ไทยเข้มชายแดน สกัดโควิดพม่า

เกิน25ล้านคน
ติดเชื้อทั่วโลก

ตรวจเข้มชายแดน ปิดช่องทางธรรมชาติ ป้องกันโควิดจากพม่า มากับกลุ่มคนลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ‘หมอยง’ เตือน หวั่นเข้ามา ระบาดในไทย ชี้สถานการณ์ในรัฐยะไข่ เมียนมา มีแนวโน้มกระจายไปยังเมืองอื่น แนะเพิ่มตรวจเชื้อในแรงงานต่างชาติ ต้องกักตัว เพิ่มการตรวจเชิงรุก ขณะที่ ศบค.แถลงไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม รักษาหายอีก 10 คน ส่วน ทั่วโลกป่วยสะสมเกิน 25 ล้านคนแล้ว

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่าไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ หายป่วยเพิ่มอีก 10 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่มเติม ผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 3,411 ราย หายกลับบ้าน รวม 3,252 ราย ยังรักษาในร.พ. 101 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อรวม 25,163,150 ราย อาการรุนแรง 61,370 ราย รักษาหายแล้ว 17,506,054 ราย เสียชีวิต 846,734 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา 6,139,078 ราย 2.บราซิล 3,846,965 ราย 3.อินเดีย 3,539,712 ราย 4.รัสเซีย 985,346 ราย และ 5.เปรู 639,435 ราย ส่วนไทยอยู่ที่อันดับ 121

ขณะที่ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิดในประเทศเมียนมา ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ว่ามีการระบาดอย่างมาก โดยเริ่มจากเมือง ที่ติดต่อกับประเทศบังกลาเทศ เมืองสิตตะเว ในรัฐยะไข่ มีแนวโน้มที่จะกระจายไปยังเมืองอื่น โดยเฉพาะเมืองตามชายทะเล ในเวลา 1 สัปดาห์ ยอดผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว

ศ.นพ.ยงระบุว่า สิ่งที่สำคัญคือพรมแดนธรรมชาติที่ติดต่ออันยาวไกล มีการเคลื่อนย้ายของประชากร อาจจะเหนือความควบคุม ทำให้ เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดในประเทศไทยได้ ประกอบกับฤดูกาลนี้ เป็นฤดูกาลที่มีโรคทางเดิน หายใจชุกชุม ความสามารถในการตรวจวินิจฉัย ตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อยับยั้งการระบาดเป็นเรื่องสำคัญมาก มีค่าใช้จ่ายสูง การตรวจที่ดีที่สุดคือ การตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส จะมีความไวสูงสุด สำหรับประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเพิ่มอัตราการตรวจ โดยเฉพาะในแรงงานต่างด้าว บุคคลที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การนำไปไว้รวมกัน ก็สุ่มเสี่ยงต่อการระบาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะสภาพแวดล้อม จะเอื้ออำนวยให้เกิดการระบาด สิ่งที่ถูกต้องจะต้องทำแบบสถานที่กักตัวของรัฐ สำหรับ ผู้ที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะส่งกลับ

ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสระบุด้วยว่า นับแต่นี้ต่อไป การตรวจวินิจฉัยเชิงรุกในประเทศไทย จำเป็นที่จะต้องทำเพิ่มขึ้น ขีดความสามารถ ในการตรวจของไทยมีสูงมาก เพราะขณะนี้มีห้องปฏิบัติการที่ตรวจพันธุกรรมของไวรัสได้ประมาณ 250 แห่ง ปัญหาจึงอยู่ว่าใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องอาศัยแรงงานจากต่างประเทศ การนำเข้าแรงงาน ถ้ามีสถานที่กักตัวก็จะมีค่าใช้จ่าย จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ให้แรงงานต่างๆ ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การระบาดในสิงคโปร์และมาเลเซียที่ผ่านมา ก็เกิดจากแรงงานต่างประเศ เรามีบทเรียนจากสิงคโปร์และมาเลเซีย น่าจะนำมาใช้ในการป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดเกินการควบคุมของประเทศไทย

เข้มโควิด – ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตระเวนตรวจตรา ด่านชายแดนธรรมชาติ ด้าน จ.ประจวบฯ เพื่อป้องกันชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาผิดกฎหมาย อีกทั้งป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด เมื่อ 30 ส.ค.

ขณะเดียวกัน ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.อ.ธีรยุทธฑ์ เส้งรอด รองผบ.เฉพาะกิจจงอางศึก จัดกำลังพลทหารประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานป้องกันชายแดน ออกลาดตระเวนเดินเท้าตามช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่ชาวเมียนมานิยมใช้เป็นเส้นทางลักลอบเข้าประเทศไทยเป็นประจำ โดยก่อนหน้านี้ทหาร ตชด. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ และฝ่ายปกครอง ร่วมกันวางรั้วลวดหนามเพื่อป้องกันในเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้ง ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และชาวบ้านตามแนวชายแดน ให้ช่วยกันสอดส่อง ดูแล แจ้งเบาะแสข่าวสาร และเฝ้าระวังป้องกัน ในพื้นที่เขตรับผิดชอบของหมู่บ้านตนเองอีกทางหนึ่งด้วย

วันเดียวกัน นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า จากความต้องการเปิดรับนักท่องเที่ยว ต่างชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ตามแนวทางของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยจะนำร่องใน จ.ภูเก็ต ก่อนนั้น เบื้องต้นเห็นด้วย และสนับสนุนเต็มที่ แต่ติดเงื่อนไขที่จะต้องกักตัว 14 วัน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตัดสินใจ ยาก เพราะปกติจะเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น แต่ก็อาจดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากยุโรป และสหรัฐอเมริกา ที่มีระยะการท่องเที่ยวแบบพักค้างยาวกว่า

นายกแอตต้ากล่าวว่า จึงอยากเสนอให้ ภาครัฐเปิดการเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวปลอดภัย ผ่านการพิจารณาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากมือง หรือประเทศที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเกิน 60 วัน สามารถเดินทางท่องเที่ยวในไทยได้ แบบไม่ต้องกักตัว 14 วัน อาจกำหนด พื้นที่ให้เดินทางท่องเที่ยวแบบเฉพาะเจาะจง ไม่อนุญาตให้ออกนอกพื้นที่ และข้ามจังหวัดก่อนระยะปลอดภัย นอกจากนำร่อง จ.ภูเก็ต แล้ว อาจขยายไปยังจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พัทยา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับ ความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายวิชิตกล่าวต่อว่า เบื้องต้นคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่ตรงตามเงื่อนไข และมีความต้องการเที่ยวในไทย พร้อมเดินทางทันทีจำนวนมากในหลายประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน เวียดนาม เป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ กระหายการเดินทาง เพียงแต่มีระยะการพักค้างไม่เกิน 7 วัน เชื่อว่าการเปิดเดินทางในกลุ่มท่องเที่ยวปลอดภัยนี้ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าสู่ไทย สร้างรายได้ ให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการทัวร์ที่ได้รับผลกระทบหนัก และยังไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้

นายกแอตต้ากล่าวอีกว่า หากยังไม่สามารถเปิดการเดินทางให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ไหลเข้าสู่ประเทศไทยได้ภายในไตรมาส 4 นี้ เชื่อว่าจะมีแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องตกงานอีกมากกว่า 2 ล้านคน เพราะทั้งอุตสาหกรรมหยุดชะงักกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มานานหลายเดือนแล้ว รวมถึงผู้ประกอบการภาคเอกชนในภาคการท่องเที่ยว ต่างต้องการให้มีการเดินทางเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อรักษาการจ้างงาน ลดภาระให้กับรัฐบาล หารายได้เข้าสู่ประเทศ” นายวิชิตกล่าว