แจงเหตุตั้ง‘ดอน-นฤมล’ แฉอนุฯงบรีดเงินอธิบดี

‘บิ๊กตู่’ เมินฟีดแบ็กถล่มรัฐมนตรีป้ายแดง แจงตั้ง‘ดอน’ควบรองนายกฯ เพิ่ม‘นฤมล’ เป็นรมช.แรงงาน อัพเกรดดูเรื่องเศรษฐกิจ ‘ณัฏฐพล’ เชื่อ พปชร.ไร้อาฟเตอร์ช็อก เพื่อไทยเย้ยครม.ปะผุเห็นแล้วพะอืดพะอม ‘เฉลิม’ ออกแถลงการณ์ 3 ข้อฝ่าวิกฤตรธน. ‘ปิยบุตร’ ชงโละทิ้งมาตรา 279 สืบทอดอำนาจ คสช. กับ 250 ส.ว. ‘พีระศักดิ์’ ยันส.ว.ไม่หวงอำนาจ แฉกลางวงประชุม อนุกมธ.ในกมธ.งบ 64 ตั้งแก๊ง ตบทรัพย์ เรียกเงินอธิบดี 5-10 ล้าน แลกผ่านงบหน่วยงาน

‘บิ๊กตู่’ขอทุกคนช่วยสร้างปท.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดร้านกาแฟ APCD 60+Plus Bakery & Chocolate Cafe ซึ่งเป็นร้านต้นแบบธุรกิจของคนพิการที่มีคนพิการทุกประเภททำงานร่วมกัน ตั้งอยู่ด้านหลังตึกนารีสโมสร ในงานมี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรองเลขาธิการ นายกฯ กลุ่มสี่กุมาร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาร่วมเสิร์ฟโกโก้ให้นายกฯด้วย

จิบกาแฟ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชิมกาแฟที่ชงโดยผู้พิการ ระหว่างเป็นประธานเปิดร้าน APCD 60+Plus Bakery & Chocolate Cafe ร้านต้นแบบธุรกิจของผู้พิการ ด้านหลังตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ส.ค.

 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดร้านว่า ยืนยันนโยบายรัฐบาลดูแลด้านอาชีพและรายได้ให้กับคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส วันนี้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นเยอะ ส่วนสิ่งไม่ดีแก้ไขกันไป ขอทุกคนช่วยกันนำพาประเทศไทย โดยเฉพาะโลกหลังโควิด-19 รัฐบาลนิวนอร์มัล ขอให้เป็นผลสำเร็จร่วมกัน ทั้ง

รัฐบาลและ ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เราต้องร่วมมือกันสร้างประเทศ ช่วยกันสร้างสะสมความดีต่อไปเรื่อยๆ พร้อมสร้างหลักคิด ส่วนเรื่องอื่นๆ เบาๆกันบ้าง วันนี้ยังไม่ใช่เวลา

แจงตั้ง‘ดอน’ควบรองนายกฯ

สำหรับการโปรดเกล้าฯครม.ประยุทธ์ 2/2 รวม 7 คนคือ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศควบ

รองนายกฯ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน นายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งมีเสียงวิจารณ์ตามมานั้น

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการมอบให้นายดอน ควบรองนายกฯ อีกตำแหน่งว่า วันนี้เราต้องการอัพเกรดให้กระทรวงการต่างประเทศ สามารถดำเนินการในเรื่องธุรกิจ เศรษฐกิจไปด้วย เพราะสังเกตว่าเวลาทูตต่างประเทศเข้ามา เขาจะไม่พูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเดียว แต่จะพูดถึงโครงการต่างๆ ที่จะร่วมมือกับเรา จึงคิดว่าบางอย่างจะมอบให้นายดอน มาช่วย และในการเดินทางไป

ต่างประเทศของนายดอน จะเหมือนเป็นตัวแทนของตนในการพูดคุยเจรจา โดยเอาหลักการ กฎหมายและกฎกติกา ทั้ง ของบีโอไอ หรือ อีอีซี ไปประชาสัมพันธ์ด้วย

ในวันข้างหน้าคิดว่าเอกอัครราชทูต กงสุล ผู้แทนทางการค้าของเราจะต้องเร่งรัดเรื่องเหล่านี้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 รวมทั้งความยั่งยืนในอนาคต เพราะทุกอย่างเป็นโครงการที่ใหญ่พอ

สมควร และจะออกมาเรื่อยๆ วันข้างหน้าการตกงานจะลดลง แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรใหม่เลย จะอยู่ในที่เก่า เราต้องแก้ปัญหาในรูปแบบใหม่ แก้ปัญหาทั้งระบบ แต่อาจต้องใช้เวลาบ้าง

เหตุเพิ่มรมช.รง.-ป้องรมต.ป้ายแดง

ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลตั้งรมช.แรงงาน ที่มีนางนฤล นั่งเก้าอี้ ซึ่งในครม.ประยุทธ์ 2/1 ไม่มี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้กระทรวงแรงงาน (รง.) เป็นกระทรวงเศรษฐกิจอีกกระทรวงหนึ่ง เพราะเรามีการจ้างงานจำนวนมาก จึงต้องมีคำตอบ การมีงานทำมากขึ้น ข้อมูลต่างๆ มีเยอะมาก สิ่งสำคัญอยากให้มีคนไทยได้ทำงานบางประเภทบ้าง อัพเกรดตัวเองให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้า ไม่ใช่อยู่เฉพาะแรงงานที่หลายคนไม่อยากทำ วันนี้รัฐบาลเปิดโครงการการจ้างงานมากขึ้น ขอร้องว่าอย่าเลือกงานมากนัก ขอให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเสียงฟีดแบ็กจากภาคธุรกิจและเอกชน นายกฯ พร้อมรับฟังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คุยกันอยู่แล้ว สื่อไม่รู้หรือว่าเราคุยกันอยู่แล้ว คณะที่ปรึกษานายกฯด้านเศรษฐกิจ เขาก็คุยอยู่ ฟังเขาทุกวันอยู่แล้ว ต่อข้อถามว่ามีฟีดแบ็กต่อรัฐมนตรีบางคนว่าชื่อยังไม่ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ที่บอกว่าบางคน มันมีกี่คน กี่คนที่ชอบและกี่คนที่ไม่ชอบ แล้วจะทำอย่างไรให้คนที่ชอบและไม่ชอบ เข้าใจว่าเราจะทำงานอย่างไร ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา มันอยู่ที่ ครม. อยู่ที่นายกฯว่าจะดำเนินนโยบายเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจในวันข้างหน้า เรื่องนี้ตนพูดคุยกับเขามาตลอด มีที่ปรึกษาเยอะไปหมด สมาคมต่างๆ ไปพบมาหมดแล้ว แต่มีบางคนที่เดือดร้อน ต้องการเร็วและต้องการได้ แต่อย่าลืมว่าจะต้องนึกถึงคนอื่นอีกหลายพวก ทำอย่างไรถึงจะเกิดความเป็นธรรม

ตั้งความหวังครม.ใหม่เหมือนเดิม

ต่อข้อถามว่าก่อนหน้านี้นายกฯ เคยระบุว่าจะตั้งทีมเศรษฐกิจมาร่วมงาน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่ต้องคิด กำลังร่างอยู่ ส่วนจะเสร็จเมื่อไรก็เห็นเมื่อนั้น ขอให้รอ ครม.ใหม่ทำครบขั้นตอนก่อน ขอร้องสื่ออย่าถามเรื่องนี้อีกเลย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนที่จะต้องเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ต้องถามมาก ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งความหวังกับครม.ใหม่อย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเน้นเสียงว่า เหมือนเดิม

เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าจะแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกฯเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังหาอยู่ สื่อมีใครเสนอขึ้นมาบ้าง ช่วยหามาและเสนอมาให้ตน จะถูกใจหรือไม่ถูกใจ ก็เป็นเรื่องที่ตนตัดสินใจเอง สื่ออยากได้ใครก็เสนอขึ้นมา

ส่วนที่มีข่าวนายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรมว.ศึกษาธิการเป็นแคนดิเดตนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็มีชื่อมาหลายคนเหมือนกัน แล้วสื่อเลือกใคร ผู้สื่อข่าวระบุว่าขึ้นอยู่กับนายกฯตัดสินใจ พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า นั่นไง พอดี ก็ไม่ชม พอไม่ดี นายกฯรับผิดชอบ มันเป็นแบบนี้แหละ

พปชร.แข่งดันคนนั่งโฆษกรัฐ

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ในพรรคมีความพยามเสนอรายชื่อบุคคลมานั่งตำแหน่งโฆษกรัฐบาล เบื้องต้นมี 2 รายชื่อ ที่เตรียมเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณา เป็นอดีตลูกหม้อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทั้งคู่ คือ นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรมว.ศึกษาธิการ ภายใต้การผลักดันของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และนายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เป็นผู้ผลักดัน

นายทศพลให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมรับหน้าที่โฆษกรัฐบาล ที่ผ่านมาทำงานให้พรรคมาตลอด ทำหน้าที่ประธานฝ่ายกฎหมายของพรรค และปัจจุบันยังเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนในอดีต เคยเป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และยังเป็นทนายมาหลายสิบปี เชื่อมั่นว่ามีวาทศิลป์ในการพูดเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว จึงพร้อมทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล และมั่นใจว่าจะทำหน้าที่ได้

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การเสนอชื่อนายอนุชา เป็นโฆษกรัฐบาลนั้น ไม่น่าจะเป็นข้อเท็จจริง เพราะเคยเป็น ส.ส.ที่สอบตกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ และเคยเห็นนายอนุชาพูดคล้ายๆ คนติดอ่าง จึงไม่เหมาะสมมานั่งในตำแหน่งนี้ เมื่อถามว่านายทศพลเหมาะสมหรือไม่ น.ส.ปารีณากล่าวว่า ไม่ทราบว่านายทศพล ถูกเสนอชื่อหรือไม่ แต่ที่รู้จักกับนายทศพล ก็มองว่าเหมาะสม มีความพร้อมทำหน้าที่เพราะเป็นนักกฎหมาย มีความรอบรู้ทางกฎหมายด้วย แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกฯ

‘ณัฏฐพล’ปัดเสนอชื่อ‘อนุชา’

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงข่าวเป็นคนผลักดันนายอนุชา เป็นโฆษกรัฐบาลว่า ไม่ใช่ตนผลักดัน นายอนุชาเป็นเลขาฯ ของตน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนความเหมาะสมเป็นโฆษกรัฐบาล แล้วแต่นายกฯ ซึ่งคงพิจารณาจากหลายคน ไม่ใช่เพราะจากตนผลักดัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เสนอชื่อนายอนุชาไปหรือไม่ นายณัฏฐพลกล่าวว่า ไม่ได้เสนอ แต่มีการถามมาว่าหากนายอนุชา จะเป็นโฆษกรัฐบาล ทำได้หรือไม่ ก็บอกว่าจากประสบ การณ์การทำงาน อีกทั้งขณะนี้

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ คนที่มีความสามารถในการอธิบาย น่าจะเหมาะสม รวมถึงการบริหารจัดการการประชาสัมพันธ์ของทั้งรัฐบาล และของทุกกระทรวงรวมกัน

เชื่อไม่มีอาฟเตอร์ช็อก

นายณัฏฐพลกล่าวถึงกรณีที่อาจมีอาฟเตอร์ช็อกภายในพรรคพลังประชารัฐ หลังการปรับครม.ว่า ทุกคนย่อมมีความคาดหวัง เมื่อวันนี้ทุกคนเห็นรายชื่อครม.ใหม่ ต้องมีบางคนในพรรคอาจมีข้อกังวลบ้าง แต่มั่นใจว่านักการเมืองทุกคนน่าจะมีความเข้าใจในระดับหนึ่ง มีความคุ้นเคยอยู่แล้วกับความสำเร็จและความไม่สำเร็จในหลายๆ เรื่อง และเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“ถ้าคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ คิดว่าอาฟเตอร์ช็อกน่าจะเบาลงมาก เพราะทีมเศรษฐกิจที่เข้ามา เราต้องให้โอกาสทำงาน แม้ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ เศรษฐกิจ และการบริหารมาก่อนหน้านี้ และทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของนายกฯที่คำนำถึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก” นายณัฏฐพลกล่าว

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วไม่น่าจะมีอะไร ส่วนข้อกังวลถึงปัญหาในสภา คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะตอนนี้เสียงเราเกินมา 40-50 เสียงแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร เพราะในทางการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่อไม่ได้ตำแหน่งตรงนี้ก็ไปดูสัดส่วนเรื่องอื่น เช่น กมธ.ชดเชยกันได้ จึงไม่อยากให้ไปดำเนินการอะไรที่จะส่งผลกับพรรคได้

‘เทพไท’เซอร์ไพรส์ 2 ตำแหน่ง

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโฉมหน้าครม.ใหม่ว่า ยอมรับว่าไม่รู้จักนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน กับนายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง ถือเป็นบุคคลหน้าใหม่ทางการเมือง ส่วนคนอื่นๆ คุ้นเคยกันในฐานะนักการเมืองใน 7 คน รู้สึกแปลกใจหรือเซอร์ไพรส์อยู่ 2 ตำแหน่ง คือตำแหน่งของนายดอน ที่มีกระแสข่าวเรื่องสุขภาพ ถอดใจจะลาออกบ้าง กลับได้ควบรองนายกฯ อีกตำแหน่งหนึ่ง กับนายสุพัฒนพงษ์ ที่ควบรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เคยเห็นแต่รมว.คลัง ควบรองนายกฯ เพื่อทำหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเท่านั้น

พท.เย้ยครม.ปะผุ-ชวนอ้วก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รายชื่อครม.ที่ประกาศออกมาประชาชนเห็นแล้วรู้สึกพะอืดพะอม ไม่ยินดียินร้าย เอาที่พล.อ.ประยุทธ์สบายใจเลย ตอนทาบทามคงพยายามชวนคนอย่างเต็มที่แล้ว แต่เมื่อชวนคนนอกแล้วเขาไม่มาเลยจำเป็นต้องหมุนวนเหล้าเก่าในขวดใหม่ตามสภาพ คล้ายปรับครม.แบบปะผุ ผู้เล่นร่วมทีมร่อยหรอ ตัวเลือกมีจำนวนจำกัด

ส่วนใหญ่ต้นทุนทางสังคมต่ำ ประชาชนคาดหวังอะไรไม่ได้ แถมยังต้องมาถูกข่มขู่ระวังอาฟเตอร์ช็อก เตรียมเจาะยาง จากพวกเดียวกันเองอีก ขนาดคนในทีมเดียวกันยังไม่เชื่อมั่นเลย แล้วจะให้ประชาชนไปเชื่อมั่นได้อย่างไร

ทีมเศรษฐกิจจะประสบความสำเร็จไปไม่ได้ถ้าตราบใดที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนหัวหน้าทีม จะเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้อย่างไร เตรียมตัวนับถอยหลังรัฐบาลประยุทธ์ นับเพิ่มจำนวนกุมารที่จะต้องระเห็จออกไปนอกครม.ต่อจากทีม 4 กุมาร เป็น 5 กุมาร 6 กุมารตามกันไป สุดท้ายประเทศชาติและประชาชนไม่ได้ประโยชน์ 6 ปีแล้วที่คนไทยไม่มีปาก ไม่มีเสียง จะปรับครม.อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะมีผลการทำงานที่ดีได้ เมื่อผู้นำยังโอลด์นอร์มัล ไม่เปลี่ยนแปลง

‘เฉลิม’ออกแถลงการณ์ฝ่าวิกฤตรธน.

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ เสนอทางออกประเทศไทย ระบุว่า ชัดเจนว่าวิกฤตรัฐธรรมนูญและวิกฤตทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก จึงขอเสนอให้ 1.ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ทันที 2.ให้นํารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้บังคับชั่วคราวทันที 3.นายกฯ ต้องประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน โดยเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2540

จากนั้นจึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ถาวรต่อไป เพื่อให้เป็นรูปธรรม ปฏิบัติได้จริงตนจะเสนอให้สมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาเห็นชอบใน 3 ข้อดังกล่าว โดยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2563 จะมีเพียง 3 มาตราดังกล่าวเท่านั้น ไม่มีเนื้อความยุ่งยากใดๆ พิจารณา 3 วันก็เสร็จ จากนั้นส่งให้ผู้นําฝ่ายค้านนําขึ้นกราบบังคมทูลทรงพระราชวินิจฉัยประกาศใช้ต่อไป ทราบดีว่าข้อเสนอของตนจะถูกวิจารณ์ คัดค้าน และสนับสนุนอย่างกว้างขวาง แม้บ้านเมืองขณะนี้วิกฤต ยิ่งกว่าก่อนปฏิวัติปี 2557 แต่ตนไม่ส่งเสริมให้มีการปฏิวัติเพื่อฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญนี้อีก

“มั่นใจว่าข้อเสนอนี้จะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะนักเรียน นิสิต นักศึกษาและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะประชาชนทุกคน ซึ่งมีสิทธิมีเสียงเลือกตัวแทนมาบริหารประเทศชาติ ที่สุดแล้วพวกเราทุกคนจะช่วยกันนําประเทศให้พลิกฟื้นฟันฝ่าอุปสรรค ให้ประเทศไทยกลับเป็นอู่ข้าวอู่น้ำและทุกคนอยู่ดีกินดีได้อย่างแท้จริงโดยเร็วที่สุด” ร.ต.อ.เฉลิมระบุ

‘ปิยบุตร’ชงโละม.279-250ส.ว.

เวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.วันนี้ จะพูดถึงบทเฉพาะกาล ซึ่งเห็นว่าสิ่งแรกที่จำเป็นต้องแก้ไขก่อนคือ การยกเลิกมาตรา 279 ซึ่งรับรองให้ประกาศ คำสั่งและการใช้อำนาจต่างๆ ของ คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งเหมือนหลุมดำของรัฐธรรมนูญฉบับนี้

นอกจากนี้ จะเสนอให้ยกเลิกมาตรา 269, 270, 271 และ 272 ซึ่งว่าด้วยส.ว. เพราะถือว่าภารกิจของ ส.ว. ตามบทเฉพาะกาลนี้สิ้นสุดลงแล้ว คือได้เลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แล้ว ดังนั้น เพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่าย คิดว่า ส.ว.ทั้ง 250 คนควรยุติบทบาทตรงนี้ ส่วนคนที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ สามารถมาสมัครใหม่เป็น ส.ว.ตามช่องทางปกติได้ การไม่มีส.ว. 250 คน ไม่เห็นมีใครกระทบกระเทือนนอกจาก ส.ว.เองเท่านั้น จึงควรมองภาพใหญ่มากกว่าตัวเองได้ตำแหน่ง

ส่วนข้อเสนอยุบสภานั้น เห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ เพราะเป็นไปได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาเป็นนายกฯ อีก โดยกลไกส.ว. 250 คน หากยกเลิก ส.ว. เชื่อว่าหากมีการยุบสภา การตัดสินใจของคนที่จะไปร่วมรัฐบาล จะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ที่สำคัญประชาชนมีอำนาจกำหนดตัวรัฐมนตรีและรัฐบาลอย่างแท้จริง

‘พีระศักดิ์’โต้-ไม่หวงอำนาจ

นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. กล่าวถึงกรณีนายปิยบุตร ขอความร่วมมือส.ว.ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และยกเลิกส.ว.250 คน ตามบทเฉพาะกาลว่า ส่วนตัวยืนยันว่าการแก้รัฐธรรมนูญ เราแก้อะไรก็ได้ที่สังคมมองว่าเป็นทางออกของประเทศร่วมกัน ไม่ใช่จะคอยปิดทางข้อเสนอต่างๆ หรือใครยื่น ข้อเสนอแก้ไขมาตราใด ก็ปิดประตูใส่หน้า เขาหมด

“ผมยินดีพูดคุยระดมความคิดเห็น เท่าที่ได้พูดคุยกับสมาชิก เชื่อว่า มีส.ว.อีกหลายคนที่มีความคิดแบบเดียวกับผม โดยไม่เคยหวงอำนาจ อย่างที่หลายคนวิจารณ์ส.ว. โดยเฉพาะผมเคยเป็นส.ว.เลือกตั้งมาแล้ว 2 สมัย ลงพื้นที่ มาตลอด เข้าใจว่าเวลานี้ชาวบ้านอยากให้ส.ว.ทำอะไร ขอให้นายปิยบุตรสบายใจ ผมยินดีพบปะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงเรื่องข้อเสนอให้มีการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับหรือไม่ด้วย” นายพีระศักดิ์กล่าว

หึ่ง!อนุกมธ.รีดเงินแลกผ่านงบ

รายงานข่าวจากรัฐสภา เปิดเผยว่า ระหว่างการประชุมอนุกรรมาธิการ (อนุกมธ.) แผนบูรณาการ 2 ในกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่มีน.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์เป็นประธาน เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ประชุมพิจารณางบแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 กรม คือกรมทรัพยากรน้ำบาดาล งบ 1,276,572,100 บาท และกรมทรัพยากรน้ำ งบ 3,772,802,200 บาท รวมถึงกระทรวงมหาดไทย กรมโยธาธิการและผังเมือง งบ 3,103,923,100 บาท

โดยเกิดปัญหาอนุกมธ.ไม่ยอมปล่อยผ่านงบของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จนทำให้ นายศักดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากร น้ำบาดาล ถึงกับระเบิดกลางที่ประชุมว่า มี อนุกมธ.บางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาทแลกกับการผ่านงบให้ และขู่ว่าจะนำเรื่องนี้ไปแถลงต่อสื่อมวลชน ต่อมานายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานกมธ.งบ เป็นผู้ไปเคลียร์เพื่อยุติปัญหา

นอกจากนี้ ยังมีอธิบดีบางกรมถูกเรียกเงินถึง 10 ล้านบาท แต่ไม่มีใครกล้าพูดกลางที่ประชุม ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามอนุกมธ.หลายคน แต่ไม่มีใครรับสาย รวมทั้งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลด้วย

ปปช.ยันสอบที่ดิน‘ปารีณา’ไม่อืด

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 ของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐว่า ทุกเรื่องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และเรื่องที่กล่าวหาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการและหน่วยงานอื่น อาจมีการสอบพยานในพื้นที่ ป.ป.ช.ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ชัดเจน

ดังนั้น อย่าคิดว่า 1 หรือ 2 เดือน เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละเรื่อง มีนัยยะที่แตกต่างกัน บอกไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบนานแค่ไหน ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ และให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย ต้องให้โอกาสชี้แจงในทุกกรณี ให้นำพยานเข้าสู่การพิจารณา และเมื่อเสร็จสิ้นก็ต้องวินิจฉัย แต่ยังเป็น กระบวนการเบื้องต้น เพราะหากป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ต้องไปอัยการและศาลยุติธรรมต่อไป ขณะนี้มีความคืบหน้าไปอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ได้ล่าช้า และที่ผ่านมา ป.ป.ช.ใช้เวลามาก แต่กฎหมาย ป.ป.ช.กำหนดกรอบเวลาไว้ชัดเจน

“ยืนยันว่ากรณีนี้จะมีความกระจ่างตามที่สังคมคาดหวังไว้แน่นอน เมื่อเรื่องเสร็จสิ้น ป.ป.ช.วินิจฉัยแล้ว เราต้องตอบให้ได้ว่ามีมติอย่างไร ด้วยเหตุผลอย่างไร รวมถึงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายก็ต้องตรวจสอบได้” พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว

‘ตู่’ปลื้มเรตติ้งเศรษฐกิจไทยปึ้ก

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดยบริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) ยืนยันมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable outlook) และความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศที่ระดับ A- และสกุลเงินบาทที่ระดับ A เนื่องจากประเทศไทยมีมาตรการรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง

ในส่วนของการลงทุนจากต่างประเทศ ก็มีข้อมูลที่น่ายินดี เมื่อบีโอไอได้เปิดเผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) รวม 754 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 มูลค่าเงินลงทุน 158,890 ล้านบาท และเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ที่ยื่นขอรับการส่งเสริมในโครงการใหม่ถึง 366 โครงการ หรือร้อยละ 49 โดยมียอดเงินลงทุนรวม 42,520 ล้านบาท ขณะที่เป็นการลงทุนในพื้นที่อีอีซีถึง 225 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 85,480 ล้านบาท ซึ่งนายกฯ ย้ำว่ารัฐบาลทำงานแบบนิวนอร์มัลเดินหน้าสู่อนาคต โดยมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังโควิด-19 แต่ยังคงยึดวินัยการเงินการคลัง รักษาระดับหนี้สาธารณะ

“การจัดเรตติ้งของญี่ปุ่นเป็นสัญญาณที่ดีสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย แม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ยากลำบาก แต่รัฐบาลพร้อมขับเคลื่อนโครงการการลงทุนขนาดใหญ่ และการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เน้นการจ้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งได้ทำมาแล้วหลายโครงการมากและยังคงจัดสรรงบประมาณให้เดินหน้าต่อไป” น.ส.รัชดากล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน