมพ์ ซึ่งโมเดลจะเร่งทดลองทำในเร็วนี้ เพื่อให้องค์การค้ามีสินค้าที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีโลกปัจจุบัน

กทม.เตรียมพร้อมผ่อนปรนเพิ่ม

วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการกทม. พล.ต.ท. โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 16 ว่า ที่ประชุมพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายสถานที่ต่างๆ เพิ่มเติม หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่กรุงเทพฯกว่า 70 วัน

พล.ต.ท.โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีเกิดการระบาดระลอก 2 ในหลายประเทศนั้น รัฐบาลและศบค.จะจัดให้มีการฝึกเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดร่วมฝึก โดยจำลองสถานการณ์ เพื่อเตรียมความ พร้อมรับมือ ในประเด็นการตอบสนองต่อสถานการณ์ตามแผนของหน่วยงาน/จังหวัด การจัดสรรทรัพยากรในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การแบ่งมอบหน้าที่ตามความรับผิดชอบ และการร้องขอการสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มเติม รวมทั้งในระยะต่อไปคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการผ่อนปรนเปิดสถานที่และกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติม อาทิ บ้านบอล บ้านลม สนามชนไก่ ชนโค เมื่อรัฐบาลออกประกาศและมาตรการควบคุมหลักเพิ่มเติมแล้ว กทม.จะออกประกาศและมาตรการควบคุมเสริมจากมาตรการหลักทันที
“นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนและขั้นตอนการให้บริการอบรม ฝึกวิชาชีพ การเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง และการนำผู้ต้องขังมาปฏิบัติงานภายนอกของกรมราชทัณฑ์ อาทิ การเว้นระยะห่างในสถานที่ฝึกอบรม วิทยากรต้องใส่อุปกรณ์ป้องกัน และคัดกรองก่อนทุกครั้ง ผู้ที่ต้องการเยี่ยมผู้ต้องขังต้องลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะทุกคน และผู้ต้องขังซึ่งต้องออกไปทำงานนอกเรือนจำต้องผ่านการตรวจคัดกรอง การแยกภาชนะรับประทานอาหาร ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง และทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ได้ปฏิบัติตามมาตรการของหน่วยงานราชการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด อย่างต่อเนื่อง” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน