มธ.งดสอน-สั่งปิดประตู
ให้จนท.อพยพค่ำ 18 กย.
ทำเนียบเข้ม-เคลียร์ด้วย
ติดกล้องเพิ่มสปอตไลต์
อานนท์พร้อมชี้แจงศาล

สกัดวุ่นม็อบชุมนุมใหญ่เสาร์นี้ ธรรมศาสตร์งดสอนสั่งปิดประตูหน้าสนามหลวง-ท่าพระจันทร์ เปิดด้านถนนพระอาทิตย์ประตูเดียว อดีตคณบดีนิติฯยื่นจ.ม.ให้อธิการบดีมธ.ทบทวนให้ใช้พื้นที่ชุมนุมได้ ตร.ขอนแก่น-ฝ่ายปกครองบุกค้นบ้าน ‘ไผ่ ดาวดิน’ ยึดป้ายผ้า ทำเนียบเข้มห้ามรถทุกชนิดเข้าไปจอด รวมถึงให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารสำคัญออกไปเก็บไว้ก่อน หวั่นซ้ำรอยกรณีพธม.บุกยึด ด้าน ‘บิ๊กตู่’ ออกทีวีพูลปลุกโควิด-งัดปัญหาเศรษฐกิจขวางม็อบลุกฮือ อ้างขอให้ปัญหาไปก่อนค่อยมาคุยการเมือง

ประยุทธ์อ้างอย่าทำผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย.ว่า ตนได้มอบให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับดูแลในภาพรวม ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ทำงานตามหน้าที่ไป เน้นย้ำว่าขอให้ปฏิบัติด้วยความนุ่มนวล เพราะเป็นเด็กลูกหลานทั้งนั้น ตรงนี้ขอร้องว่าอะไรที่ไม่ควร ไม่ถูก สถานที่ราชการต่างๆ เหล่านี้ มีกติกา กฎหมายอยู่แล้ว ไม่ควรปฏิบัติให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ตนได้ย้ำ เจ้าหน้าที่ขอให้ระมัดระวังที่สุด เพราะอาจมีหลายคน หลายฝ่าย พยายามให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น เพื่อให้บานปลาย ซึ่งรัฐบาลต้องไม่ให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย ที่ผ่านมาคนทั้งประเทศทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นและกฎหมายคืออะไร รัฐธรรมนูญคือรัฐธรรมนูญ มีกฎหมายลูกอีกหลายร้อยฉบับ ถ้าเรามัวแต่อ้างรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว มันเป็นกฎหมายกรอบใหญ่ แต่ในทางปฏิบัติ มันเป็นกฎหมายลูก ทุกคนต้องระวังด้วย

“ผมไม่ได้ขู่ใคร แต่ประเทศมันอยู่ด้วยกฎหมาย อยู่ด้วยหลักการและเหตุผลของกฎหมายแต่ละฉบับ ถ้าทุกคนตั้งใจจะฝ่าฝืนกฎหมาย ผมคิดว่าคนอื่นคนทั้งประเทศเขาจะยินยอมหรือไม่ เพราะจะเกิดผลกระทบกับคนอื่นเขาด้วย ช่วงนี้ผมไม่ได้ไปขัดแย้งกับท่าน ซึ่งท่านจะชุมนุม อ้างตามรัฐธรรมนูญก็อ้างไป แต่ในส่วนที่จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย เดือดร้อน ขอให้มีจิตสำนึกตัวเองด้วย เพราะท่านคือคนไทย หากประเทศไทยเกิดปัญหาขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหาทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ คงไม่ใช่นายกฯ หรือรัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว ฉะนั้นขอให้เข้าใจหลักการและเหตุผลตรงนี้ด้วย”นายกฯ กล่าว

ซัดคนเดิมๆปลุกเร้า-ทุกคนรู้ดี

นายกฯ กล่าวว่า จะชุมนุมจะอะไรก็เป็นสิทธิ แต่สิทธิของคนอื่นจะว่าอย่างไร ในเรื่องสถานที่ราชการจะว่าอย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็น กติกาของประเทศ เป็นกฎหมายที่ทุกคนจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์จากการกระทำ อย่างที่เขาพูดว่า You get what you pay ภาษาฝรั่งเขาพูดอย่างนี้ ท่านทำอะไรได้อย่างนั้น ตัวเองไม่ได้เดือดร้อน แต่ประเทศชาติเดือดร้อน คนอื่นเดือดร้อน ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้เมื่อทุกคนบอกรักชาติ รักประเทศ ต้องการจะแก้ไขประเทศ ก็ต้องเริ่มจากแก้ไขตัวเองก่อน จะต้องเข้าใจกันอย่างไร ถ้าเริ่มต้นในสิ่งที่ขัดแย้งกันตลอด มันไปไม่ได้ทั้งหมด วันนี้เราต้องมองไปข้างหน้า โดยสืบสานตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนปุ๊บเป็นแบบนั้นเลย ลองไปดูว่าทำได้หรือไม่ กฎหมายเป็นอย่างไร วิธีการทำงานเป็นอย่างไร

“ฉะนั้นหลายคนก็พูดออกมา แล้วทำให้เกิดความเชื่อมั่น เชื่อถือ โดยไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่พูดมาแล้วนั้น มันเป็นอันตราย หรือมันทำได้หรือไม่ได้ แต่ทุกคนก็พูดให้เพื่อปลุกเร้า คนเหล่านี้ ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด เราผ่านบทเรียนมามากพอแล้ว ในอดีตถึงปัจจุบัน มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดมาหลายครั้งแล้ว และบางครั้งคนเดิมๆ เขาอยู่ และวันนี้ยังทำเช่นนั้นอยู่ ซึ่งทุกคนทราบดี ผมคงไม่เอ่ยถึงใครให้มีปัญหากันอีก แต่ทุกคนต้องมีจิตสำนึก ตราบใดที่ทุกคนยืนในประเทศไทย ต้องคิดร่วมกันทำให้ประเทศ ประชาชนปลอดภัย การพัฒนาประเทศเดินไปข้างหน้า” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากการชุมนุมเคลื่อนมาใกล้เขตพระราชฐาน จะให้ข้อคิดอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายคือกฎหมาย

ขอมธ.หยุดเรียน-สอน-ติดต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.มุนินทร์ พงศาปาน คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ลงนามในบันทึกข้อความ เรื่อง งดการเรียนการสอน และงดการติดต่อ ในวันที่ 19-20 ก.ย. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เนื่องจากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และคณะประชาชนปลดแอก จะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย. ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจึงขอความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ให้งดการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และงดการติดต่อ ระหว่างวันที่ 19-20 ก.ย.2563 และให้มหาวิทยาลัยปิดประตูทางเข้า-ออกด้านสนามหลวง และด้านท่าพระจันทร์ โดยให้เข้า-ออกประตูพระอาทิตย์เพียงประตูเดียว และจะต้องแสดงบัตรประจำตัว พนักงานมหาวิทยาลัย หรือบัตรประจำตัวประชาชน

โดยแจ้งเหตุผลความจำเป็นแก่เจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของฝ่ายความมั่นคง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดังที่กล่าวมาข้างต้น คณะนิติศาสตร์จึงงดการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และงดการติดต่อที่ท่าพระจันทร์ ระหว่างวันที่ 19-20 กันยายน 2563 และคณะนิติศาสตร์ มีความจำเป็นต้องปิดประตูทางเข้า-ออก ทุกจุดภายในอาคารคณะนิติศาสตร์ท่าพระจันทร์ จึงขอความร่วมมือคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ งดเว้นการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว

วันเดียวกัน มีการเผยแพร่เอกสารขอความร่วมมือบุคลากร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ทุกหน่วยงานให้ดำเนินการ ดังนี้ ให้บุคลากรทุกหน่วยงานออกจากพื้นที่มหาวิทยาลัยก่อนเวลา 20.00 น. ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ หรือจักรยานยนต์ส่วนตัวมาจอดในพื้นที่มหาวิทยาลัย และหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินด้านการรักษาความปลอดภัยให้ติดต่อเจ้าหน้าที่

เดินสาย – ทนายอานนท์ นำภา แกนนำประชาชนปลดแอก เข้ารับทราบข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดชุมนุมวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มมวลชนมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ ที่สภ.เมืองลำปาง เมื่อวันที่ 17 ก.ย.

อานนท์รุดตัวสภ.เมืองลำปาง

ที่สภ.เมืองลำปาง อ.เมืองลำปาง นายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง ที่มีหมายเรียก สภ.เมืองลำปาง เพื่อมาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากได้ร่วมกันจัดกิจกรรมลำปางรวมตัวกันเฉพาะกิจ เรียกร้องประชาธิปไตย ที่สวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา เมื่อวันที่ 26 ก.ค. โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนมามอบดอกไม้และให้กำลังใจพร้อมกับร่วมกันถ่ายภาพ โดยทนายอานนท์กล่าวว่า หากได้มาขึ้นศาลที่ จ.ลำปาง จะนั่งรถม้าไปขึ้นศาล จากนั้นเดินเข้าไปในห้องสอบสวน เพื่อเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง เพื่อให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

พร้อมชี้แจงศาลรธน.ตามจริง

นายอานนท์กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำวินิจฉัยการชุมชุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ว่าคงจะเข้าไปสู้ในกระบวนการ ยินดีที่จะเข้าไปพูดคุย และชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามกรอบเวลา 15 วัน ขณะนี้ยังไม่มีไรเพิ่มเติมไปมากกว่านี้ ส่วนคดีที่ จ.ลำปาง รับทราบข้อกล่าวเรียบร้อยแล้วก็รอตำรวจส่งฟ้อง สำหรับการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก็ยังคงดำเนินต่อไป

ก่อนหน้านี้ นายอานนท์โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า จริงๆ ไม่ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ก็ล้วนแต่เป็นคุณต่อการต่อสู้ทั้งสิ้น สิ่งที่จะต้องทำต่อไปคือการผลักดันข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้เป็นวาระของคนทั้งประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญ จัดวางสถาบันให้อยู่ในร่องในรอยของระบอบ ที่สำคัญ การต่อสู้ครั้งนี้จะไม่มีทางสำเร็จ ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน เดินไปด้วยกัน

6 พรรคฝ่ายค้านหนุนม็อบ

ที่รัฐสภา แกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมแถลงเรียกร้องเรื่อง สิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้ฝ่ายค้านในสภา และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ว่าการชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 19 ก.ย.นี้ พรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นว่าการแสดงออกและการเรียกร้องของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ถูกต้องและทำได้

นายสมพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้การแสดงออกดังกล่าวเป็นไปได้อย่างเสรี รัฐบาลต้องเปิดพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยในการแสดงออก ของประชาชน โดยปราศจากการคุกคามแทรกแซงให้ร้าย และด้อยค่าการแสดงออกดังกล่าว รัฐบาลต้องไม่ทำลายความคิดเสรีของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชน ด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กฎหมายที่บิดเบือนข้อเท็จจริง การนิ่งเฉยปล่อยให้ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธสลายการชุมนุม และกักขังหน่วงเหนี่ยว ทั้งนี้ข้อเรียกร้องต่างๆ ของนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนควรต้องนำไปพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสีย ความเหมาะสมอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเป็นธรรม ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมให้กับสังคมไทย

เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาในวันที่ 19 ก.ย.นี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะไปร่วมด้วยหรือไม่ นายสมพงษ์กล่าวว่า จะมีส่วนที่เป็นกมธ.ปกครองฯ ไปสังเกตการณ์ ส่วนกรณีที่ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ให้ใช้สถานที่ชุมนุมนั้น ตนมองว่า การแสดงออกของนิสิต นักศึกษา และประชาชนสามารถกระทำได้ ขณะที่มหาวิทยาลัยมีส่วนกับประชาชนโดยตรง ดังนั้นนักศึกษา หรือใครที่จะเข้าไปทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นสิทธิและเสรีภาพโดยตรงอยู่แล้ว ไม่ควรที่จะปิดกั้น แต่ตนไม่ทราบว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัยนั้นมีแนวคิด หรือได้รับข้อมูลอย่างใดมาจึงทำให้เกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า ควรมีการอ่อนโอน

ย้อนประยุทธ์ใครคนเดิมหนุนหลัง

ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า อธิการบดีทั้ง 16 มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ เคยเข้ามาชี้แจงต่อกมธ. ซึ่งกมธ.หลายคนได้ถามว่า ในฐานะที่มหาวิทยาลัยรับเงินงบประมาณจากภาษีประชาชน พื้นที่ของมหาวิทยาลัย หากประชาชนหรือนักศึกษามีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพ อธิการบดีตอบว่ายินดีจะให้พื้นที่ แต่ตอนนี้มีข่าวออกมาก็ยังสงสัย โดยเฉพาะอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ตอบไว้ชัดเจน ทั้งนี้ เราไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจไปสกัดกั้น หรือคุกคาม ซึ่งเราก็พร้อมจะดูแลทุกฝ่าย

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ ระบุคนหน้าเดิมคือคนชักใยม็อบว่า อยากรู้เหมือนกันว่าคนหน้าเดิมที่ว่านั้นคือใคร ทั้งนี้ หลักสำคัญของพรรคร่วมฝ่ายค้านคือ เราเห็นว่า การแสดงออกเป็นเสรีภาพของประชาชน เราสนับสนุนในหลักการพื้นฐานนี้ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งรัฐธรรมนูญก็ได้รองรับ แต่ที่เราห่วงคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราอยากเห็นทุกฝ่ายช่วยกันหาพื้นปลอดภัยให้นักศึกษา และประชาชน ภายใต้กรอบของกฎหมาย ตนอยากให้ผู้ใหญ่ทุกคนที่เกี่ยวข้องใจกว้าง เราเชื่อว่าเรื่องหลักที่เด็กๆ พูด คือเขาอยากสร้างอนาคตของเขา ให้เขามีส่วนร่วม เพราะเขาต้องเดินไปในอนาคตวันข้างหน้า เราในฐานะผู้ใหญ่ ควรเปิดโอกาสที่จะแสวงหาทางออกร่วมกันกับเขา หวังว่าเราจะช่วยกัน เพราะเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะร่วมกันหาทางออกที่ดี

วอนอธิการมธ.ร่วมหาทางออก

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สงสัยจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์เองหรือไม่ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนที่กรอกเพลงใส่หูเด็ก คนที่ปลูกฝังค่านิยม 12 ประการ ก็คือท่านเอง ท่านจะด้อยค่าเด็กแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะเขามี ความคิด ความอ่านเป็นของเขาเอง สรุปคือ พล.อ.ประยุทธ์ และผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องเลือกว่าจะพาบ้านเมืองไปหาทางออกหรือทางตันให้กับประเทศ ถ้าจะหาทางออกให้ประเทศท่านต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัย พื้นที่การศึกษา เหมือนเช่นระดับสากลที่เขาทำกันเมื่อมีการชุมนุมให้มีการพูดคุยกันอย่างเสรี หรือถ้าจะ พาไปหาทางตันกดดันเด็กให้ไร้ทางออกแล้วผลักไปอยู่ที่โซเชี่ยลอย่างเดียว แล้วก็ให้เขาพูดในส่วนของเขาผู้ใหญ่อย่างเราไม่มีสิทธิได้ฟัง

นายพิธากล่าวต่อว่าฉะนั้นถ้าเราจะพาเขาไปหาทางออกเราต้องหยุดคุกคามเขา และรับฟังพวกเขาจริงๆ ไม่ทัดทานอนาคต แต่ถ้าจะพาไปถึงทางตันก็เท่ากับว่าพยายามที่จะกีดกั้นความคิดสร้างสรรค์ที่มันจะเป็นอนาคตของประเทศ ดังนั้นใน 2-3 วันนี้ยังพอมีเวลาที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งนายกฯ อธิการบดี ส.ว. ยังมีโอกาสที่จะเลือกว่าจะพาประเทศไทยไปหาทางออกหรือทางตัน แต่ถ้ามันไปถึงทางตันแล้วเราไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นเราต้องหาออกร่วมกันไม่เช่นนั้นถ้าบ้านเมืองถึงทางตันและจะลุกเป็นไฟได้

เตรียมรับมือหากยึดทำเนียบ

เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประทีป กีรติเลขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ได้เชิญหน่วยงานภายในทำเนียบและฝ่ายความมั่นคง รวมทั้งตัวแทนองค์กรภายนอกที่มีสาขาในทำเนียบ อาทิ ตำรวจสันติบาล เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ร้านสะดวกซื้อ และตัวแทนบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบแนวทางปฏิบัติและเตรียมความพร้อมในการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

จากนั้น พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผกก.4 บก.ส. 3 ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมหารือถึงข้อปฏิบัติในช่วงจะมีการชุมนุม วันที่ 19-20 ก.ย.นี้ รวมถึงการเตรียมความพร้อมหากการชุมนุมส่งผลให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้ามาปฏิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาลได้ ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ ขอให้ทุกหน่วยงานในทำเนียบรัฐบาล เก็บสิ่งของจำเป็นและเอกสารสำคัญ ออกตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.นี้ รวมถึงเคลื่อนย้ายรถยนต์ ที่จอดค้างคืนออกจากทำเนียบรัฐบาล สำหรับการดูแลความเรียบร้อยภายในทำเนียบ จะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น 1-2 กองร้อยประจำการ และจะประเมินในสถานการณ์จริงอีกครั้ง โดยจะได้ตั้งศูนย์ประสานงานร่วมที่ตึก 20 เพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกัน

พ.ต.อ.วัชรวีร์กล่าวว่า นอกจากนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบช.น. ที่เตรียมความพร้อมอยู่ด้านนอก หากเกิดเหตุจำเป็นภายในทำเนียบรัฐบาลก็จะสามารถเข้ามาร่วมปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลได้ทันที ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประเมินสถานการณ์รายวันอยู่ตลอด เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงและคงไม่บุกเข้ามาภายในเหมือนกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่เคยบุกเข้ามายึดเมื่อปี พ.ศ.2551

อ้างพื้นที่ต้องห้าม-ประชิดไม่ได้

“พื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นเขตหวงห้าม หากผู้ชุมนุมฝ่าฝืนบุกเข้ามาถือว่ากระทำผิดตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และคาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของ บช.น. จะตรึงกำลังเพื่อให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงได้แค่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์” พ.ต.อ. วัชรวีร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล และพระราชวังดุสิต ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.วัชรวีร์กล่าวว่า ใช่ เมื่อถามว่าในการหารือวันนี้ได้ประเมินหรือไม่ว่าการชุมนุมดังกล่าวจะยืดเยื้อออกไป หรือไม่ พ.ต.อ.วัชรวีร์กล่าวว่า จะต้องประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง

ค้นบ้าน‘ไผ่’ – ตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น บุกค้นบ้านนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำม็อบน.ศ. ตรวจยึดป้ายผ้า 17 ผืน เตรียมใช้ชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย.ที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.

ตร.บุกค้น-ยึดป้ายกลุ่มดาวดิน

เมื่อเวลา 12.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ธน พรรณานนท์ ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองรวมกันกว่า 20 นายนำหมายค้นของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 300/2563 เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 148/25 ม.14 ซ.อดุลยาราม 1/3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่ทำการของสมาชิกกลุ่มดาวดิน เพื่อตรวจยึดเอกสารหลักฐาน ซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา, มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้หรือตั้งใจจะใช้ในการ กระทำความผิด

ระหว่างการขอเข้าตรวจค้นนั้น สมาชิกกลุ่มดาวดินและแกนนำกลุ่มนักศึกษา ขอตรวจเอกสารของทางเจ้าหน้าที่และขอตรวจบัตรเจ้าพนักงาน จนมีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย ก่อนที่นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมด้วยทีมทนายความและแกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันทีและแกนนำนักศึกษาจะมาสมทบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจยึดป้ายของกลุ่มนักศึกษารวม 17 ป้าย และเดินทางกลับโดยไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ

นายนวพล ต้นงาม แกนนำกลุ่ม UNME ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุนั้นนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ภายในบ้านพัก เจ้าหน้าที่จำนวนมากเข้ามาเพื่อขอตรวจค้น เราได้ขอดูหมายศาลและขอตรวจบัตรเจ้าหน้าที่ ซึ่งพบว่าบางคนมีบางคนไม่มี จึงขอให้เจ้าพนักงานที่มีชื่อ มีบัตรตรงตามกับหมายศาลเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็มาตรวจยึดป้ายที่นักศึกษาได้ทำเอาไว้ คือป้ายที่ใช้ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ก.ย. รวมทั้งป้ายข้อเรียกร้องต่างๆ ที่เตรียมใช้ในการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ

‘พนัส’ยื่นอธิการมธ.-ทบทวน

วันเดียวกัน นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และอดีตส.ว.ตาก เปิดเผยว่าจะยื่นจดหมายถึง รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอให้ทบทวนคำสั่งไม่อนุญาตให้แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาลภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยจะส่งจดหมายทางอีเมล์ เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีมติไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่จัดการชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนและคัดค้านมติของมหา วิทยาลัย โดยเฉพาะฝ่ายสนับสนุนคำสั่งที่อ้างว่ามาจากศิษย์เก่าทั้งหมด นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิ ส่วนฝ่ายคัดค้านมตินำโดยนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ

นายพนัสกล่าวว่า มีศิษย์เก่า 2-3 คน มาปรึกษาตน หลังจากนายแก้วสรรมายื่นสนับสนุน ซึ่งเราไม่เห็นด้วย เราควรเข้าชื่อกันเพื่อให้อธิการบดีทบทวนมติ จากไม่อนุญาต มาเป็นอนุญาตให้ใช้พื้นที่ เพื่อเป็นหลักประกันว่าการชุมนุมไม่ผิดกฎหมาย เป็นการช่วยเหลือป้องกันความปลอดภัยให้กับ ผู้ชุมนุมที่มีนิสิต นักศึกษาและประชาชน หากไปชุมนุมนอกมหาวิทยาลัย จะตกอยู่ในความเสี่ยงได้รับอันตราย หวังอย่างยิ่งว่า อธิการบดีจะทบทวนมติและเปิดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาใช้ และการยืนยันว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว ตามคำกล่าวของนายสัญญา ธรรมศักดิ์ อดีตอธิการบดี

นายพนัสกล่าวด้วยว่าอยากให้อธิการบดีและผู้บริหารใช้วิจารณญาณ เราเสนอแค่ข้อมูลเข้าไป เพื่อจะรักษาธรรมศาสตร์เป็นดินแดนให้เสรีภาพและประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จึงอยากสงวนหลักการนี้ไว้

บิ๊กตู่ออกทีวีพูลงัดโควิดขู่ม็อบ

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ แถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ออกอากาศในเวลา 18.05 น. ซึ่งบันทึกเทปไว้ล่วงหน้าในช่วงบ่าย ถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม โดยใช้เวลา 10 นาทีว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในโลก อาจส่งผลต่อประเทศไทยในช่วงเวลาข้างหน้านี้ ขณะนี้กำลังเกิดการระบาดของโควิดครั้งใหญ่ ระลอกใหม่ ทั้งในยุโรป และที่อื่นๆ ปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 12,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนการเพิ่มต่อวัน ที่มากกว่าเมื่อตอนสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ในเดือนมี.ค.และเม.ย.ที่ผ่านมา

นายกฯ กล่าวว่า ในขณะที่ประเทศฝรั่งเศสขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เกือบ 10,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนการเพิ่มต่อวัน มากกว่าในช่วงที่สถานการณ์แย่ที่สุดเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบัน ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 30,000 ส่วนที่อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในหนึ่งสัปดาห์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 42,000 คน รวมทั้งที่อื่นๆ ในโลก อย่างอินเดีย ขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ภายในวันเดียว กว่า 90,000 คน หรือสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 30,000 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 200,000 คน

อ้างเสี่ยงต่อแพร่เชื้อ-ฟื้นศก.ช้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ว่า ขอใช้โอกาสนี้ พูดกับคนกลุ่มต่างๆ ที่อยากจะออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่างๆ เมื่อเวลาที่มารวมตัวกันนั้นกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล ที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย ขณะเดียวกัน กำลังเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกัน อีกสิบๆ ล้านคน การจุดชนวนการแพร่ระบาดโควิด ให้เสี่ยงที่จะลุกโชนขึ้นมาอีก นั่นจะส่งผลกระทบที่เลวร้าย และทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อนผม ขอให้ทุกท่าน คำนึงถึงเรื่องนี้ ให้มาก

“ผมขอบอกทุกคนที่อยากจะออกมาชุมนุม ชัดๆ ว่า ผมได้ยินสิ่งที่ท่านพูด ผมรับทราบความคับข้องใจของพวกท่านในเรื่องการเมือง และความไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ผมเคารพความคิดเห็น และความรู้สึกของท่าน แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วน ที่เราจำเป็นต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิดได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้ การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ย้ำให้เจ้าหน้าที่นุ่มนวลต่อผู้ชุมนุม

นายกฯ กล่าวว่าสิ่งที่สั่งการไปคือ ขอให้ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะยังเชื่อว่า ผู้ที่จะออกมาประท้วง จะมีความตระหนักรู้ ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวัง และอยู่ในขอบเขต แต่ก็ขอฝากไปถึงทุกคนที่จะออกมารวมตัวกันว่า ขอให้นึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มากๆ คนไทยอีกเป็นสิบๆ ล้านคน ที่จะได้รับผลกระทบ จากการที่ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโควิด และเพิ่มความเสี่ยงให้เราต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง ภารกิจของตนชัดเจน คือต้องปกป้องคนไทยไม่ให้เกิดการสูญเสียในชีวิต เป็นหมื่นๆ ชีวิต เหมือนในประเทศอื่น และป้องกันหายนะทางเศรษฐกิจที่จะตามมาจากการเสียชีวิตของผู้คน และหายนะที่จะตามมาจากการล็อกดาวน์ ฉะนั้น เรายังต้องระมัดระวัง

กฟน.ส่งช่างไฟอยู่ทำเนียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำเนียบรัฐบาลเตรียมพร้อมเรื่องแผนดูแลความเรียบร้อยและแนวทางปฏิบัติ ตลอดจนปรับปุ่มระบบกล้องซีซีทีวี ซึ่งในช่วงเย็นวันนี้ เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้เข้ามาตรวจสอบและปรับปรุงระบบแสงสว่างรอบทำเนียบ โดยเฉพาะไฟส่องสว่าง หรือเสาไฮแมส จำนวน 2 จุด บริเวณสนามหญ้าระหว่างตึกบัญชาการ 1 และตึกไทยคู่ฟ้า และบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกสันติไมตรี

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เข้ามาซ่อมแซมระบบไฟฟ้าที่ชำรุดในหลายจุดแล้ว และวางระบบสายไฟใหม่ เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่าง แบบสปอตไลต์ ตามเสาไฟฟ้าที่มีอยู่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลกว่า 10 จุด พร้อมเตรียมเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้าสำรอง 2 เครื่อง เพื่อสำรองไฟฟ้ากรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน จะเข้ามาติดตั้งในวันที่ 18 ก.ย. รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาประจำจำนวน 5-6 คน จนกว่าสถานการณ์การชุมนุมจะคลี่คลาย

ภาคีศาลายาบุกทบ.ต้านปฏิวัติ

ที่หน้าบก.ทบ. กลุ่มภาคีนักศึกษาศาลายา นำโดยนายณวิบูล ชมภู่ ประธานภาคีฯ และน.ส.อาทิตยา พรพรม มาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ต้านรัฐประหาร “Bloody Purity เลือดล้างมลหิน รัฐประหารไม่ใช่ทางออกของแผ่นดินไทย” โดยสาดสีลงบนเสื้อลายพราง รถถัง และปืนจำลอง พร้อมอ่านแถลงการณ์

นายณวิบูลอ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเกิดรัฐประหารมาแล้ว 13 ครั้ง พวกเราบอบช้ำตกต่ำทางเศรษฐกิจ มีการใช้กฎหมายเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดย 7 ปีที่ผ่านมาเห็นชัดแล้วว่ารัฐบาลทหารไม่สามารถนำพาประเทศนี้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ ขาดองค์ความรู้ความสามารถและไม่ตระหนักถึงสติปัญญาของตนเองในการบริหารประเทศ อีกทั้งยังร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ บีบให้ประชาชนต้องก้มหัว และยอมจำนนต่ออำนาจไม่ชอบธรรม เราไม่อาจยอมให้ประเทศชาติถดถอยโดยปล่อยให้พวกท่านทำการกบฏต่อประเทศได้อีกต่อไป

“คำกล่าวอ้างที่ว่าการทำรัฐประหารทำให้บ้านเมืองสงบนั้น เป็นเพียงคำกล่าวอ้างของรัฐบาลทรราช เพื่อล้างมลทินคำสั่งการสลายการชุมนุมด้วยกระสุนจริงและสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการยึดอำนาจ ขอเรียกร้องดังนี้ 1.รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชน 2.ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ภายใต้เงื่อนไขไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือนายกฯนอกบัญชีพรรคการเมือง 3.ต้องไม่มีการทำรัฐประหาร 4.ต้องร่างกติกาเลือกตั้งใหม่ไม่ให้ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเลือกนายกฯ 5.แก้ไขหรือยกเลิกรัฐธรรมนูปี 60” นายณวิบูลกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน