ยื่นร้องศาล-ถอนประกัน
นร.เตรียมอุดมชูกระดาษ
จุฬาชุมนุมแน่นตึกอักษร

ดักรวบแล้ว ‘เพนกวิน’ ตำรวจใช้จังหวะวันศุกร์ช่วงที่จะไปปราศรัย ที่ท่าน้ำนนท์จับกุม นำตัวส่งสน.สำราญราษฎร์ดำเนินคดี เจ้าตัวลั่นไม่ยอมรับกระบวนการ ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนก็ยื่นถอนประกัน ‘ทนายอานนท์-ไมค์’ อ้างทำผิดเงื่อนไขที่ได้รับการปล่อยตัว ศาลออกหมายนัดไต่สวนต้นเดือนหน้า จุฬาฯคึกชุมนุมพรึบที่คณะอักษรฯท่ามกลางสายฝน หลังผู้บริหารไม่ยอมให้สถานที่ ‘หมอ สุภัทร’ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ โพสต์ขอโทษที่ร่วมเป่านกหวีดกับกลุ่มกปปส.ชัตดาวน์ประชาธิปไตย จนทำให้ทหารออกมาทำรัฐประหาร เผยเป็นทุกข์ทนอยู่กับการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดมา 6 ปี

ดักหิ้ว – ตำรวจควบคุมตัว ‘เพนกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษานักกิจกรรม บริเวณเมืองทองธานี ขณะไปร่วมชุมนุมที่ท่าน้ำนนทบุรี แจ้งความผิดมาตรา 116 และอื่นๆ รวม 7 ข้อหา ส่งดำเนินคดีที่สน.สำราญราษฎร์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.

‘หมอจุ๊ก’ขอโทษทำปชต.หายนะ

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา รองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ ในฐานะนักเคลื่อนไหวทางสังคม การเมืองและพลังงาน โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “วันแห่งการปลดปล่อยของผมเอง “คำขอโทษจากหัวใจ”

จากปรากฏการณ์ความตื่นตัวและความกล้าหาญของนักศึกษาและนักเรียนทั่วไทย ที่ออกมาแสดงเชิง “สัญญะ” ในการเรียกร้องให้เผด็จการอำนาจนิยมในระบอบประยุทธ์และพวกลงจากอำนาจ คืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภา และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้ผมต้องทบทวนตนเอง ทบทวนวิธีคิดของตนเอง และผมต้องยอมรับความจริงว่า

“ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ไปกวักมือเรียกทหารมา ทำให้เกิดการรัฐประหาร และสานต่ออำนาจอย่างฉ้อฉลมาถึงปัจจุบัน” “ผมคือส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ที่สร้างหายนะทำให้ประชาธิปไตยต้องถอยหลังไปอีกหลาย สิบปี”

ตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมาจากการรัฐประหาร คสช. เสียงเหล่านี้ดังอยู่ในหูของผมมาตลอด ดังบ้าง เบาบ้าง แล้วแต่จังหวะชีวิตและสถาน การณ์บ้านเมือง การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของผมในขบวน กปปส.นั้น ความตั้งใจของผมและพี่น้องจำนวนมาก มุ่งหวังเห็นการปฏิรูปและเห็นประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้า ทุกคนขับเคลื่อนอย่างมีความหวัง โดยที่ไม่ตระหนักเลยว่า การไม่ยอมรับการยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนั้นซึ่งเป็นทางออกสำคัญในระบอบประชาธิปไตย จะเท่ากับการสร้างเงื่อนไขและส่งเทียบเชิญให้กับคณะรัฐประหาร จนนำมาสู่การรัฐประหาร คสช.และฟื้นฟูระบอบทหารอำนาจนิยมและรัฐราชการ จนประเทศไทยถอยหลังไปนับสิบปี และเป็นภาระให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ต้องมาต่อสู้อย่างกล้าหาญในวันนี้








Advertisement

ร่วมม็อบกปปส.จนรัฐประหาร

หลังจากที่ผมไปสังเกตการณ์ในเวที “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องกล่าวคำว่า “ขอโทษกับน้องนักเรียนนักศึกษาและทุกคนในสังคมไทย ที่ผมได้เข้าร่วมการชุมนุม กปปส.จนนำมาซึ่งการรัฐประหารในครั้งนั้น” ผมตระหนักชัดแล้วว่า “ไม่มีหรอกทางลัดสำหรับการสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในสังคม

อำนาจพิเศษใดๆ เช่นรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลเฉพาะกิจ ก็คืออีกอำนาจเผด็จการชนชั้นนำหนึ่งทั้งสิ้น ก้าวไม่ข้ามและวนในวงจรเดิม การเปลี่ยนแปลงใหญ่ต้องขยับจากฐานราก ต้องกระเพื่อมมาจากประชาราษฎร์ ต้องไม่ส่งไม้ผลัดให้กับทหารหรือชนชั้นนำ ต้องอดทนตามหนทางในระบอบประชาธิปไตยที่เคารพเสียงส่วนมากของสังคม”

“ในวันนั้นผมออกนอกลู่นอกทาง หวัง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางลัด ซึ่งไม่มีจริง และยังถูกฉกฉวยพลังและความคาดหวังของประชาชนไปเสวยอำนาจในนามเผด็จการ คสช.ที่เลวร้าย”

นี่คือคำขอโทษจากใจ วันนี้ผมมีความสุขแล้วที่ได้ปล่อยวางอัตตาที่ผมได้ถือไว้ตลอดหกปี และผมก็ยืนยันที่จะเป็นอีกหนึ่งพลัง ในการร่วมขบวนการกับน้องๆ นักศึกษาในการสร้าง สรรค์ประชาธิปไตยและสร้างการเปลี่ยน แปลงสู่สังคมไทยให้ก้าวข้ามจากอำนาจเผด็จการอำนาจนิยมสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ประเทศ ไทยนับจากวันนี้ไป จะต้องไม่เหมือนเดิม

หักเผด็จการ – นิสิตจำนวนมากจัดแฟลชม็อบ #เสาหลักจะหักเผด็จการ บริเวณใต้ตึกอาคารอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้ผู้บริหารสถาบันไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่จัดการชุมนุม เมื่อวันที่ 14 ส.ค.

ส.ส.เพื่อไทยตั้งทีมดูแลนิสิตนศ.

ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน ในคณะกรรมา ธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการชุมนุมของนิสิตนักศึกษาแต่ละจังหวัดว่า พรรคได้มีมติให้ตัวแทนส.ส.เขตในจังหวัดนั้นๆ เข้าไปดูแลประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ทันที หากมีการชุมนุม โดยช่วยดูแลความสงบและความปลอดภัยให้การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ในกรณีหากมีนิสิตนักศึกษาถูกจับกุม พรรคเพื่อไทยพร้อมจะเข้าไปประกันตัวทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยได้ตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน โดยมีรายชื่อได้แก่ 1.นายสมคิด เชื้อคง 2.นายเกรียง กัลป์ตินันท์ 3.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ 4.นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ 5.นายการุณ โหสกุล 6.นางสมหญิง บัวบุตร 7.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ 8.นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ 9.นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ 10.นายรัฐกิตติ์ ผาลีพัฒน์ 11.นายประภูศักดิ์ จินตะเวช 12.นายดะนัย มะหิพันธ์ 13.นายปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ 14.นายบุญแก้ว สมวงศ์ 15.นายธนกร ไชยกุล 16.น.ส.ชนก จันทาทอง

17.นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ 18.นายภาควัต ศรีสุรพล 19.นายสยาม หัตถสงเคราะห์ 20.นายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี 21.น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ 22.นายองอาจ วงษ์ประยูร 23.นายภณณัฏฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์ 24.นายวัน อยู่บำรุง 25.นายอนุสรณ์ ปั้นทอง 26.น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ 27.นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา 28.นายจิรทัศ ไกรเดชา 29.นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม 30.นายวันนิวัติ สมบูรณ์ 31.น.ส.กิตติ์รัญญา วาจาดี 32.น.ส. จิราพร สินธุ์ไพร

ธนาธรเตือน-อย่าราดน้ำมัน

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนต่อการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนิสิตนักศึกษา ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ว่า ยืนยันว่าการชุมนุมของนักศึกษาเป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพ ที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมาย ขอเรียนกลุ่มคนที่ต้องการสร้างความเกลียดชังในสังคม ต้องการจับกุมปราบปรามนักศึกษาอย่างเด็ดขาด ว่านั่นไม่ใช่วิธีการแก้ไข ไม่ใช่ทางออก แต่เป็นการราดน้ำมันลงในกองไฟที่ลุกโชนต่างหาก พวกเราเชื่อว่าสิ่งที่จะเป็นทางออกให้สังคมได้จริงๆ คือการรับฟังสิ่งที่พวกเขาพูดอย่างมีสติและเหตุผล สิ่งที่นักศึกษาพูดอาจจะเป็นความจริงที่กระอักกระอ่วนสำหรับสังคมไทย นี่คือความท้าทายของสังคมไทยว่ามีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้ใหญ่พอหรือไม่ที่จะรับฟังความจริงในเรื่องต่างๆ เหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา มีเหตุมีผลและมีสติ

เมื่อถามว่านักศึกษาออกมาเรียกร้องให้แสดงจุดยืนว่ายืนข้างไหน นายธนาธรกล่าวว่า แน่นอนว่าเรายืนเคียงข้างนักศึกษาในการต่อสู้เรียกร้อง เพื่อให้บรรลุข้อเรียกร้องของพวกเขา 3 ข้อหลัก 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.ยุบสภา ตนคิดว่าสิ่งที่เราต้องทำในวันนี้ต้องมองสิ่งที่เขาเรียกร้องด้วยความหวังดี การไม่ฟังนักศึกษาไม่เปิดโอกาสให้สังคมมองเห็นทางออกว่าสังคมจะออกจากความขัดแย้งอย่างไร เพื่อนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างไรต่างหากที่จะทำบ้านเมืองไปสู่วิกฤตและทางตัน ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่าพร้อมที่จะรับฟังและประนีประนอมแค่ไหน หากไม่ประนีประนอมและไม่รับฟังนักศึกษาเลย สังคมก็ไม่มีทางออก

ตร.ยื่นถอนประกันไมค์-อานนท์

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 13 ส.ค.พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายอานนท์ นำภา อายุ 35 ปี ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน หนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” อายุ 24 ปี แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย 2 ผู้ต้องหาที่ศาลได้อนุญาตฝากขังไปเมื่อวันที่ 8 ส.ค. เเละได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองโดยประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข คำสั่งศาล ให้ประกันในวงเงินคนละ 100,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่มีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน

ทั้งนี้ ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาเเล้วมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวดังกล่าวในวันที่ 3 ก.ย.63 ช่วงเช้าเเละมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งสองมาในวันดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวในกรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยกระทำผิดเงื่อนไข หากมีพนักงานสอบสวนหรือผู้พบเห็นหรือศาลพบเห็นเองว่าตัวผู้ต้องหามีการกระทำผิดเงื่อนไขศาล ก็มีอำนาจที่จะเรียกผู้ต้องหาหรือจำเลยมาไต่สวนได้เป็นไปตามขั้นตอนปกติที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้

เพนกวินถูกจับคดีเดียวอานนท์

เมื่อเวลา 14.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำ สนท. ตามหมายจับคดี ม.116 และข้อกล่าวหาอื่นๆ ในคดีเดียวกันกับทนายอานนท์ นำภา และไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก โดยจับกุมระหว่างนายพริษฐ์จะเดินทางไปปราศรัยที่ท่าน้ำนนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปสน.ปากเกร็ดเพื่อไปบันทึกการจับกุม จากนั้นจะส่งตัวไปยังสน.สำราญราษฎร์ ต่อไป

“ผมไม่ยอมรับกระบวนการนี้ และไม่ยอมรับอำนาจของพี่ๆ ด้วย” เพนกวิน-นายพริษฐ์ กล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนเขาจะถูกควบคุมตัวไปยัง สน.สำราญราษฎร์

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมตอบคำถามกรณีการเคลื่อนไหวและชุมนุมประท้วงของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา และนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ โดยมีสีหน้าเรียบเฉย เมื่อถามย้ำว่าเป็นห่วงหรือต้องกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบ พร้อมส่ายศีรษะเล็กน้อย และเดินเข้าห้องประชุมทันที

เตรียมอุดม-จุฬาฯชุมนุมตามนัด

เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ลานเสาธง หน้าศาลาพระเกี้ยวแก้ว ภายในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจำนวน 40 คน ได้จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยรวมตัวกันมานั่งล้อมรอบบริเวณเสาธงชาติ พร้อมกับนำกระดาษสีขาว ขนาด เอ 4 มาชูปิดหน้าโดยได้นั่งอย่างสงบเป็นเวลา 15 นาที ก่อนฉีกกระดาษแล้ว แยกย้ายสลายตัวไป

กระดาษขาว – นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ชูกระดาษขาวอย่างสงบ เป็นเวลา 15 นาที ก่อนฉีกทิ้งแล้วแยกย้ายกันไป บริเวณหน้าเสาธง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ฝั่งประตูพญาไท กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.เวลา 17.00 น. ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ #เสาหลักจะหักเผด็จการ การชุมนุมของกลุ่มนิสิตจุฬา x นักเรียนเตรียมอุดมฯ #ให้มันจบที่รุ่นเรา กิจกรรมมีการปราศรัยจากแกนนำนิสิตและนักเรียน เนื้อหากล่าวถึงสิทธิเสรีภาพในการเเสดงออกทางความคิด และขอให้หยุดการคุกคามประชาชนจากเจ้าหน้าที่รัฐ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาการบริหารงานของคณะผู้บริหารของจุฬาฯ ปัญหาสังคม และปัญหาในประเทศ โดยมีการนำบทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ รุ่นพี่คณะอักษรฯ มาอ่านบนเวทีด้วย

นอกจากนี้ ไอลอว์ หรือโครงการอินเทอร์ เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ได้มาตั้งจุดให้ประชาชนเข้าชื่อร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 5 หมื่นรายชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศมีฝนตกลงมาอย่างหนักก่อนที่จะมีการชุมนุม จนกลุ่มนิสิตต้องย้ายจากเดิมจะจัดที่หน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล ด้านหน้าหอประชุมจุฬาฯ มาที่ลานคณะอักษรศาสตร์ แม้ก่อนหน้านี้ สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกประกาศด่วน สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง ไม่อนุมัติให้จัดกิจกรรมในวันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563 ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยก็ตาม

‘ซินตึ๊ง’สั่งอธิการเข้มชุมนุม

ที่กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) พญาไท นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. เปิดเผยภายหลังเชิญอธิการบดีและตัวแทนมหาวิทยาลัยทั่วประเทศร่วมหารือว่า ตนได้นำข้อห่วงใยรัฐบาลมอบให้อธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัย ขอให้ทำหน้าที่ดูแลนักศึกษาและทุกฝ่ายที่จะแสดงออกทางการเมืองให้ไปในทางที่ถูกต้อง ที่สำคัญจะต้องไม่ไปก้าวล่วง ต้องไม่จาบจ้วง ต้องไม่ละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นหลักชัยของบ้านเมือง เป็นเสาหลักความมั่นคงของประเทศ

นายเอนกกล่าวต่อว่า อธิการบดีทุกแห่งยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และยืนยันในความจงรักภักดี ที่ชาวมหาวิทยาลัยมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อีกทั้งยังมีความกังวลอย่างมากว่าจะมีอะไรให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะฉะนั้นจะถือปฏิบัติ ไม่ให้ปราศรัย พูด หรืออภิปรายในเรื่องนี้ นอกจากนั้นมหาวิทยาลัยจะถือว่านักศึกษาเป็นพลังสำคัญ เป็นอนาคตของประเทศ ซึ่งตนเห็นด้วย และกำชับไปว่าจะทำอะไรจากนี้ขอให้สนใจนักศึกษาให้มากขึ้นเป็นพิเศษ ให้นักศึกษาเป็นผู้ช่วย เป็นที่ปรึกษา อย่ามองนักศึกษาเป็นปัญหา ให้มองเป็นพลัง ซึ่ง 50-60 ปีมานี้พลังนักศึกษาของเรามีมาเป็นยุค เป็นช่วง มาเติมเต็มให้สังคมดีขึ้นมาตลอด

ฟรียูธย้ำรัฐบาลต้องหยุดคุกคาม

กลุ่มเยาวชนปลดแอกออกแถลงการณ์เรื่อง การจับกุมเยาวชนและประชาชนจากการชุมนุมเพื่อเรียกร้องทางการเมือง ระบุว่าสืบเนื่องจากการชุมนุมของเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. มีเอกสารหลุดออกมาว่า อาจมีถึง 31 คนที่ถูกออกหมายจับ กว่าครึ่งเป็นเพียงแค่เยาวชน หนึ่งในนั้นคือ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ที่เพิ่งถูกควบคุมตัวเมื่อช่วงเย็นวันนี้และกำลังถูกส่งตัวยังสน.สำราญราษฎร์

เยาวชนปลดแอกขอยืนยันในข้อเรียกร้องที่เราได้ประกาศไป นั่นคือหยุดคุกคามประชาชน การแสดงออกทางการเมืองอย่างสันติไม่ใช่อาชญากรรม ไม่มีใครจะต้องถูกจับกุมเพียงเพราะเรียกร้องอนาคตที่ดีกว่า หยุดส่งต่อสังคมที่มืดมิด หยุดเล่นละครเบื้องหน้าบอกว่ารับฟัง แต่เบื้องหลังกลับดำเนินคดีโดยเป็นการปิดปากทางอ้อม

เราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆหรือ นี่ไม่อาจเป็นทางออกในการแก้ปัญหาของสังคมไทยที่เรากำลังพบเจอ หากใครกำลังทนไม่ไหวกับการคุกคามประชาชนแบบรายวัน โปรดออกมาร่วมกับคณะประชาชนปลดแอกในวันที่ 16 ส.ค. เวลา 15.00-21.00 น. เพื่อเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจถึง 3 ข้อเรียกร้องคือ

ย้ำจุดยืน 3 ข้อเรียกร้องเดิม

1.รัฐบาลต้อง “หยุดคุกคามประชาชน” ที่ออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพตามหลักการประชาธิปไตย

2.รัฐบาลต้อง “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชนอย่างแท้จริง

3.รัฐบาลต้อง “ยุบสภา” เพื่อเป็นการเปิดทางให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงในการเลือกผู้แทนของตนได้อีกครั้ง

บนหลักของ 2 จุดยืนคือ ต้องไม่มีการทำรัฐประหาร ต้องไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และอีก 1 ความฝันที่คณะประชาชนปลดแอกหวังให้เกิดขึ้นในประเทศไทยคือ การมีระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ซึ่งความฝันนี้มิใช่ความฝันอันเลื่อนลอย แต่สามารถ เกิดขึ้นจริงได้ตามกระบวนการรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง

ส.ส.พท.-ก้าวไกลเยี่ยมเพนกวิน

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น.เข้าติดตามการจับกุมนายพริษฐ์ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1172/2563 ข้อหายุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ รวม 7 ข้อหา เช่นเดียวกันกับที่ทนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ สำหรับบรรยากาศที่ สน.สำราญราษฎร์ ยังคงมีฝนตกโปรยปราย และมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายพริษฐ์ทยอยเข้ามาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายพริษฐ์เดินทางมาถึงสน.สำราญราษฎร์ในเวลา 18.30 น. โดยมีคุณแม่ตามมาสังเกตการณ์ และได้พูดคุยพร้อมทั้งโอบกอด ก่อนที่เพนกวินจะชูสามนิ้วและเข้าไปในห้องสอบสวน

ต่อมา นายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอใช้ตำแหน่ง ส.ส.เป็นหลักประกันตัวนายพริษฐ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดจุดเข้า-ออกโรงพัก และตรึงกำลังรอบๆ บริเวณพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยตรวจบัตรเข้า-ออก และห้ามประชาชนทั่วไปและผู้สื่อข่าวที่ไม่มีบัตรจากกรมประชาสัมพันธ์เข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด

คุมตัวที่โรงพัก-ส่งศาลวันนี้

ทั้งนี้ กลุ่มส.ส.จากพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล อาทิ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.เพื่อไทย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล และคณะ เดินทางมายังสน.สำราญราษฎร์ เพื่อติดตามสถานการณ์ และรอทำเรื่องขอประกันตัว

เมื่อเวลา 20.15 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาให้กำลังใจนายพริษฐ์ได้มีการเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ และเรียกร้องไม่ให้นำตัวนายพริษฐ์ ไปสอบสวนและคุมตัวที่อื่น โดยให้เหตุผลว่าหมายจับออกที่ สน. สำราญราษฎร์ ตัวก็ต้องอยู่ สน.นี้ เนื่องจากไม่สะดวกต่อการเดินทาง และความปลอดภัย และต่อรองกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอให้ผู้ชุมนุมได้เข้าห้องน้ำยังสน. แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ จึงมีเหตุวุ่นวายยื้อยุดฉุดกระชากจนกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถดันรั้วเข้ามายังในพื้นที่สน.ได้

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยืนยันกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าจะไม่นำตัวนายพริษฐ์ย้ายไปยังที่ใด และยอมให้โผล่หน้าออกไปจากหน้าต่างบริเวณชั้น 3 เพื่อทักทายกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อลดความไม่พอใจ ทำให้สถานการณ์จึงคลี่คลายลงได้ และจะนำตัวนายพริษฐ์ไปฝากขังที่ศาลอาญาในเวลา 09.00 น.วันที่ 15 ส.ค.

รามคำแหงก็ไม่ทนเผด็จการ

ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย การชุมนุมปราศรัยแบบแฟลชม็อบ “คนรามจะไม่ทน” รามคำแหงจะไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการอีกต่อไป ท่ามกลางนักศึกษาเดินทางเข้าร่วมจำนวนมาก ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัดหมายฝนได้กระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจำต้องเลื่อนการชุมนุมเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดชุมนุมจากลานพ่อขุน เป็นใต้ตึกศิลาบาตรแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ได้แสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมข้อเรียกร้อง 9 ข้อ ประกอบไปด้วย 1.แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทหาร(ปี 2560), 2.หยุดคุกคามประชาชน, 3.ไม่เอารัฐประหาร, 4.ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ, 5.ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน, 6.ส.ว.ต้องไม่มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี, 7.เรียกร้องให้ยุบสภา, 8. นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง, 9.องค์กรอิสระต้องมาจากประชาชน และ 10.รัฐบาลต้องมีคำตอบเรื่องการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากบางแห่งเว้นว่างจากการเลือกตั้ง รวมถึงการแทรกแซงการเลือกตั้งท้องถิ่น

นอกจากนี้ยังได้ออกแถลงการณ์ ขอให้กำลังใจนักเรียน นักศึกษา ทุกสถาบันที่ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ อย่าได้หวาดกลัวอิทธิพลอำนาจรัฐที่พยายามทุกวิถีทางที่หยุดยั้งการเคลื่อนไหวความมุ่งมั่นความเชื่อมั่นต่อข้อเรียกร้องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม จะเป็นตัวอุ้มชูความชอบธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทย การจับกุมนายพริษฐ์ ซึ่งเป็นคดีเดียวกับนายอานนท์ และนายภาณุพงศ์ถือเป็นการคุกคามประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน