คดีทำร้ายเด็ก
ครูจุ๋มโร่เคลียร์
ถอนแจ้งความ

ครูจุ๋ม’ครวญถูกโรงเรียนหลอก แจ้งความผู้ปกครองแล้วลอยแพ ทั้งที่รู้สึกผิดไม่อยากทำอยากถอนแจ้งความพร้อมขมาผู้ปกครอง ตร.ส่งฟ้องเพิ่ม 7 ครู ทุบอนุบาล 8 ต.ค.จ่อฟ้องอีก 3 ราย ผบช.ภ.1 เผย คุรุสภาจะแจ้งความผอ.โรงเรียนและผู้บริหารสารสาสน์ราชพฤกษ์ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ครู ตั้ง 4 ทีมสอบสวนลุยคดี ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครูมิ้วและครูกิ๊ฟ เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน ขณะที่ร.ต.อ.อุทิศ อาสานอก รองสารวัตรสอบสวน นำเอกสารผัดฟ้องฝากขังครูและพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ 10 ราย มีครูบลู น.ส.ญาณวัฒนา จิตตวิมล, ครูอิ้ว น.ส.ทิพย์สุดา หินพราย, ครูแพร น.ส.อนรรฆอร พานบัว, ครูแพรว น.ส.แพรวนภา ศรีพูด, ครูอิง น.ส.โชษิตา ชมเชย, ครูส้ม น.ส.นภาพร คำเนตร, ครูเจี๊ยบ น.ส.เบญจมาพร บาทเงิน, ครูนิ น.ส.นิษาชล พัฒนแสง, ครูมิ้ว น.ส.อภัสรา ทองสุก, ครูกิ๊ฟ น.ส.ภาสินี กลิ่นเดช ยื่นต่อศาลแขวงนนทบุรี ในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ ผัดละ 6 วัน

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถผัดฟ้อง ต่อศาลแขวงนนทบุรี ได้ทันเพียง 7 ราย ส่วน 3 รายที่ผัดฟ้องฝากขังไม่ทันประกอบด้วย ครูอิง ครูมิ้ว และครูกิ๊ฟ โดยเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวไป ก่อนจะนำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายส่งฟ้องในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ส่วนอีก 7 ราย ศาลแขวงนนทบุรี อนุญาตให้ประกัน โดยใช้เงินคนละ 8,000 บาท

พ.ต.อ.เดชรพี คงดี รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี หัวหน้าชุดสอบสวนที่รับผิดชอบในคดีนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ถูกทำร้ายร่างกายและกระทำรุนแรงต่อเด็ก ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในคดีวันนี้ โดยในเบื้องต้นครูและพี่เลี้ยง 13 คน ที่ถูกผู้ปกครองแจ้งความดำเนินคดี ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนครบทั้ง 13 รายแล้ว ภายหลังจากการสอบปากคำครูและพี่เลี้ยงใน บางส่วนเสร็จแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ได้ควบคุมตัวครูและพี่เลี้ยง 5 ราย เดินทางไปส่งผัดฟ้องที่ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรีแล้วในช่วงเที่ยง

จากนั้นเวลาต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ควบคุมตัวครูแพรที่สวมชุดคล้ายชุดคลุมท้อง สวมหน้ากากอนามัยและหมวกปิดบังใบหน้าออกมาจากห้องสอบสวน ก่อนนำตัวขึ้นรถเก๋งไปส่งผัดฟ้องที่ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี เป็นรายที่ 6 ของวันนี้ โดยไม่มีนายเดชา กิตติวิทยานันนท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ทนายที่รับหน้าที่ดูแลคดีของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ มาติดตามช่วยเหลือคดีในวันนี้

ที่บช.ภ.1 พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 16-28 ก.ย.ที่ผ่านมา เฉพาะโรงเรียนสารสาสน์ในพื้นที่ภาค 1 รวม 10 แห่ง สมุทรปราการ 4 แห่ง ปทุมธานี 3 แห่ง นนทบุรี 3 แห่ง มีคดีความทั้งสิ้น 54 คดี มีผู้เสียหายประมาณ 30 คน สอบปากคำครบแล้ว พบว่าผู้เสียหายบางรายมีมากกว่า 1 คดี คือลูกหลานถูกครูพี่เลี้ยงคนเดียวกันทำร้าย และมีครูกับพี่เลี้ยง 13 คนที่การกระทำเข้าข่ายผิด มามอบตัวแล้ว 9 ราย คาดว่าวันนี้คงจะทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม นอกจากนี้ คุรุสภาจะแจ้งความ ผอ.โรงเรียนและผู้บริหารสารสาสน์ราชพฤกษ์ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ครู เกี่ยวกับการรับคนเข้าสอน คาดว่าพรุ่งนี้จะนัดทางโรงเรียนมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.ชัยพฤกษ์

พล.ต.ท.อำพล ยังเผยต่อว่า ได้สั่งตั้งคณะทำงานสอบสวนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม สอบปากคำเด็กนักเรียนร่วมกับสหวิชาชีพ ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากครูบางรายได้แจ้งความกลับผู้ปกครอง เข้าใจว่าผู้เสียหายก็เกิดความสะเทือนใจที่เห็นบุตรหลานถูกกระทำ แต่ก็ฝากเตือนผู้ปกครองว่าต้องแยกแยะเช่นกัน เพราะก็เป็นสิทธิของครูที่ถูกทำร้ายจะแจ้งความกลับ นอกจากนี้เราได้ประสานเรื่องในคดีทั้งทางแพ่งและอาญาไปยังอัยการสูงสุดแล้ว








Advertisement

ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ผู้ปกครองน้องเสือ นักเรียนอนุบาล โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อขอหนังสือส่งน้องเสือ ลูกชายไปตรวจสุขภาพ โดยพ่อน้องเสือกล่าวว่า จะพาน้องเสือเข้าไปรับการตรวจสภาพจิตใจ ตอนนี้สภาพจิตใจของน้องแย่มาก มีอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว นอนกลางคืนยังมีอาการผวา เวลาเดินยังมีการระแวงตลอดเวลา เหมือนกับระแวงว่าพี่เลี้ยงจะทำร้ายเขาเมื่อไหร่สรุปคือลูกมีอาการที่รุนแรงมาก ส่วนในกรณีที่ทางทนายความพาครูจุ๋ม เข้าแจ้งความดำเนินคดีตนและภรรยา ยอมรับครับว่าทำร้ายเขา ก็พร้อมที่จะจ่ายค่าปรับตามประมวลกฎหมายครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมา ถ้าเกิดว่ามีการเรียกมาสอบปากคำหรือว่าเขาต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มก็ยินดี

“จริงๆ ผมใจอ่อนแล้ว ตอนแรกว่าจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่มาถึงวันนี้เขาเกิดติดใจมาฟ้อง ผมก็จะดำเนินการจัดเต็มที่ครับที่เท่าไหร่ก็เต็มพดานเลย เขาจะมีให้ผมหรือไม่มีให้อันนี้เรื่องของเขาแล้ว เพราะว่าผมทำผิดกฎหมายยินดีเสียค่าปรับตามประมวลกฎหมาย แต่ท่าทางเขาเนี่ยเขาทำลูกชายผมโดยไม่ยั้งคิดเลย ผมก็เรียกตามกฎหมายเหมือนกันแล้วก็เต็มเพดานที่ที่กฎหมายรองรับ” พ่อน้องเสือกล่าว

พ่อน้องเสือกล่าวต่อว่า ถ้าโรงเรียนออกมาคุยกับผู้ปกครองด้วยความจริงใจ แสดงความรับผิดชอบกับผู้ปกครองผู้เสียหายจริงๆ เรื่องคงจบ ไม่ใช่เอากำแพงกั้นแล้วก็มาทำให้เรื่องราวมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มาพูดเหมือนแบบคนทำผิดก็แค่ออกไปแล้วเด็กก็เรียนต่อได้อะไรเเบบนี้ แต่จิตใจของเด็กมันไม่ใช่ง่ายเหมือนผู้ใหญ่

วันเดียวกัน น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือครูจุ๋ม โทรศัพท์เข้าไปพูดคุยกับแม่น้องรีวิว เปิดใจถึงเรื่องที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปกครองของน้องเสือว่า ตนถูกทางผู้บริหารของโรงเรียนสั่งให้เข้าแจ้งความทั้งที่ไม่มีความคิดในเรื่องนี้เลย เพราะมีความรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนเองอยู่แล้ว หลังแจ้งความตนถูกรุมประณามจากสังคมอย่างมากจนรู้สึกมีความเครียด ถูกโซเชี่ยลวิจารณ์ถึงความไม่รู้สำนึกผิดของตน นอกจากนั้นเมื่อแจ้งความแล้วทางโรงเรียนและทนายก็ไม่ได้มาพูดคุยหรือให้คำปรึกษากับตนอีกเลย รู้สึกเหมือนถูกลอยแพ เครียดจนไม่อยากเจอใครจึงได้ตัดสินใจโทร.มาหาคุณแม่น้องรีวิว เพื่อขอคำปรึกษาว่า พร้อมจะขอถอนแจ้งความ และให้ช่วยประสานพูดคุยกับพ่อน้องเสือ ถ้าพ่อน้องเสือตกลงตามที่ขอและพร้อมอภัยให้ ก็ยินดีจะไปพบพ่อน้องเสือและผู้ปกครองทุกคนเพื่อกราบขอขมาในทุกเรื่องที่กระทำลงไปด้วยใจจริง โดยในการพูดคุยบางช่วงพี่เลี้ยงจุ๋มมีเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้

แม่น้องรีวิวกล่าวว่า ถ้าพี่เลี้ยงจุ๋มมีความประสงค์จะเข้ามาขอโทษด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเสแสร้ง ก็จะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับผู้ปกครองโดยเฉพาะพ่อของน้องเสือ ว่าจะยอมรับคำกล่าวขอโทษหรือไม่ แล้วจะแจ้งให้ทางพี่เลี้ยงจุ๋มทราบต่อไป

วันเดียวกัน นายสุภัทร จำปาทอง รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่ามีผู้ปกครองได้แจ้งความกรณีทำร้ายเด็กแล้วกว่า 50 คดี หนึ่งในนั้น คือสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา แจ้งความเอาผิดกรณีครูผู้สอนไม่มีใบอนุญาตฯ ขณะที่ทาง สช. อยู่ระหว่าง ตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ทั้งทะเบียนครู ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานล่าสุด มีครูคนไทยที่มีใบอนุญาตฯ 130 คน ครูต่างชาติที่มีใบอนุญาตฯ ถูกต้องราว 76 คน และอยู่ระหว่างขอดำเนินการจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันต้องตรวจสอบข้อมูลนักเรียน และค่าเล่าเรียนด้วย คาดว่าภายใน 2-3 วันจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน นอกจากนี้ตามข้อตกลง จะคืนค่าเล่าเรียนให้เด็กที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งต้องดูตามหลักฐาน กล้องวงจรปิดที่เก็บภาพไว้ และจนถึงขณะนี้มีผู้ปกครองขอย้ายที่เรียนแล้วทั้งหมด 6 ราย ซึ่งทางสช. จะประสานหาที่เรียนให้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน