รร.รับผิด
พ่อแม่ฮือ
โร่พบตร.
โผล่อีกคน
ไม้กวาดตี

ครูจุ๋มอ่วม ผู้ปกครองเด็กอนุบาล 3 แจ้งจับทำ ร้ายลูก ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นล้าน เตรียมเอาลูกออกจากโรงเรียนดัง พร้อมสู้คดีหากถูกฟ้องกลับ ด้านผู้การตำรวจนนท์ สั่งสอบ-ดำเนินคดีทุกคลิป แยกตามความผิด 1 ครั้ง 1 คดี ขณะที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ต้นสังกัด ไล่ครูจุ๋มออกแล้ว แถลงยอมรับผิด ลงโทษครูที่รู้เห็นเหตุการณ์แต่ไม่ช่วยปราม ล่าสุดโฉ่อีก ครูดนตรีโรงเรียนเดียวกัน ใช้ไม้กวาดตีเด็กทั้งห้อง 7 ผู้ปกครองแจ้งจับที่สภ.ชัยพฤกษ์ เผยผอ.โรงเรียนเคยขอร้องให้ปิดเรื่องเงียบ ได้ไล่ครูคนนี้ออกแล้ว

จากกรณีโลกโซเชี่ยลแชร์คลิปพฤติกรรมของครูจุ๋ม ที่กำลังทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลอายุ 3 ขวบในชั้นเรียน ทั้งผลักหัวเด็กจนไปฟาดกับกำแพง ลากเด็กไปมากับพื้นแล้วนั้น ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ปกครองทั้งที่ส่งลูกหลานเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ และผู้ปกครองที่ไม่ได้ส่งลูกหลานในโรงเรียนแห่งนี้ ต่างเข้าไปโพสต์ประณามการกระทำของครูจุ๋ม และเรียกร้องให้ครูโรงเรียนนี้ออกมารับผิดชอบกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมและรุนแรง จนกระทั่งโรงเรียนปิดเพจเฟซบุ๊กของทางโรงเรียน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี นายชาญวิทย์ น้อย สุขยิ่ง อายุ 37 ปี พ่อของด.ช.วัย 3 ขวบ 8 เดือน นักเรียนชั้นอนุบาล 3 ห้องอี ที่ถูกครูทำร้ายร่างกายและมีภาพวงจรปิดเปิดเผยเป็นคนแรก กล่าวถึงกรณีที่ทาง น.ส.อรอุมา (สงวนนามสกุล) หรือครูจุ๋ม ที่ทำร้ายเด็กจะฟ้องกลับที่บันดาลโทสะทำร้ายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตามที่ปรากฏในคลิปนั้น เกิดขึ้นกับลูกชายตน จังหวะนั้นแม่ของน้องเมื่อเห็นคลิปก็ฟิวส์ขาดเข้าไปทำร้ายก่อน ตนก็สุดจะทนจริงๆ คนเป็นพ่อแม่เห็นลูกถูกทำร้ายก็เหลืออดทนไม่ไหว ใจมันสลาย อยากให้สังคมมองกลับไปว่า ในคลิปมีครูอยู่ 4-5 คน แต่เวลาทำร้ายเด็ก กลับไม่มีใครเห็นใครสนใจ ตนสอบถามครูที่อยู่ในคลิป ได้คำตอบว่ามองไม่เห็น แต่เวลาตอนที่ตนบันดาลโทสะทำร้ายครู ทำไมทุกคนมองเห็น ช่วยมาห้ามกันเลย เด็กที่ถูกทำร้ายเป็นเด็กตาดำๆ ตัวเล็กๆ คงร้องขอความช่วยเหลือว่าอย่าทำเขา เด็กคงเจ็บร้องไห้ ห้องข้างๆทำไมไม่มีใครได้ยินเลยหรือ

นายชาญวิทย์กล่าวต่อว่า ถ้าครูคนนั้นจะแจ้งความดำเนินคดีกับตน ตนไม่ยอมรับในความผิดนี้ ถ้าเขาฟ้องมา ตนก็จะฟ้องกลับ พร้อมต่อสู้คดีทุกเรื่อง หลังจากนี้จะย้ายลูกออกจากโรงเรียนนี้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันเตรียมปรึกษาทนายความฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเยียวยาจิตใจให้สูงที่สุดเป็นเงินหลักล้านบาท แต่ยังไม่บอกว่ากี่ล้าน ซึ่งตนฟ้องเรียกค่าเสียหายแน่นอน เพราะสภาพลูกตนในตอนนี้มีอาการก้าวร้าว ตบหน้าพ่อแล้วบอกว่าพ่อเสียงดัง ลูกไม่กล้าเข้าห้องน้ำคนเดียว กลายเป็นเด็กอั้นปัสสาวะเพราะกลัวโดนตี เวลาทานข้าวทำไมโรงเรียนให้เด็กทานแค่ 5 นาทีเท่านั้น เพราะในคลิปเมื่อถึงเวลาครูจะรีบดึงถาดข้าวออกทันที ทั้งๆที่เด็กยังกินข้าวคาช้อนคาปากอยู่เลย ตนจึงเพิ่งมารู้ว่า ทำไมลูกของตนถึงหิวทุกวันในตอนไปรับกลับบ้าน สาเหตุเพราะทานอาหารไม่อิ่มจากการกระทำดังกล่าว ทั้งๆตนจ่ายค่าอาหารโรงเรียนไปก็ไม่ใช่ราคาถูก

แจ้งจับ‘ครูจุ๋ม’ – ผู้ปกครองพากันแจ้งความเอาผิด‘ครูจุ๋ม’ในคลิปตบเด็กที่ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ขณะที่ทางโรงเรียนดังแถลงยอมรับผิด เสียใจ ไล่ออกแล้ว เตรียมเอาผิดครูคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ แต่ไม่ห้าม เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

 

หลังจากนั้นนายชาญวิทย์ ได้มอบคลิปเพิ่มเติมวันที่ 16 ก.ย.2563 เป็นภาพลูกชายกำลังดื่มนมและถูกครูตี ส่วนคลิปที่ 2 เป็นภาพในห้องเรียนที่มีภาพเด็กอีกคน ถูกลากไปติดกำแพง จากนั้นครูเดินมาลากลูกไปที่ด้านหน้าห้องจนศีรษะกระแทกกำแพง อีกคลิปเป็นภาพน้องอีกคนถูกครูลากเข้ามาในห้องแล้วถูกผลักจนศีรษะกระแทกขอบรูป เด็กพยายามยกมือไหว้ขอออกนอกห้องแต่ครูไม่ยอมให้ออก โดยคลิปทั้งหมดถูกนำมาแจ้งความเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับครูสาวใจร้ายคนดังกล่าวต่อไป

ด้านพล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชระมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในคดีดังกล่าว ทำคดีนี้ด้วยความรอบคอบและรัดกุม หากพบคลิปพบการกระทำความผิดของครูคนดังกล่าว ก็ให้แยกเป็นคดีๆ ออกมา ทำกับเด็กอีกคนหนึ่งก็เป็นคดีหนึ่ง ทำกับเด็กคนเดิมอีกวันหนึ่งก็เป็นอีกคดีหนึ่ง ต่างคน ต่างกรรม ต่างวาระ กันไป พบการกระทำผิดกี่คลิปกี่เหตุการณ์ก็คงดำเนินคดีให้หมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกัน เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าจากเหตุการณ์พฤติกรรมการลงโทษนักเรียนที่เกิดขึ้น ในวันพุธที่ 23 ก.ย.2563 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ขอแสดงความเสียใจต่อนักเรียน และผู้ปกครองอย่างสุดซึ้ง มา ณ โอกาสนี้ และขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้เร่งติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง พบว่าเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ได้มีผู้ปกครองเข้ามาร้องเรียนว่า บุตรหลานถูก น.ส.อรอุมา (สงวนนามสกุล) คุณครูพี่เลี้ยง ทำโทษเกินกว่าเหตุผู้ปกครอง จึงขอเข้ามาตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องเรียนระดับชั้นอนุบาล 1

โรงเรียนได้เปิดห้องประชุม เพื่อรับรองผู้ปกครอง และให้ผู้ปกครองได้ดูภาพเหตุการณ์ โดยผ่านจอโปรเจ็กเตอร์เหตุการณ์ดังกล่าวต่อหน้า โดยมิได้ปิดบังความจริง หรือตัดต่อเนื้อหาใดๆ อันซึ่งจะทำให้เกิดความบิดเบือน ปรากฏว่าภาพครูพี่เลี้ยงได้ลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุจริง ทางโรงเรียนจึงได้ติดตามครูพี่เลี้ยงมาชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น ครูคนดังกล่าวได้ยอมรับว่ากระทำการและใช้วาจาไม่เหมาะสมต่อนักเรียน เป็นเหตุให้นักเรียนได้รับความเสียหายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ จึงให้พ้นสภาพของการเป็นบุคลากรของโรงเรียนทันที และจะลงโทษทางวินัยต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นลำดับต่อไป

ทางโรงเรียนได้ร่วมกับผู้ปกครองนำคลิปไปแจ้งความที่ สภ.ชัยพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยลงบันทึกประจำวัน ณ วันที่ 24 ก.ย.2563 ทางโรงเรียนได้พูดคุยกับ ผู้ปกครอง เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.ด้านคดีความ โรงเรียนจะคอยอำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองเพื่อดำเนินดคีแก่ครูพี่เลี้ยงและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด โดยโรงเรียนได้ส่งทีมกฎหมายคอยให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างใกล้ชิด

2.ด้านมาตรการป้องกัน แก้ไขปัญหา และการเยียวยา โดยผู้ปกครองได้เสนอแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาหลายประการ เช่น การติดกล้องวงจรปิดในห้องเรียน การเปลี่ยนครูประจำชั้น และการจัดให้มีนักจิตวิทยาดูแลนักเรียน รวมทั้งแนวทางการเยียวยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะมีการนัดพูดคุยอีกครั้งในวันที่ 29 ก.ย.นี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ยึดมั่นในการให้ความรู้และความเป็นธรรมต่อนักเรียนและสังคม มีความเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ได้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดอย่างสุจริตและสัตย์จริง โดยมิได้เพิกเฉยหรือเข้าข้างผู้กระทำผิด และแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที ทั้งการสอบสวนอย่างเปิดเผย การลงโทษทั้งในส่วนของโรงเรียนและตามกฎหมาย การปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงการเยียวยาแก้ไขป้องกัน เพื่อให้โรงเรียนรักษาไว้ซึ่งคำมั่นสัญญาในการเป็นสถาบันแห่งการศึกษาที่ปลอดภัยไว้ใจดังเดิมต่อไป

ต่อมาเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.จิรภา (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี แม่ของ ด.ญ.อ้อย อายุ 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ได้ไปรับลูกที่โรงเรียนแล้วลูกบอกว่าถูกครูบลู อายุ 23 ปี ครูสอนดนตรีคีย์บอร์ด ใช้ด้ามพลาสติกที่ตักขยะตีมือเด็กนักเรียนทั้งห้อง 39 คน จนด้ามพลาสติกแตก อ้างเด็กนักเรียนคุยกันเสียงดัง ส่วนลูกสาวไม่รู้เรื่องไปเข้าห้องน้ำกลับมายังถูกตีไปด้วย หลังเกิดเหตุวันที่ 19 ส.ค. ตนพร้อมด้วยผู้ปกครอง 7 คน ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ณัฐพล ดวงสุริยา รอง สว.(สอบสวน) สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ให้ดำเนินคดีกับครูบลู

น.ส.จิรภากล่าวว่า หลังจากที่ไปแจ้งความทาง ผอ.โรงเรียนได้มาไกล่เกลี่ย ขอโทษ ผู้ปกครอง พร้อมขอร้องไม่ให้แจ้งนักข่าว โดยได้แจ้งว่า ครูคนดังกล่าวเป็นศิษย์เก่าที่เรียนจบไปแต่มีความสามารถในการสอนดนตรี จึงรับเข้ามาสอน ซึ่งทางโรงเรียนได้ไล่ออกไปแล้ว ในส่วนเด็กนักเรียน ทางโรงเรียนจะเยียวยาจิตใจดูแลเด็กด้วยการสั่งซื้อไอศกรีมให้รับประทาน ให้เด็กดูหนังการ์ตูน พร้อมทั้งให้เรียนพิเศษฟรี 3 เดือน แต่ตนคิดว่าอันนี้มันคือปลายเหตุแล้ว ตนและผู้ปกครองคนอื่นๆ ต้องการความรับผิดชอบมากกว่านี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย โดยเสนอให้ทางโรงเรียนติดกล้องวงจรปิดภายในห้องเรียนและพื้นที่โรงเรียนด้วย ส่วนคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุซ้ำซึ่งห่างกันไม่ถึงเดือน แต่โชคดีที่มีกล้องวงจรปิดและเห็นพฤติกรรมครูที่ทำกับเด็กอนุบาล ตนอยากให้ทางโรงเรียนก่อนจะรับครูเข้ามาสอนเด็กควรมีการตรวจสอบว่ามีใบประกอบวิชาชีพครูหรือไม่ ไม่ใช่รับบุคคลทั่วไปเข้ามาสอนเด็ก แต่ทางโรงเรียนก็ไม่ได้ทำตามที่เรียกร้องไป จะให้ผู้ปกครองมาคอยนั่งตรวจสอบเองมันก็ไม่ใช่ ส่วนเรื่องคดีนั้นในวันที่ 1 ต.ค. ทางสำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้เรียกผู้ปกครองและเด็กนักเรียนไปสอบปากคำกับสหวิชาชีพ ซึ่งตนพร้อมผู้ปกครองเด็กทั้ง 7 ราย ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน