พบไทยติดเชื้อเพิ่ม 2 บินกลับจากสหรัฐ ยอดป่วยสะสม 3,330 คน ขณะที่ ทั่วโลกยอดติดเชื้อพุ่งเกิน 19 ล้านคนแล้ว ด้านชาวบ้านสุราษฎร์ฯกว่า 100 คนฮือประท้วงหน้าโรงแรมดังกลางเมือง คัดค้านใช้โรงแรมเป็นที่กักตัวของลูกเรือชาวไทย 11 ที่มาจากต่างประเทศ จนท.ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุขอำเภอเร่งทำความเข้าใจ ขณะที่ตัวแทนโรงแรมยืนยันไม่ให้ใช้เป็นที่กักตัว ทำให้ชาวบ้านยอมสลายตัว ส่วนที่สงขลา เสนอปิดด่านสะเดาอีกครั้ง หลังในรัฐเคดาห์ ของมาเลเซียพบติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น

ติดเชื้อเพิ่ม 2 คนกลับจากสหรัฐ

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันผ่าน เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 ว่า วันนี้มี ผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ หรือสเตต ควอรันทีน รักษาหายเพิ่มขึ้น 4 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,330 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย จากสถานที่กักกัน 393 ราย หายป่วยรวม 3,148 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในร.พ. 124 ราย และเสียชีวิตรวม 58 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกาทั้ง 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 42 ปี และหญิงไทย อายุ 62 ปี เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 31 ก.ค. เข้าพักสเตต ควอรันทีน ที่จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 4 ส.ค. ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 รายจากเที่ยวบินเดียวกัน
ทั้งนี้ คนที่กลับมาจากสหรัฐอเมริกามีจำนวน 4,739 ราย พบการติดเชื้อ 37 ราย คิดเป็นอัตรา 9.41%

ทั่วโลกป่วยโควิดพุ่ง 19 ล้าน

วันเดียวกัน เวลา 21.00 น. เวิลด์โอมิเตอร์ส เว็บไซต์รวบรวมสถิติในสหรัฐอเมริกา รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ว่า ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 19,026,638 คน เสียชีวิต 712,212 ราย และรักษาหายแล้ว 12,210,428 คน

โดยสหรัฐเมริกามีผู้ป่วยสะสมมากที่สุดของโลก จำนวน 4,975,284 คน เสียชีวิต 161,578 ราย ขณะที่บราซิลมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ 2,862,761 เสียชีวิต 97,418 ราย อินเดียพบผู้ป่วยสะสม 1,977,972 คน เสียชีวิตแล้ว 40,888 ราย รัสเซียมีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 871,894 คน เสียชีวิต 14,606 ราย แอฟริกาใต้พบผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 529,877 คน เสียชีวิตแล้ว 9,298 ราย
ขณะที่เม็กซิโก ติดเชื้อใหม่วันเดียว 6,139 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 456,100 คน และมี ผู้เสียชีวิตวันเดียวถึง 829 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 49,698 ราย

ศธ.ให้ผู้ว่าฯเคาะร.ร.เปิด 100%

วันเดียวกัน นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) หารือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เพื่อจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอต่อศบค.ขอเปิดเรียน 100% โดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ จะเสนอเรื่อง ดังกล่าวให้ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาในวันที่ 7 ส.ค. ในส่วนของสพฐ.เสนอให้โรงเรียนที่มีความพร้อมกว่า 4,500 แห่งเปิดเรียน 100% โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และถ้าศบค.อนุมัติตามที่ศธ.เสนอไป สพฐ.จะแจ้งไปยังโรงเรียนทุกแห่ง เพื่อให้โรงเรียนทำเรื่องขออนุญาตจากผู้ว่าฯ ในฐานะประธานศบค.จังหวัด เพื่อพิจารณากำหนดวันที่จะให้นักเรียนมาเรียน 100% ในโรงเรียนได้

ผลสำรวจพบป้องกันโควิดได้ดี

วันเดียวกัน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพช่วงโรคโควิด-19 ตามแนววิถีชีวิตใหม่ทำได้โดยใช้หลัก 3 อ 2 ส คือ 1.อาหาร กินแบบปรุงสุกใหม่ หลากหลาย มีผักและผลไม้ เลี่ยงอาหารรสจัด และไขมันสูง ล้างมือก่อนรับประทาน 2.ออกกำลังกาย เช่น ไม่ควรสวมหน้ากากขณะออกกำลังกาย เว้นระยะห่างจากผู้อื่นขณะออกกำลังกาย 2 เมตร รักษาความสะอาดอุปกรณ์กีฬาและของใช้ส่วนตัว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน 3.อารมณ์ เข้าใจสถานการณ์ตามความเป็นจริง มีเวลาพักผ่อน ฟื้นฟูสุขภาพ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใช้ชีวิตไม่เครียด 4.งดสูบบุหรี่ และ 5.งดดื่มสุรา
ด้านนายชาญยุทธ พรหมประพัฒน์ ผอ.กองสุขศึกษา สบส. กล่าวว่า จากการสำรวจการเฝ้าระวังสถานการณ์พฤติกรรมสุขภาพ 3 อ 2 ส แนววิถีชีวิตใหม่ของประชาชน ระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.-3 ก.ค. 2563 จำนวน 473 คน พบว่า ระดับพฤติกรรมสุขภาพ 3 อ 2 ส อยู่ในระดับดี พฤติกรรมที่ปฏิบัติได้ดีสูงสุด 3 อันดับแรก คือเข้าใจสถานการณ์ตามความเป็นจริง มองเห็นโอกาสดีที่เกิดขึ้น เช่น มีเวลาพักผ่อน ฟื้นฟูสุขภาพ ได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ร้อยละ 100 รองลงมาคือเลือกซื้ออาหารสด สะอาด และล้างทำความสะอาดก่อนนำมาปรุงอาหารทุกครั้งร้อยละ 98.9 และใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ไม่เครียด ร้อยละ 98.5

ส่วนพฤติกรรมที่ประชาชนปฏิบัติได้ไม่ถูกต้อง 3 อันดับแรก คือสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ขณะออกกำลังกาย มีผู้ปฏิบัติร้อยละ 41.4 รองลงมา คือร่วมสังสรรค์ ดื่มสุรา มีผู้ปฏิบัติร้อยละ 19 และหลังออกกำลังกาย เมื่อกลับถึงบ้านไม่อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที มีผู้ปฏิบัติร้อยละ14 ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนดูแลตัวเอง ไม่ควรสวมหน้ากาก ขณะออกกำลังกาย ไม่สังสรรค์ด้วยการดื่มสุราร่วมกัน เพราะมีความใกล้ชิด และอาจใช้แก้วเดียวกันในการดื่ม รวมถึงเมื่อถึงบ้านควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคของท่านและครอบครัว

ค้านกักตัว – ชาวบ้านนับร้อยคนรวมตัวหน้าโรงแรมซีทาวน์เวอร์ จ.สุราษฎร์ธานี คัดค้านใช้เป็นสถานที่กักตัวลูกเรือชาวไทย 11 คน มากับเรือสินค้าต่างประเทศ เจ้าหน้าที่และโรงแรมรุดเจรจาก่อนยอมทำตามข้อเรียกร้อง เมื่อ 6 ส.ค.

สุราษฎร์ค้านใช้โรงแรมกักตัว

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.30 น. ที่บริเวณหน้าโรงแรมซีทาวน์เวอร์ หมู่ 10 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ผู้นำหมู่บ้าน พร้อมชาวบ้าน และครู นักเรียนโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา 2 โรงเรียนชุมชนวัดสุนทรนิวาส ต.วัดประดู่ ประมาณ 100 คน รวมตัวเรียกร้องไม่ให้โรงแรมซีทาวน์เวอร์ เป็นสถานที่กักตัวลูกเรือชาวไทยจำนวน 11 คนของเรือสินค้าที่เดินทางมาจากต่างประเทศในวันที่ 8 ส.ค.นี้ เพื่อเป็นการป้องกันโรค โควิด-19
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมสาธารณสุขอำเภอ เเละเทศบาลตำบลวัดประดู่ มาชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวบ้านดังกล่าว พร้อมรับปากจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม โดยตัวแทนโรงแรมยืนยันจะปฏิเสธรับลูกเรือทั้ง 11 คน ไม่ให้มีการกักตัวในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านพอใจและ แยกย้ายกันกลับ

สธ.แจงทหารอเมริกันไม่กักตัว

วันเดียวกัน นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผอ.สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวทหารอเมริกันไม่ได้กักตัวในอัลเทอร์เนทีฟ สเตต ควอรันทีนนั้นว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนและทีมของกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ไปตรวจสอบโรงแรมที่ทหารอเมริกันเข้าพัก เบื้องต้นพบว่าโรงแรมมีการจัดระบบที่ดี มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้า และติดตั้งกล้องวงจรปิด จากการดูกล้องวงจรปิดช่วงเวลา 14.00-15.00 น. วันที่ 5 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ตนและทีมลงพื้นที่โรงแรมดังกล่าว ไม่พบว่ามีการฝ่าฝืนมาตรการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทหารอเมริกันที่เดินทางเข้ามานั้น เข้าพักใน อัลเทอร์เนทีฟ สเตตควอรันทีน ดังนั้นผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลจะเป็นกระทรวงกลาโหม

“อย่างไรก็ตาม หากมีข้อมูลการฝ่าฝืน คำสั่งก็สามารถแจ้งมาได้ แต่อยากขอย้ำประชาชนว่า อย่าเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือข่าวปลอม เนื่องจากจะมีความผิด ทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และพ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ” นพ.เอนกกล่าว

เมื่อถามถึงการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นติดตามตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ นพ.เอนกกล่าวว่า กรณีทหารอเมริกันนั้นเข้าพักในอัลเทอร์เนทีฟ สเตตควอรันทีน จึงต้องสอบถามกับกระทรวงกลาโหมที่เป็นผู้ดูแล

สงขลาเตรียมปิด‘ด่านสะเดา’อีก

รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสะเดา จ.สงขลาเปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ตรงข้ามด่านสะเดา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระบาดเข้ามายังฝั่งสะเดา เนื่องจากมีคนไทยเดินทางผ่านรัฐเคดาห์เข้าประเทศไทยทางด่านสะเดาวันละ 20 คน จึงเห็นสมควรปิดด่านสะเดาชั่วคราว จึงเสนอความเห็นไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.สงขลาแล้ว

รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจ.สงขลามีการประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอของท้องถิ่นแล้ว และเสนอความเห็นไปยังศบค.ชุดใหญ่ตัดสินว่าจะปิดหรือไม่ปิด โดยต้องมีการพิจารณาข้อมูลรอบด้าน

ด้านนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าฯสงขลากล่าวว่า คณะกรรมการฯเสนอความเห็นไปยังศบค.ไปแล้ว เพื่อให้ศบค.เป็นผู้เคาะ แต่เบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านสะเดาเพิ่มมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ายังประเทศไทย มีความเข้มข้นมากขึ้น

ชี้แค่‘ไทย-กีวี’ยังไม่ระบาดรอบ 2

วันเดียวกัน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงการระบาดระลอก 2 ของโรคโควิด-19 ว่า ในประเทศที่ควบคุมการระบาดได้ดี ก็ไม่พ้นการระบาดในรอบ 2 หรือ 3 แม้จะเป็นประเทศที่มีความพร้อม เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย เวียดนาม เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะควบคุมให้กลับมาเหมือนเดิม โดยเวียดนามเป็นตัวอย่างที่ดี กว่าจะรู้ว่ามีผู้ป่วย ผู้ป่วยที่พบเป็นผู้ที่มีอาการมากได้เข้าโรงพยาบาล แสดงว่ามีผู้ติดเชื้อและไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยอีกจำนวนมาก และผู้ที่เข้าในโรงพยาบาลยังไปแพร่เชื้อในโรงพยาบาลอีก

ศ.นพ.ยงระบุอีกว่า คงยังเหลือประเทศไทยกับนิวซีแลนด์ที่ยังดูแลไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นใหม่ การพบผู้ป่วยในประเทศไทยยังพบเกือบทุกวัน ในสถานที่ควบคุมผู้กลับจากต่างประเทศ ประมาณกันว่า ผู้กลับจากต่างประเทศ 200 คน จะตรวจพบเชื้อ 1 คน หรือ 0.5% (การตรวจพบ 384 คนในจำนวนผู้เข้ากักกัน 67,106 คน) นับว่าเป็นจำนวนไม่น้อย แสดงว่าโรคนี้ในต่างประเทศมีการระบาดมากจริงๆ ขนาดมีการคัดกรองก่อนเดินทางแล้ว ดังนั้นมาตรการในการกักกัน ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ จึงมีความสำคัญมาก ในการป้องกันการระบาด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน